5.

1470 คำ
“นี่นายอีกแล้วเหรอ ไอ้คนฉวยโอกาส” เมื่อตั้งตัวได้ และสติกลับมา ก็สาดคำด่าใส่ผู้ชายที่ยืนทำหน้าเบื่อโลกอยู่ตรงหน้าทันที ให้ตายเถอะ โลกมันกลมหรือว่าคนมันดวงซวยกันแน่เนี่ย ถึงได้มาเจอกันอีก ภัสสรได้แต่คิดในใจอย่างอารมณ์เสีย “ให้มันน้อยๆหน่อยมั้ย คิดว่าฉันอยากจะแตะต้องตัวเธอมาเลยหรือไง ถ้ารู้ว่าคนที่กำลังจะล้มหน้ากระแทกพื้นคือเธอฉันไม่ช่วยให้เสียเวลาหรอก” พีรพัฒน์ก็สวนกลับไปแพ้กัน บ้า! บ้าสิ้นดี นึกว่าวันนี้จะเป็นวันดีๆ ที่ไหนได้ เป็นวันซวยที่ต้องมาเจอยัยผู้หญิงปากจัดคนนี้ “แล้วใครใช้ให้นายมาช่วย ฉันข้อร้องนายเหรอ ก็ไม่” “นี่จะมาว่าฉันเสือกที่เข้าไปช่วยเธอว่างั้น” เอ่ยถามออกมาเสียงห้วนจัด ยัยผู้หญิงปากเสียคนนี้อย่างหวังเลยว่าชาตินี้จะได้ญาติดีกัน “ก็แล้วแต่นายจะคิด” ลอยหน้าลอยตายักไหล่ใส่พีรพัฒน์อย่างกวนประสาท ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาแต่ก็ต้องชะงักเพราะได้ยินคำพูดของชายหนุ่มลอยเข้าหู “เกิดมาฉันไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหน ไม่มีมารยาทเท่าเธอมาก่อนเลย คนอะไรไม่รู้จักบุญคุณ คนเขาอุตส่าห์ช่วย แทนที่จะขอบคุณ ดันมาด่าแล้วก็เดินหนี” ภัสสรหันขวับ กลับมาจ้องหน้าเจ้าของคำพูที่ยืนยิ้มเย้นหยันมาให้อย่างอารมณ์เสีย “ก็ถ้าเป็นคนอื่น ฉันก็คงขอบคุณไปแล้ว แต่นี่เป็นนายไง คำๆนั้นมันเลยไม่จำเป็น” “ทำไม! เป็นฉันแล้วทำไม เอ๋! หรือว่าเธอยังโกรธเรื่องวันนั้นที่ฉันว่าเธอ...แบนอย่างกับกระดานโต้คลื่น” จงใจเน้นประโยคสุดท้ายชัดๆ พร้อมกับยักคิ้วกวนๆ ไปให้อย่างสะใจ ยิ่งเห็นคนตรงหน้ายืนตัวสั่น สองมือกำเข้าหากันแน่น ก็ยิ่งอยากจะยั่วโมโห ส่วนภัสสรนั้นแทบจะคุมอารมณ์และสติตัวเองไม่อยู่ สูดลมหายฝจเข้าปอดลึก เพื่อเรียกสติที่กำลังจะขาดให้กลับมาดังเดิม “ไอ้ผู้ชายปากหมา ไอ้ผู้ชายเฮงซวย คิดว่าฉันจะเก็บเอาคำพูดห่วยๆที่ไม่ได้กลั่นมาจากสมองของนายมาใส่ใจหรือไง” “แล้วถ้าเธอไม่เก็บเอาคำพูดของฉันมาใส่สมอง แล้วเธอจะยืนโกรธจนตัวสั่นด่าฉันเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้ทำไม ยัยกระดานโต้คลื่น” “ไอ้ปากหมาเอ้ย ทนไม่ไหวแล้วโว้ย” ว่าแล้วก็พุ่งตัว เข้าไปข่วนหน้าหล่อนั้นทันทีให้หายแค้นและหายเจ็บใจ พีรพัฒน์ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็รีบหลับและป้องกันตัวเองจากเล็บแหลมเป็นพัลวัล จนคนที่อยู่บริเวณนั้น เริ่มหันมามองด้วยความตกใจและสนใจ ร่างสองร่างที่สู้รบตบมือกัน แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายมากไปกว่านี้ ภัสสรก็ถูกจับแยกออกมา “เห้ยๆๆ เดี๋ยวครับเดี๋ยว หยุดก่อนครับ” ธนวัฒน์จับคนตัวเล็ก ที่แรงมหาศาลแยกออกมาจากพีรพัฒน์อย่างยากลำบาก เพราะร่างบางนั้นดิ้นหนีไม่ยอมหยุด “ปล่อยนะ มาจับทำไมเนี่ย” พูดพร้อมกับสะบัดตัวออกจากการจับกุม แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกจับแน่นขึ้นกว่าเดิม “ไอ้นัท แกช่วยเอายัยหมาบ้านี่ออกไปทีดิ” พีรพัฒน์ร้องบอกเพื่อน ที่เข้ามาแยกภัสสรออกจากตัวเองเสียงดัง ส่วนร่างบางที่ถูกจับแยกออกมา หันขวับมามองพลเมืองดีมีน้ำใจ ที่เข้ามาขัดขวางการทำร้ายร่างกายของเธอกับพีรพัฒน์ตาขวางอย่างขัดใจ พยายามดีดดิ้นออกจากมือใหญ่ที่จับแขนไว้อย่างสุดแรง แต่ดิ้นหนียังไงก็ไม่หลุด จนหญิงสาวต้องหันมาพูดเสียงห้วนอย่างอารมณ์เสีย “นี่คุณ ปล่อยฉันได้แล้ว จะจับอะไรนักหนา เจ็บนะ” เมื่อได้ยินดังนั้น ธนวัฒน์ก็ปล่อยมือออกจากแขนเรียวที่จับไว้ทันที พร้อมกับพูดขอโทษออกมาอย่างสุภาพ “ขอโทษครับ...ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ เพื่อนผมทำอะไรคุณหรือเปล่า” “แกถามผิดคนหรือเปล่าไอ้นัท เพราะคนที่ถูกทำร้ายคือฉันแกเห็นมั้ยเนี่ยหน้าฉันแขนฉันเป็นรอยหมดแล้วเนี่ย ยัยบ้าเอ้ยผีเข้าหรือไงวะข่วนมาได้” “ก็ถ้าเพื่อนคุณไม่ปากหมากับฉันก่อนฉันก็คงไม่ทำอะไรเพื่อนคุณหรอกค่ะ” “แหม!... เจอผู้ชายหน้าตาดีเข้าหน่อยพูดจาดีเรียกคงเรียกคุณพูดคะพูดขา แต่ทีกับฉันจิกหัวเรียกไอ้เรียกนาย เหอะ!” เบะปากกรอกตามองบนอย่างหมั่นไส้เมื่อเห็นภัสสรพูดจาดีกับเพื่อนตัวเอง “เหอะ! ก็เพราะว่าเพื่อนนายเขาสุภาพและให้เกียรติผู้หญิงไง ไม่เหมือนนายที่ปากหมายืนเถียงกับผู้หญิงฉอดๆๆ” “ปากหมา? ไอ้พีนี่เหรอครับปากหมา” ธนวัฒน์เอ่ยถามอย่างฉงนปนสงสัย แม้จะรู้ว่าเพื่อนอย่างพีรพัฒน์มีนิสัยปากเสีย พูดตรงจนเกินไป จนกลายเป็นคนพูดแรงๆ แต่ถ้าเข้าขั้นถึงปากหมา มันก็ไม่นาจะใช่ “ก็ใช่น่ะสิ” “ก็ถ้าฉันปากหมาเธอมันก็ยัยผู้หญิงปากปีจอเหมือนกันนั่นแหละ” “ไอ้พีมันก็อันเดียวกันมั้ยวะปากหมากับปากปีจอ” ธนวัฒน์ที่ยังคงงุนงงอยู่กับการปะทะคารมของสองคนนี้ก็เอ่ยแทรกขึ้น “ก็ตามนั้น” “ไอ้ผู้ชายปากหมา ถ้าวันนี้เลือดหัวนายไม่ออกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าลูกศร” พูดออกมาอย่างเหลืออด ความอดที่มีขาดสะบั้นพุ่งตัวเข้าหาพีรพัฒน์อีกครั้ง แต่จู่ๆก็มีมือดีที่ไหนก็ไม่รู้ เข้ามาคว้าตัวหญิงสาวไว้ได้ทัน ร่างบางสะบัดสะบิ้งให้หลุดจากการจับไว้ อยากจะร้องออกมาให้สุดเสียงด้วยความโมโห จะมาจับอะไรเธอนักหนาเนี่ย “พี่ลูกหยุด หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ เป็นบ้าอะไรเนี่ย” เต้พูดพร้อมกับจับภัสสรไว้แน่น ด้วยรู้ถึงฤทธิ์และแรงของหญิงสาวดี ว่าเวลาโกรธแรงมหาศาลขนาดไหน ดีนะที่เขาเอะใจ ว่าทำไมหญิงสาวถึงมาเข้าห้องน้ำนานผิดสังเกต กลัวจะเกิดเรื่องเลยตามมาดู และก็เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด ว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน “ไอ้เต้ปล่อย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ แกจะมาจับฉันไว้ทำไมเนี่ย” “พี่ลูกใจเย็นๆดิวะ” “นั่นสิครับ ผมว่าค่อยๆคุยกันดีกว่านะครับ” ธนวัฒน์พูดเสริมอีกแรง เมื่อเหตุการณ์เริ่มจะบานปลายไปใหญ่ และสาวเจ้าก็เหมือนจะโกรธจนหยุดไม่อยู่ “ไม่คุย ไม่จำเป็นต้องคุย ยังไงวันนี้เลือดหัวไอ้ผู้ชายปากหมาต้องออก ด้วยฝีมือของฉัน” “กลัวตายล่ะ ยัยหมาบ้ายัยกระดานโต้คลื่น” พีรพัฒน์ยังคงยอกย้อนลอยหน้าลอยตา พูดออย่างไม่กลัวคำขู่ของอีกคนเลยสักนิด นั่นยิ่งทำให้ภัสสรเลือดขึ้นหน้า “ไอ้เชี่ยพี!! มึงหุบปากเดี๋ยวนี้เลย” หันมาปรามเพื่อนเสียงห้วน แม้จะรู้ว่าเพื่อนตัวดีนั้นปากดี แต่ก็ไม่คิดว่าจะพูดจาแรงๆแบบนี้กับผู้หญิง ก่อนจะหันไปพูดกับภัสสรและเต้ “ผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ ที่มันพูดจาไม่ดีแบบนั้นออกไป ผมว่าเราเลิกแล้วต่อกันเถอะนะครับ คนเริ่มมองใหญ่แล้ว...เอาอย่างนี้นะครับ เพื่อเป็นการขอโทษ ค่าเครื่องดื่มวันนี้ผมไม่คิดนะครับ” “ได้ยังไงวะไอ้นัท ร้านฉันไม่ใช่สถานสงเคราะห์นะเว้ย ถึงจะได้ให้มากินฟรีๆ” โพลงออกมาเสียงดังจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าตาไม่กระพริบ เช่นเดียวกับภัสสร ที่ก็มองตอบกลับมาตาเขียวปั๊ด พูดสวนกลับมาทันควัน “แล้วคิดว่าฉันอยากกินของนายฟรีๆ หรือยังไง ถ้าฉันรู้ว่าร้านนี้เป็นของนาย จ้างให้ฉันก็ไม่เข้ามาเหยียบหรอก ไอ้เต้แกไปเคลียบิลด้วย ฉันจะกลับแล้ว ไม่อยากอยู่ร่วมใช้อากาศหายใจกับผู้ชายปากหมาไม่มีสมองแถวนี้” พูดจบก็สะบัดตัวออกจากมือของเต้ที่จับไว้ เดินหน้าบึ้งฟึดฟัดออกจากร้านไปอย่างอารมณ์เสีย “ไปก่อนนะครับ แล้วก็ขอโทษแทนพี่สาวผมด้วยนะครับ” เต้หันมายิ้มแห้งๆ ให้สองหนุ่มที่ยืนอยู่ก่อนจะรีบเดินออกตามหญิงสาวไปด้วยความเร็ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม