เธอส่ายหน้าเอ่ยพึมพำเหมือนคนเลื่อนลอย ผู้ชายในความมืดยังคงตั้งหน้าตั้งตาจูบเธออย่างเอาเป็นเอาตาย ทำราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปในท้อง ไม่ว่าเธอจะดิ้นหนีไปทางไหนก็ไม่อาจรอดปากลิ้นเขาไปได้ เสื้อผ้าบนตัวเธอถูกมือหยาบช้าดึงทึ้งหลุดออกทีละชิ้นอย่างรีบร้อน เรือนกายใหญ่โตแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางหว่างขา ถูไถความแข็งขึงบดเบียดอยู่แถวๆ ท้องน้อย ก่อนจะสอดแทรกโจนจ้วงเข้าใส่ตัวเธออย่างหิวกระหาย
“ไม่! อย่าทำฉัน...ปล่อยยย!” เธอกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง แต่เงาดำที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตัวเธอกลับไม่สนใจ ไม่ยอมหยุด เอาแต่กระทั้นกระแทกแนบแน่นไม่หยุดพัก ปล่อยให้เธอร้องไห้และดิ้นรนจนเหนื่อยหอบ อ่อนแรง มีเพียงแววตาแดงก่ำที่จับจ้องมองเธอจากความมืดไม่วางตา
ภัคพิงค์หลับตาแน่น สะอื้นฮักจนตัวโยน ไม่รู้เลยว่าโดนกระทำอย่างนั้นยาวนานแค่ไหน และไม่รู้ว่าจบลงเมื่อไร...
เธอตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวันภายในโรงแรมที่จัดงานเพียงลำพัง ไม่มีใครให้คำตอบเธอได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่สิ่งที่รับรู้ได้อย่างชัดเจนก็คือเธอไม่ได้ฝัน วินาทีที่เห็นร่องรอยบนเนื้อตัวและคราบคาวใคร่ที่น่าสะอิดสะเอียน
เธอถูกข่มขืน!
ความจริงที่ตีแสกหน้าทำให้เธอช็อกแน่นิ่งคล้ายสติหลุดลอย ความรู้สึกพังทลายราวกับโลกถล่มลงตรงหน้า ร่างกายล้มฟุบคาเตียงเจ็บปวดเหมือนจะตายเสียให้ได้ ร่างทั้งร่างค่อยๆ สั่นเทา สะท้านสะเทือนอย่างรุนแรงจนควบคุมไม่ได้ น้ำตาไหลทะลักไม่ยอมหยุด ทั้งที่ไม่มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดดังออกมาจากปาก มีเพียงมือสั่นระริกที่กดกุมหน้าอกเอาไว้แน่น
มันคือตราบาปที่สลักฝังแน่นติดตัวเธอดังเงา สลัดอย่างไรก็ไม่มีทางหลุดพ้น ยิ่งอยากจะลบเท่าไรกลับยิ่งฝันร้ายมากขึ้นเท่านั้น เป็นเรื่องน่าอดสูเกินกว่าที่เธอจะเล่าหรือระบายให้ใครฟังได้ แม้แต่กับเพื่อนที่สนิทและไว้วางใจมากที่สุด ได้แต่เก็บงำและต่อสู้กับความเจ็บปวดที่จะตามหลอกหลอนเสียดแทงใจเธอไปจนถึงวันตายเพียงคนเดียว
อุบัติเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับเธอคืนนั้นไม่มีใครรู้นอกจากพ่อแม่เธอ พวกท่านไม่ได้ต่อว่า แค่โอบกอดเธอไว้และไม่เคยพูดถึงมันอีกเลย คล้ายไม่ต้องการให้เธอจดจำ พวกเรายังคงใช้ชีวิตกันตามปกติ ท่านทำธุรกิจ เธอเรียนหมอ เส้นทางชีวิตของเธอกับนเรนทร์ห่างไกลกันเรื่อยๆ ยาวนานถึงสี่ปีเต็ม ไม่มีการติดต่อพบหน้า ไม่เคยเฉียดผ่านกัน แค่รับรู้ข่าวคราวของเขาเข้าหูบ้างประปราย
กระทั่งภัคพิงค์เรียนปีสุดท้ายและเข้ามาฝึกงานที่โรงพยาบาลราษฎร์นรากูลตามที่รักษ์การแนะนำ เหมือนฟ้าจะเห็นใจในความอับโชคของเธอ จึงปลอบประโลมด้วยการดลใจให้รสสุคนธ์ทาบทามสู่ขอเธอจากพ่อ เธอกับนเรนทร์จึงวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ทุกอย่างเป็นใจให้สองเราสานสัมพันธ์ เธอไม่มีใคร ส่วนเขาก็เลิกรากับแฟนสาว รุ่นน้องที่ตามจีบก็เปิดตัวแฟนหนุ่ม แถมรักยังกันดูดดื่ม นเรนทร์เลยต้องยอมถอยเพราะไม่มีทางให้สานต่อ
พวกเราจึงได้แต่งงานกัน...
ภัคพิงค์เชื่อมาโดยตลอดว่าแม้หลายปีนี้เธอกับเขาจะคลาดกันไปหลายหน จนเธอคิดว่าคงหมดหวังแล้ว แต่เราก็ยังวนกลับมาเจอกันอีกจนได้ ระหว่างเราอาจเกิดความบาดหมางเข้าใจผิดกันนับไม่ถ้วน แต่เธอก็เชื่อว่าทุกอย่างล้วนมีเหตุผลในตัวของมัน เธอกับเขาก็เหมือนกัน ในท้ายที่สุดพวกเราก็ยังได้คู่กัน เธอได้เป็น ‘ภรรยา’ ของนเรนทร์อย่างถูกต้อง
แต่ว่าตอนนี้...
แพทย์สาวมองสามีพูดคุยกับแฟนเก่าอย่างสนิทใจ มือผู้หญิงคนนั้นยกอังหน้าผากเขา ขณะที่คนของเธอก็ไม่คิดจะไม่ปฏิเสธ ไม่แม้แต่จะเบี่ยงหน้าหลบหรือปัดมือหล่อนออก คล้ายกับรู้เห็นเป็นใจ มุมปากของภัคพิงค์กระตุก ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าตัวเองไม่พอใจแค่ไหน จึงรีบหลังหันเดินเข้าห้องตรวจทันที
เท่านี้ก็เห็นชัดแล้วว่าเนรนทร์คิดอย่างไร คนรักตัวจริงของเขากลับมาแล้ว...
ยังจะมีที่ให้เธอยืนอีกหรือ?
ภัคพิงค์อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะตัวเองที่เผลอใจเต้นรู้สึกดีกับเขาไปหลายครั้งในวันนี้ ยังดีที่เธอไม่วาดวิมานในอากาศไว้สวยหรู แต่เลือกจะเผื่อใจไม่คิดคาดหวังกับเขาให้มากมายเหมือนเมื่อก่อน ไม่อย่างนั้นคงเจ็บซ้ำเจ็บซากจนน่าสมเพชเวทนา ถึงอย่างไรคนที่อยู่ใจเขาก็ไม่ใช่เธอ...
ไม่เคยใช่!
นเรนทร์อาจจะรักผู้หญิงหลายคน แต่หนึ่งในนั้นไม่มีเธออยู่ เขาไม่เคยรักเธอเลยสักนิด อย่างมากที่สุดที่เขาจะคิดกับเธอก็แค่เพื่อนทั่วๆ ไปเท่านั้น แค่นั้นจริงๆ ใจเขาไม่เคยเปลี่ยนและก็คงจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแน่นอน สิ่งที่เขาคิดหรือมองเธอจึงไม่ต่างจากบ่วงคล้องคอที่น่ารำคาญ ต้องเร่งหาทางกำจัดออกไปให้เร็วที่สุด
ยิ่งตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกลับมาแล้วจริงๆ เธอเองก็ควรมองหาเส้นทางเพื่อตัวเองมากหน่อย อย่างแรกที่ต้องจัดการคือตัดใจจากเขาให้ขาดเสียที!