กู้หลิวหยางถึงแม้จะได้เป็นขุนนางแล้วแต่ก็ยังหาเวลาช่วงวันหยุดมาพบหลานทั้งสองเสมอ ตัวเขาก็ใกล้จะต้องเข้าไปเป็นขุนนางในเมืองหลวงแล้ว และยังจะแต่งภรรยาในปีนี้อีกด้วย เขาจึงนำตำราที่ตนคัดลอกไว้ถึงห้าหีบมาฝากให้หลานทั้งสอง เรื่องอาจารย์ที่จะมาสอนตอนนี้ยังคงเร็วไปสำหรับเด็กสามหนาว เขาจึงให้สหายสนิทแวะมาให้ความรู้หลานทั้งสองอาทิตย์ละครั้งแทน
ลี่ฟางไม่มีความคิดที่จะกดดันเรื่องเรียนกับบุตรทั้งสอง หากทั้งคู่อยากทำสิ่งใดที่ไม่อันตรายนางล้วนแต่ไม่ขัดข้อง กลายเป็นฮูหยินอู่กับแม่นมจางที่กังวลกับซีฮันอยู่ตลอด เพราะเขาจะเล่นจนเย็นย่ำเมื่อถึงเรือนเสื้อผ้าก็มีรอยขาด ตัวสกปรกจนทั้งคู่ปวดใจ กับซีห่าวเรียกได้ว่าพวกนางวางใจมากกว่า
หลินจางหย่งในปีนี้หากไม่มีอะไรผิดพลาดเขาคงได้แต่งกับไป๋ฉินเยว่ ที่ต้องยื้อเวลาแต่งออกมาเพราะเขาต้องไว้ทุกข์ให้กับท่านย่าของตน ตอนนี้เขาเดือนทางผ่านเมืองหานโจวเพื่อขึ้นไปตรวจสอบเรื่องของอวิ้นอ๋องที่อยู่ชายแดนเหนือ จึงแวะพักที่เมืองหานโจว ระหว่างที่พักอยู่ในเหลาอาหาร เขาก็ได้ยินเสียงเด็กผู้ชายคุยกับบุรุษคนหนึ่ง
น้ำเสียงที่เล่าเรื่องฝึกวรยุทธ์คุยโตโอ้อวดความสามารถของตนจนเขายังนึกขำ จากน้ำเสียงอายุคงเพียงไม่กี่หนาวแต่กล้าคุยโตถึงเพียงนี้ แล้วยังมีเสียงเด็กอีกคนที่บอกว่าเขาจำสมุนไพรได้มากเพียงใด ในตำราเขาคัดตามได้กี่ตัวแล้ว เสียงบุรุษในห้องตอบรับอย่างเบิกบาน ช่างเป็นบิดากับบุตรที่รักใคร่กันเสียจริง หากตัวเขามีบุตรที่รู้ความเช่นนี้คงโชคดีไม่น้อย
ทั้งสองห้องออกจากห้องรับรองพร้อมกัน หลินจางหย่งเห็นหน้าเด็กทั้งคู่ที่อยู่ในอ้อมแขนของกู้หลินหยางก็ถึงกับใจกระตุก เด็กทั้งสองมองเขาด้วยดวงตากลมโตพร้อมยิ้มน้อยๆอย่างน่าเอ็นดู กู้หลินหยางเพียงก้มศีรษะให้เล็กน้อยแล้วเดินผ่านไป
"คุณชาย" หลินหยางเอ่ยเรียกหลินจางหย่ง เขาเติบโตมาพร้อมกับคุณชายตั้งแต่เล็ก ใบหน้าของเด็กแฝดคู่นั้นเหมือนคุณชายอย่างกับแกะสลักออกมา หากไม่อยู่ด้วยตลอดเขาคงคิดว่าคุณชายของตนมีภรรยาอยู่นอกจวน
หลินจางหย่งเมื่อดึงสติกลับมาได้แล้วก็เร่งออกเดินทางต่อ คนหน้าเหมือนกันไม่ใช่ว่าจะไม่มีเสียหน่อย เขายังมีงานที่ต้องรีบตรวจสอบจะมาเสียเวลาด้วยเรื่องเช่นนี้ไม่ได้ แต่เรื่องเพียงเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องที่กวนใจเขาไม่หยุด
ถึงจะไปถึงชายแดนแล้วแต่เขาก็ยังนึกถึงแววตาของเด็กทั้งคู่ที่มองเขา หากจะกล่าวแววตาของเด็กอีกคนช่างเหมือนกับจางลี่ฟางยิ่งนัก เมื่อคิดดูแล้วก็พบว่าจางลี่ฟางอยู่ที่เมืองหานโจวเช่นกัน เขาเกือบลืมนางไปเสียแล้ว เพียงแต่สามปีมานี้นางไม่เคยคิดจะติดต่อเขา เขาก็ไม่ได้สนใจในตัวนาง เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเริ่มเลือนรางไป
หลินจางหย่งรีบหาหลักฐานของอวิ้นอ๋องอย่างรวดเร็วเขาต้องการกลับไปหานโจวเพื่อตรวจสอบว่าเด็กแฝดทั้งคู่มีความเกี่ยวข้องกับตนหรือไม่ หลินหยางเข้าใจความคิดของนายดีจึงได้เสี่ยงชีวิตเข้าไปในตำหนักของอวิ้นอ๋องในคืนหนึ่ง
อวิ้นอ๋องเป็นพระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน หลังจากที่ฮ่องเต้เฟยหลงขึ้นครองราชย์ บรรดาอ๋องทั้งหลายก็ถูกส่งตัวให้ไปปกครองดินแดนชายแดน มีเพียงอวิ่นอ๋องเท่านั้นที่ดูเหมือนจะอยู่อย่างสงบแต่มิใช่ เขาสร้างกองกำลังของตนอย่างเงียบๆ โดยคิดเสมอว่าบัลลังก์ที่ฮ่องเต้เฟยหลงนั่งอยู่สมควรที่จะเป็นของตน
อวิ้นอ๋องเกิดจากกุ้ยเฟยที่เป็นที่โปรดปรานอย่างหนักในวังหลังแม้แต่ฮองเฮาก็ยังได้นับความโปรดปรานสู้นางไม่ได้ ฮ่องเต้พระองค์ก่อนยังเคยเปรยว่าตำแหน่งองค์รัชทายาทจะยกให้อวิ้นอ๋อง แต่ด้วยเหตุใดไม่มีใครทราบพระทัยของพระองค์ได้ ก่อนสิ้นพระชนม์พระองค์ยกตำแหน่งให้กับเฟยหยาง องค์ชายใหญ่ที่เป็นบุตรของฮองเฮา หากขุนนางทั้งหลายไม่ได้ยินกับหูด้วยตนเองก็คงไม่มีใครกล้าจะเชื่อว่าบัลลังก์จะตกเป็นขององค์ชายใหญ่
ถึงตอนนั้นอวิ้นอ๋องจะยอมรับความพ่ายแพ้เก็บหางของตนอย่างมิดชิด แต่ข่าวที่ส่งมาจากชายแดนเหนือเรื่องที่พบกองกำลังลับนอกด่าน ฮ่องเต้เฟยหลงยังไม่วางใจในตัวอวิ้นอ๋องจึงได้ส่งหลินจางหย่งมาตรวจสอบ หลักฐานที่มีน้อยนิดล้วนโยงมาที่อวิ้นอ๋องจะไม่ให้คิดระวังก็คงไม่ใช่
หากเรื่องนี้พัวพันถึงอวิ้นอ๋องจริง ขุนนางอีกหลายคนในราชสำนักคงต้องติดร่างแหไปด้วย แม้แต่ตระกูลไป๋ก็ดูจะเข้าข่าย เพราะใต้เท้าไป๋คือพี่ชายของกุ้ยเฟย ที่พระองค์กล้าส่งหลินจางหย่งมาตรวจสอบโดยไม่กลัวว่ามีสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลไป๋นั้น เพราะต้องการยืนยันถึงความภักดีของตระกูลหลินด้วย หากหลินจางหย่งปิดบังความผิดของอวิ้นอ๋องพระองค์ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บตระกูลหลินไว้
เรื่องของการหมั้นหมายมีฮูหยินหลินที่เป็นมารดาเลี้ยงของหลินจางหย่งจัดการให้ มารดาของหลินจางหย่งสิ้นใจหลังจากที่คลอดเขาออกมาไม่นาน บิดาจึงแต่งกับไป๋ซูเจียวเข้ามาตอนหลัง นางต้องการให้ลูกเลี้ยงแต่งกับหลานสาวของตนเพื่อช่วยดึงตระกูลไป๋กลับมารุ่งเรืองเช่นเดิมอีกครั้ง
มิใช่ว่าหลินจางหย่งไม่รู้ถึงเหตุผลของการแต่งงานในครั้งนี้ แต่บิดาไม่ได้ขัดแย้งกับมารดาเลี้ยงตัวเขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ แล้วคิดว่าตนจะแต่งกับใครก็ได้ จึงยอมรับงานหมั้นในครั้งนี้ไปกลายๆ เขาไม่ได้เป็นคนส่งของหมั้นด้วยตนเองทั้งหมดเป็นมารดาเลี้ยงที่จัดการ
หลังจากที่ค้นเจอสมุดบัญชีของตำหนักอวิ้นอ๋องแล้ว หลินจางหย่งก็เร่งเดินทางกลับเมืองหลวงโดยทิ้งหลินหยางไว้ที่เมืองหานโจวเพื่อสืบข่าวของตระกูลจาง
กู้หลิวหยางก็ไม่ได้นึกว่าคนที่เขาพบครั้งนั้นจะเป็นบิดาของหลานทั้งสอง เพราะหลินจางหย่งแปลงโฉมของตนออกมาสืบราชการลับ อาจจะเป็นด้วยสัญชาตญาณของเด็กแฝด เมื่อกลับถึงเรือนจึงถามถึงบิดาของตนกับลี่ฟาง
นางเตรียมคำพูดไว้แล้วสำหรับคำถามนี้ จึงบอกบุตรชายทั้งสองว่าบิดาของตนออกไปรบแล้วเสียชีวิตกลางสนามรบ ถึงทั้งคู่จะดูเศร้าใจที่เกิดมาก็ไม่ได้พบบิดา แต่อารมณ์ของเด็กเพียงมีสิ่งอื่นเร้าใจกว่าก็สิ้นความเศร้าเสียแล้ว