ลี่ฟางที่ตอนนี้ยังนอนซมอยู่บนที่นอน หากยังไม่รู้ว่าตั้งครรภ์ก็ไม่เป็นอันใด แต่พอรู้ตัวเท่านั้น ร่างกายก็อ่อนแอทันที เริ่มจากอยากจะนอนทั้งวัน กินอะไรก็กินไม่ได้ เหม็นไปหมด พอของเข้าปากก็อาเจียนทันที มีเพียงข้าวต้มผักดองที่นางยังพอกินลงได้บ้าง
แม่นมจางกับเสี่ยวจินต้องคิดอาหารใหม่ออกมาจนหัวหมุนแต่ลี่ฟางก็ยังกินได้ไม่มาก แม่นมจึงต้องบังคับให้นางกินวันหนึ่งหลายมื้อแทน
ลี่ฟางนอนซมได้สามวันนางก็ทนนอนไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นมาสั่งพ่อบ้านจางให้ปรับปรุงร้านค้าทั้งสองร้าน นางจะทำรถเข็นเด็กกับรถหัดเดินออกมาวางขาย อีกร้านนางยังคิดไม่ออก แต่นางส่งสูตรหมักเหล้าให้พ่อบ้านไปแทน
ตอนนี้นางมีใจอยากทำแต่ไม่มีแรง จึงให้พ่อบ้าน เสี่ยวไห่กับเสี่ยวเจาไปจัดการเอง หากมีเรื่องที่พวกเขาจัดการไม่ได้นางค่อยช่วยเสนอความคิด แต่พ่อบ้านจางก็จัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว
ร้านขายรถเข็นเด็ก พ่อบ้านจางซื้อคนที่ทำงานไม้ฝีมือดีเข้ามาสามคนโดยให้พักอยู่ที่ร้านเลย แม้แต่คนดูแลร้านเขาก็จัดการหาได้อย่างดี ส่วนเรื่องหมักเหล้าเขาซื้อคนเพิ่มอีกสองคนโดยช่วยล้างไห เตรียมของที่ใช้หมักเท่านั้น คนที่ทำการหมักก็เป็นพวกเขาสามคนไปก่อน หากเหล้าที่ออกมาเป็นที่ต้องการค่อยเพิ่มคนเข้ามาช่วยก็ยังได้
นางให้เสี่ยวผิงกับเสี่ยวถิง บดข้าวเหนียว กระเทียม กานพลู ดีปลี ขิง โป๊ยกั๊ก อบเชย (สมุนไพรหาได้จากร้านขายยา) ผสมกันแล้วเติมน้ำใส่ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ปั้นเป็นก้อนกลมแล้วนำไปตากแดดจนแห้ง จะได้ลูกแป้งเป็นส่วนสำคัญที่นางจะใช้หมักเหล้า
นางใช้ข้าวฟ่างกับบ๊วยที่หาได้ง่ายก่อน หลังคลอดนางจะขึ้นเขาไปหาองุ่นหรือผลไม้ที่เหมาะสมในการหมักเหล้าที่หลัง เหล้าที่หมักออกมาห้าถึงเจ็ดวันก็ได้สาโทแล้ว หากต้องการเหล้าต้องนำไปกลั่นต่ออีก โดยนำสาโทที่ได้ไปต้ม แล้วกลั่นน้ำออกมาจะได้เหล้าขาวใส หากมีวิธีกลั่นที่ดีจะได้เหล้าที่มีความบริสุทธิ์สูงนำมาใช้เช็ดแผลหรือจุดไฟติดได้
นางให้กลั่นจนได้ความบริสุทธิ์สูงด้วยจะนำไปให้หมออู่ไว้ใช้ทำความสะอาดเครื่องมือหรือล้างแผลที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดีไม่ดีครั้งนี้นางคงได้การค้าเพิ่ม อาจจะขายได้ราคาดีกว่าขายเหล้าก็ได้ แค่คิดก็ได้กลิ่นเงินลอยมาเสียแล้ว
เรื่องขายเหล้าพ่อบ้านจางก็นำไปเสนอขายให้กับเหลาสุราเลี่ยงฟา ถึงราคาต่อไหจะเพียงสิบตำลึงก็นับว่าได้กำไรงาม เพราะต้นทุนจากข้าวฟางที่ใช้ไม่ได้มาก ลี่ฟางจึงพอใจกับราคานี้
ส่วนร้านขายรถเข็นเด็กก็สร้างความฮือฮาในหมู่ฮูหยินเป็นอย่างมาก เพราะรถเข็นเด็กที่ราคาแพงยังประดับไปด้วยพลอยสีและหยก ชาวบ้านทั่วไปก็นิยมซื้อแบบธรรมดาเพราะราคาไม่สูงสามารถซื้อกลับไปทุ่นแรงไม่ต้องคอยอุ้มเด็กตลอดเวลา
วันเปิดร้านลี่ฟางต้องอยู่ที่จวน แม่นมจางแทบไม่ให้นางคาดสายตาเลย เหตุผลก็คือครรภ์ยังไม่ครบสามเดือนยังอยู่ในระยะไม่ปลอดภัย
ลี่ฟางให้เสี่ยวไห่นำสุราบริสุทธิ์ไปมอบให้ท่านหมออู่ เมื่อบอกวิธีใช้ หมออู่ก็นั่งไม่ติดถึงต้องเดินทางมาพบลี่ฟางที่จวนเลย
"ฟางเออร์ เจ้าให้บ่าวนำสุราไปให้ข้า สุราของเจ้าดีเพียงนั้นเชียวหรือ" หมออู่แทบระงับความเต้นตื่นไว้ไม่ไหว
ตอนที่ยังเป็นหมอหลวง เขาเคยรักษาท่านแม่ทัพจากบาดแผลคมดาบ ถึงจะยื้อชีวิตไว้ได้ แต่บาดแผลก็ติดเชื้อจนต้องขูดเนื้อตายทิ้ง สร้างความเจ็บปวดแทบกัดลิ้นตาย หากสุราบริสุทธิ์ที่ลี่ฟางเรียก ใช้ล้างแผลได้จริงคงช่วยชีวิตทหารได้มากมาย
"เป็นเช่นนั้นจริงเจ้าค่ะ แต่ท่านปู่ต้องนำเครื่องมือที่ใช้ไปต้มในน้ำร้อน แล้วนำแช่ในสุราบริสุทธิ์ก่อนจะใช้ทุกครั้ง หากคนป่วยมีบาดแผลใช้สุราล้างหรือเช็ดก็ช่วยให้แผลไม่เน่าในภายหลังได้เจ้าค่ะ" เรื่องการรักษาบาดแผลนางในชีวิตก่อนล้วนทำมาแล้วทั้งนั้น การโจรกรรมทุกครั้งต้องได้บาดแผลไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็ไม่อาจไปหาหมอได้ หากนางรักษาไม่เป็นคงได้ตายไปนานแล้ว
หมออู่สอบถามรายละเอียดจนพอใจก็ขอตัวกลับ แต่ก่อนจะไปเขาได้นำยาบำรุงมาให้ลี่ฟางมากมายพร้อมหันไปกำชับแม่นมจางให้ต้มให้นางกินทุกวัน ลี่ฟางยิ้มไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ เมื่อนึกถึงรสขมของยาทำให้นางแทบกลั้นใจตาย
หมออู่ยังบอกให้ลี่ฟางทำสุราบริสุทธิ์ออกมาให้เขาอีกยี่สิบไห เขาจะส่งไปให้สหายที่อยู่ชายแดนได้ลองใช้กับทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เขาให้ลี่ฟางไหละห้าสิบตำลึง หากเป็นจริงดังที่ลี่ฟางพูด การค้ากับกองทัพครั้งนี้คงเป็นของนางโดยง่าย
คนของหลินจางหย่งก็หาเรือนของลี่ฟางพบ เขาส่งข่าวให้จางหย่งทันที ระยะทางสามร้อยลี้ม้าเร็ววิ่งเพียงสองวันก็ถึง จางหย่งจึงปลีกตัวจากงานมาพบลี่ฟางที่หานโจวเพื่อบอกจุดประสงค์ของเขาก่อน
"คุณหนูมีคนมาขอพบขอรับ" เสี่ยวเจาเดินเข้ามาแจ้งลี่ฟางที่ตอนนี้กำลังนั่งรับลมที่ศาลาริมน้ำ
ลี่ฟางขมวดคิ้วเล็กน้อย คนในหมู่บ้านหรือในเมืองหานโจวที่นางรู้จักมีเพียงหมออู่ หากเป็นหมออู่มาคนของตนไม่แจ้งเช่นนี้แน่
"เชิญเข้ามาเถิด" นางยังนั่งอย่างสบายหลับตารับลมเช่นเดิม ท้องของนางตอนนี้ยังไม่ใหญ่มากนัก ถึงจะใกล้สามเดือนแล้วแต่ก็ยังคงดูไม่ออก
"คุณหนู" เสี่ยวชิงเรียกเสียงเบาเพื่อเตือนลี่ฟางว่าแขกเข้ามาถึงศาลาแล้ว
ลี่ฟางลืมตาขึ้นมอง นางเกือบจะเคลิ้มหลับไปแล้วจริงๆ บุรุษสูงใหญ่ หน้าตาราวกับเทพบรรจงสร้าง คิ้วคมดุจดาบ ตาดอกท้อให้ความรู้สึกเหมือนชายหนุ่มเจ้าสำราญแต่หากดวงตาที่ไร้อารมณ์นั้นดูไม่เข้ากันเสียเลย
"คารวะคุณชาย เชิญนั่งเจ้าค่ะ"
หลังจากเสี่ยวชินนำชาเข้ามาแล้วก็ถอยออกไปเงียบๆ คนติดตามของเขาอีกสองคนก็ยืนรอด้านนอกศาลาเช่นกัน
"แม่นางเยี่ยน ข้าหลินจางหย่งเสียมารยาทที่มารบกวนโดยไม่แจ้งก่อน" ลี่ฟางมองอย่างพิจารณา ในความทรงจำของร่างเดิมก็ไม่เคยพบบุรุษท่านนี้มาก่อน
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ว่าเรื่องของท่านมาได้เลย" นางไม่อยากเสียเวลากับคนไม่รู้จัก ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้นนางก็อยากจะนอนพักมากกว่า
"ข้าคือบุรุษในคืนนั้น" ในเมื่อนางพูดตรงๆ เข้าก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม