ตอนที่ 6
เล่นให้สมบทบาทหน่อย
ไร่องุ่นของบริษัทไวน์เนอร์รี่ศรีพิพัฒน์อยู่บนแนวเขาที่กินพื้นที่เกือบพันไร่ทางฝั่งน้ำหนาว โดยผลผลิตทั้งหมดใช้สำหรับการผลิตไวน์แดงรสชาติดีที่ส่งขายทั้งในและต่างประเทศในนาม แบรนด์ SRIPIPAT
“คุณกานต์เพิ่งแจ้งว่า ต้นสัปดาห์หน้าให้ทยอยต้นกล้าชุดนี้ ลงแปลงใหม่ได้เลยครับ”
สันต์ เอ่ยบอกขณะพาสองสาวเจ้านายเดินเลือกต้นองุ่นพันธุ์ดีในโรงเพาะ โดยก้านแก้ว นั้นได้แต่เดินลัดเลาะและมองอย่างผ่านๆ ที่ผ่านมาธุรกิจส่วนไวน์พี่ชายเธอจะดูเองทั้งหมด
“ฝ้ายคงเอาไปแค่ยี่สิบต้นพอค่ะ จะปลูกแค่ประดับสวนเพื่อความสวยงามก็พอ”
“เอาไปเยอะๆก็ได้ครับ เผื่อไว้เดี๋ยวผมให้เด็กขนให้”
ผู้จัดการไร่เอ่ยอย่างกระตือรือร้น และรับอาสาอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งพาสองสาวเดินชมแต่ละส่วนของไร่อย่างเพลิดเพลินจนเป็นเวลาบ่ายคล้อย คนงานบางส่วนรอบบ่ายเริ่มทยอยเข้ามาเพื่อเติมปุ๋ยในโดม
“สวัสดีครับนาย”
เสียงเอ่ยทักของคนงานทำให้ ปรียา ชะงักขณะกำลังง่วนอยู่กับต้นองุ่นเล็กๆ และต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงของ กานต์ เดินเข้ามายังโดมโรงเพาะ โดย ก้านแก้ว รีบเดินไปหาพี่ชายอย่างประหลาดใจ
“อ้าวพี่กานต์ ไม่ยักรู้ว่าวันนี้จะเข้าที่โรงเพาะด้วย เห็นแม่บอกว่าจะไปที่โรงงานไม่ใช่เหรอคะ?”
“ก็อยากเข้ามาดูองุ่นบ้าง ว่าพอฝนตกแล้วมันชุ่มชื้นแค่ไหน” กานต์ตอบเสียงราบเรียบ ตาคู่สีนิลมองมายังร่างบอบบางที่ยืนเคียงข้างกับ สันต์ ผู้จัดการไร่อย่างสนิทสนม
ไม่ยักรู้ว่า ภรรยาของเขาสนิทกับคนง่ายขนาดนี้
“เดี๋ยวผมให้คนเอาต้นองุ่นลำเลียงไปให้นะครับ ช่วงบ่ายผมคงต้องเข้าไปดูในไร่ต่อ”
สันต์ เอ่ยอย่างนอบน้อมเมื่อเห็นนายใหญ่ เดินมาใกล้
“เอาไว้วันหลังที่ว่างก็ได้ค่ะ วันนี้ขอบคุณมากนะคะ”
ปรียา เอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มละไม ไม่ได้หันไปมองหน้าหล่อเหลาของ ปีศาจหมาป่าร่างสูงด้วยซ้ำ แม้จะสัมผัสได้ว่าเขาจ้องมาทางเธอคล้ายจะไม่พอใจ
ไม่แน่ใจว่าด้วยเรื่องอะไร?
หรือเป็นเพราะเธอแอบมาเอาต้นองุ่นเล็กในโรงเรือนโดยพละการโดยไม่ได้ขออนุญาตเขาก่อน
“พอดีฝ้ายอยากได้ต้นองุ่นแม่มดไปปลูกในสวนคู่กับกุหลาบ เลยรบกวนให้คุณสันต์มาช่วยพามาในโรงเพาะค่ะ”
เธอจำต้องเอ่ยบอกเขา เพราะอย่างไรเสียเขาก็คือเจ้าของไร่ และเจ้านายคุณสันต์ การที่เธอมาใช้งานคนของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจเป็นเหตุให้เขาไม่พอใจ
“วันหลังถ้าจะเข้ามาในโดม บอกพี่ก็ได้ไม่ต้องรบกวนสันต์เขา ช่วงนี้จะมีแพลนลงองุ่นใหม่งานในไร่อาจจะวุ่นนิดนึ่ง”
กานต์ ตอบเสียงราบเรียบ จนก้านแก้วต้องหันมามองหน้า ปรียา ที่ยืนนิ่งอยู่ข้างแปลงเล็ก
“โอ้ยพี่กานต์ จะรบกวนอะไรกันก็แค่ติดรถเข้ามา และแก้วกับฝ้าย ก็ไม่ได้ไปวุ่นวายกับงานอะไรของคนในไร่เลยนะ อีกอย่างคุณสันต์เขามีน้ำใจอาสาเอง”
ก้านแก้ว บอกพี่ชายก่อนจะเดินไปขอบคุณ สันต์ ที่กำลังทยอยลำเลียงต้นไม้อยู่อีกฝั่ง
“ขอโทษด้วยค่ะที่ไม่ได้บอกคุณกานต์ก่อน”
ปรียา จำต้องเอ่ยขอโทษเขา เมื่อสบตากับนัยน์ตาคู่สีนิลเข้มที่ฉายแววขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด
เขาคงไม่พอใจเธอเรื่องนี้จริงๆ
กานต์ หรี่ตามองคนตรงหน้า ไล่เนินเนื้อระหว่างช่วงลำคอระหงและเนินอกที่โผล่พ้นสาบเสื้อเชิ๊ตเนื้อดี ก่อนจะขมวดคิ้วหนาเข้มขึ้นเล็กน้อย
“รอยยังชัดอยู่เลย”
คำบอกของเขา ทำให้ ปรียารีบขยับคอเสื้อเชิ้ตขึ้น และรีบติดกระดุมเสื้อเม็ดบนทันที เมื่อรู้สึกตัวว่ากระดุมเม็ดบนหลุดออก ปรางแก้มของเธอแดงก่ำโดยอัตโนมัติ
กานต์ หรี่ตาลงเล็กน้อย เหลือบมองรอยแดงแถบยาวตรงท้องแขนของคนตัวเล็ก แววตาเขาคล้ายจะขุ่นเคืองขึ้นมาอีกครั้ง
“คราวหลังถ้าจะมาเอาต้นไม้ สั่งคนงานมาก็ได้”
“ได้ค่ะ”
ปรียา รับปากอย่างว่าง่าย ด้วยไม่อยากจะให้ สันต์ หรือคนอื่นๆ ต้องมาพลอยถูกตำหนิไปด้วย
สุดท้ายเธอและก้านแก้ว ก็กลับรถของเขา และเมื่อมาถึงบ้าน คุณปาลิดา มารดาของเขาได้รอที่โต๊ะอาหารอยู่แล้ว
อาหารมาเสิร์ฟหลังจากนั้นไม่นาน
“ยังดูอะไรได้ไม่เยอะเลยค่ะแม่ ฝนตกปรอยๆก่อน และพี่กานต์ก็รีบไปรับกลับ สงสัยจะห่วงฝ้ายมาก ไม่ยอมให้ห่างสายตาเลย” ก้านแก้ว บอกมารดาของหล่อน ขณะรับประทานอาหาร
ปรียา ได้แต่ก้มหน้ายิ้มเจื่อนๆ
เขานะเหรอ? จะห่วงเธอ ..ไม่มีทางหรอก
“ก็เห็นว่าฝนเริ่มตก ผมไม่อยากให้ลูกสะใภ้คนโปรดของแม่ต้องเปียกครับ”
กานต์ตอบเสียงราบเรียบ เมื่อสบสายตากับ ปาลิดา ผู้เป็นมารดา นั่นทำให้ ปรียานั่งตัวชายิ่งกว่าเดิม ส่วนก้านแก้วนั้นได้แต่เบ้ปากเมื่อมองพี่ชายของตัวเอง
“พูดให้มันดีๆหน่อยเจ้ากานต์ ลูกสะใภ้แม่ก็เมียของแกมั้ยละ” ผู้เป็นมารดาปราม ก่อนจะเหลือบมอง ปรียา ที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยความรู้สึกเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง
ปรียายังคงวางสีหน้าเรียบเฉย คล้ายไม่รู้สึกอะไร
เธอเริ่มชินชาเสียแล้วกับประโยคแต่ละอย่างของเขา และไม่อยากจะใส่ใจให้มากกว่านี้ จึงได้แต่ฟังสามคนแม่ลูกคุยกันนิ่งๆโดยไม่แสดงความคิดเห็นอะไร
หลังทานมื้อเย็นเสร็จ หญิงสาวปลีกตัวขึ้นมาด้านบน ส่วนก้านแก้วกับมารดาของหล่อน ไปพักผ่อนยังห้องส่วนตัวที่อยู่อีกฝั่ง เท่าที่ทราบเหมือนทั้งสองจะพักอยู่ที่นี่ต่ออีกสองสามวัน นั่นทำให้ปรียา ใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเธอก็ยังได้คุยกับก้านแก้วในช่วงกลางวันให้คลายความเหงา
“อย่าคิดมากเลยนะลูก เจ้ากานต์ก็ปากไม่ดียังงั้นแหละ อย่างไงแม่ขอบใจมากที่หนูดูแลกานต์เป็นอย่างดี”
ปาลิดา เอ่ยบอกลูกสะใภ้ก่อนที่จะปลีกตัวเข้าห้อง
แม้รู้ว่าการมาทำหน้าที่ครั้งนี้ของเธอ จะมาจากความสมัครใจส่วนหนึ่ง แต่ลึกๆแล้วหล่อนก็อดที่จะห่วงความรู้สึกของปรียาไม่ได้
“ไม่เป็นไรค่ะ ฝ้ายเริ่มชินแล้วคุณปลาไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้เลยค่ะ” กระนั้นหญิงสาวก็ตอบผู้สูงวัยกว่า ด้วยเสียงที่นอบน้อม เพราะอย่างน้อยแม่ของเขา ก็คลุกคลีกับครอบครัวของเธอ การแสดงความไม่สบายใจออกไป จะทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นห่วงมากกว่าเดิม
เธอไม่เป็นอะไร ..ไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนี้หรอก
ปรียา ใช้เวลาไม่นานนักในการชำระล้างร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนลายการ์ตูน จึงเดินออกจากห้องน้ำมาเป่าผมยังโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนเล็กของตัวเอง
แต่ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของ กานต์ นั่งอยู่ที่ขอบเตียงของเธอ เขาใส่เพียงกางเกงซาตินสีดำตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นเครียด และหน้าท้องเป็นลอนคลีนน่าสัมผัส
ลำคอของปรียา เริ่มจะแห้งผาก
“คะ ..คุณกานต์ เข้ามาในห้องนอนฝ้ายทำไม?”
กานต์ ยกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย
“นี่บ้านฉัน จะเข้าไปในห้องไหนก็ได้”
ปีศาจหมาป่าตอบหน้าตาเฉย ลุกเหยียดกายขึ้นแล้วเดินมาประชิดข้างคนตัวเล็ก
“แต่นี่ห้องนอนของฝ้าย คุณกานต์สัญญาไว้แล้ว”
“ทำไม?”
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะหน้าด้านหน้ามึนได้ถึงขนาดนี้ ปรียาอยากจะตะโกนก่นว่าเขาเสียจริง
“ฝ้ายต้องการความเป็นส่วนตัว”
ปรียา พยายามนับหนึ่งให้ถึงร้อยเมื่อร่างหนาแน่นเครียดขยับมาชิดด้านหลัง กลิ่นสบู่อ่อนจากกายเขาเริ่มทำให้ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ
“แต่งงานแล้วจะเป็นส่วนตัวได้ไงละฝ้าย”
กานต์ ยกยิ้มมุมปาก เมื่อคนตัวเล็กที่อวดเก่งอยู่เสมอถอยร่นไปจนชิดกับขอบโต๊ะเครื่องแป้ง
ไม่เห็นจะปากดีได้ตลอดสักเท่าไหร่
“คุณกานต์ก็ทราบว่าเราสองคนแต่งงานกันแค่ในนาม”
ปรียา ยังคงทำใจดีสู้เสือ ไม่อยากให้เจ้าหมาป่าไร้หัวใจตรงหน้ารู้ได้ว่าเธอรู้สึกหวั่นไหวเพียงใด
ไม่มีทาง!! ให้เขารู้เด็ดขาด
“งั้นเหรอ?”
กานต์ ขยับเข้ามาใกล้ นิ้วเรียวแข็งไล้ยังปรางแก้มเนียนช้า นัยน์ตาคู่สีนิลจ้องมองเธออย่างลุ่มลึก
“ค่ะ”
“วันนี้แม่กับยายแก้วมา ยังไงคืนนี้เราก็ต้องนอนห้องเดียวกันที่ห้องนอนใหญ่ ไหนก็อาสามาแล้วก็เล่นให้สมบทบาทหน่อยซิฝ้าย ถ้าไม่อยากให้ที่บ้านไม่สบายใจ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมผีปากหยักได้รูปของเขา
...และเป็นรอยยิ้มที่ ปรียา เกลียดนัก
****************