นเรนทร์กึ่งอุ้มกึ่งลากตัวภรรยามาที่ลานจอดรถ พอภัคพิงค์ขัดขืนมากๆ เข้าก็รวบตัวขึ้นอุ้มจนกระทั่งถึงรถ จับตัวเธอยัดเข้าไปในข้างในพลางชี้หน้าว่าห้ามลงเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นได้เห็นดีกับเขาแน่ ก่อนจะก้าวสาวยาวๆ ขึ้นมานั่งฝั่งคนขับ ปิดประตูเสียงดังปังทำเอาคนขวัญอ่อนสะดุ้ง กดปุ่มล็อกกันเธอหนี แล้วกระชากแขนเธอที่หันหน้าหนีให้ตอบคำถามเอาเรื่องของเขาว่า
“เมื่อกี้คุณคิดจะไปกับไอ้รักษ์ใช่มั้ย!?”
ภัคพิงค์ขมวดคิ้ว เขาเป็นบ้าอะไร อยู่ดีๆ ก็มาหาเรื่องเธอ
“ฉันจะไปไหนมาไหนกับใครมันก็เรื่องของฉัน คุณจะโมโหทำไม” ทีตัวเองเที่ยวควงยัยโบว์วี่ร่อนไปไหนมาไหนยังไม่เห็นจะเกรงใจเธอเลย เธอเคยพูดสักคำไหม เขามีสิทธิ์ทำได้ แต่ห้ามไม่ให้เธอทำอย่างนั้นหรือ...
ตลกละ!
โมโห?
คำพูดคล้ายแทงใจดำทำให้นเรนทร์ได้สติ รู้ตัวว่าเผลอแสดงอออกมากเกินไป หัวคิ้วขมวดแน่นอย่างไม่ยอมรับ อารมณ์ภายในแปรปรวนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถูกสะกดไว้ด้วยส่วนที่เรียกว่าทิฐิ สายตารุ่มร้อนค่อยๆ สงบลงกลายเป็นความเย็นชาเหมือนดังเคย
“คุณหลงตัวเองมากไปรึเปล่า ที่ผมพูดเพราะไม่อยากให้ใครเอาไปนินทาว่า เมียผมเที่ยวควงผู้ชายไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่พี่ชายผมต่างหากละ คุณอาจจะเคยชินกับเรื่องแบบนี้ แต่ผมไม่อยากมีเรื่องเสื่อมเสียมาถึงวงศ์สกุลของผม ช่วยวางตัวในฐานะคุณผู้หญิงเตชะนรากูลให้เหมาะสมกับเงินก้อนโตที่ครอบครัวคุณได้รับไปด้วย อย่าทำให้ผมกับครอบครัวต้องอับอาย”
ภัคพิงค์กำมือแน่น เล็บที่จิกเข้าเนื้อจนแสบเจ็บมือไปหมด แต่ความเจ็บปวดกลับพุ่งตรงไปที่หัวใจทำให้ดวงตาเธอสั่นไหว ความเจ็บปวดถาโถมจนเกินจะรับ โดนสามีดูถูกว่าเจ็บแล้ว แต่ยังไม่เท่ากับได้รู้ถึงสิ่งที่เขาคิดกับเธอ ที่แท้ในสายตาและหัวใจของนเรนทร์ก็ไม่เคยสลัดความคิดที่ว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวและหน้าเงินไปได้เลย
“คุณคิดกับฉันแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ” ภัคพิงค์ยิ้มขื่นพึมพำคล้ายพูดกับตัวเอง แต่คนขับข้างๆ ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
บรรยากาศภายในรถตกอยู่ในความเหน็บหนาวเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน คนหนึ่งอ่อนล้า อีกคนเย็นชา ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลยหลังจากนั้น กระทั่งรถปอร์เช คาเยนน์ขับมาจอดหลังลานน้ำพุตรงหน้าคฤหาสน์โอ่อ่า ภัคพิงค์รถจากรถเดินดุ่มๆ ไปหามารดาเขาที่สวนดอกไม้ทันที ทิ้งให้นเรนทร์ฮึดฮัดที่เธอทำราวกับรังเกียจเหมือนเขาเป็นโรคร้ายที่ต้องหนีไปให้ไกล
โกรธก็โกรธไป ใครสน!
ชายหนุ่มตรงดิ่งเข้าบ้านเลยจากที่ตั้งใจจะเดินไปหาแม่พร้อมภรรยา หวังจะช่วยเบี่ยงเบนลดแรงกดดันที่ท่านอาจพูดหรือทำสิ่งใดให้เธอไม่สบายใจเอาได้ แต่ในเมื่อภัคพิงค์อยากอวดเก่งดีนัก งั้นก็ปล่อยให้เธอเผชิญหน้ากับแม่เขาเอาเองแล้วกัน
ฟากภัคพิงค์ที่เผชิญหน้ากับแม่สามีด้วยท่าทีอ่อนน้อม ก็กำลังอึดอัดใจอย่างที่นเรนทร์คิดไว้ไม่มีผิด ใจเต้นตุ๊มๆ ต้อมๆ ไม่รู้ว่าแม่สามีจะต่อว่าอะไรเธอหรือไม่ ที่ช่วงนี้เธอจงใจหลบหน้าท่านตลอด เพราะไม่รู้จะตอบคำถามเกี่ยวกับลูกชายท่านว่าอย่างไร ข่าวที่นเรนทร์ควงโบว์วี่ไม่ใช่ความลับ นักข่าวสายบันเทิงกับสังคมออกจะเล่นข่าวกันไม่เว้นวัน
แน่นอนว่า...เรื่องนี้ต้องเข้าหูท่านเรียบร้อยแล้ว
ที่เธอหวั่นใจก็คือกลัวท่านจะพูดเรื่องลูกนี่แหละ เพราะแม่สามีเปรยๆ เรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่เธอยังไม่มีคำตอบที่น่าพอใจให้ท่านได้
ภัคพิงค์ได้แต่ยืนประสานมือมองแม่สามีตัดแต่งกิ่งต้นไม้ดอกไม้อยู่ข้างๆ ไม่กล้าเอ่ยปากเพราะกลัวไม่เข้าหูท่าน รอจนรสสุคนธ์วางกรรไกรตัดกิ่งลงในตะกร้าวางอุปกรณ์ทำสวน ล้างมือเช็ดมือเรียบร้อยแล้วจึงหนมาสนใจลูกสะใภ้
“วันนี้มีเวลาว่างมาเยี่ยมแม่ได้แล้วหรือ”
แค่คำถามแรกก็ทำเอาคนถูกถามจุกจนแทบจะคลำหาเสียงไม่เจอ ภัคพิงค์ได้แต่ยิ้มรับจางๆ สีหน้าจืดเจื่อนอย่างรู้สึกผิด