ตอนที่ 6
“ชาไม่มี แต่พี่มีนะ”
“มีอะไรคะ”
“พี่มีเรื่องต้องต่อว่าเรา”
“ต่อว่าอะไรชา” ย้อนถามกลับเสียงขุ่น แววตาลุกวาวหาเรื่องเขา ตั้งท่าขู่ฟ่อๆ
“หึหึ จำได้ไหม...เบอร์ที่เราให้พี่น่ะ”
“เบอร์!! ทำไมคะ” เมื่อได้ยินว่าเกี่ยวกับเบอร์โทรศัพท์เธอถึงกับใจเต้นเร็ว ทั้งตกใจทั้งสงสัยในคราเดียวกัน
“จงใจที่จะให้เบอร์พี่ผิดใช่ไหม...ชื่อเฟสนี่ก็ด้วย” ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์เปิดหน้าเบอร์โทรศัพท์ที่เธอเมมไว้ให้วันนั้น
“ถ้าพี่ไม่ได้เบอร์เราจากแม่พี่ พี่คงไม่รู้หรอก ว่าชาจงใจให้เบอร์โทรศัพท์พี่ผิดไป”
“ชาไม่ตั้งใจให้พี่ผิดนะคะ ชาก็นึกว่าพี่จะไม่ติดต่อชามาแล้ว” หน้าซีดตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเธอจะสะเพร่าให้ข้อมูลติดต่อผิดไป อาจจะต้องเพราะนั้นยังเบลอๆ จนตาพร่าตาลาย ตัวเลขถึงได้สลับกัน
“หึหึ เด็กโง่”
“เอ๊ะ!ทำไมมาว่าชาโง่ ทั้งๆพี่ผิดอยู่เต็มประตู”
“ผิดยังไงครับ"
“กะ....ก็ ชาให้เบอร์พี่แล้ว แต่พี่ทำเฉย เงียบหายไป แบบนี้เขาเรียกว่าได้แล้วทิ้งนะคะ" แกล้งเฉไฉต่อว่า ใครจะยอมรับว่าตัวเองผิดล่ะ
“ได้แล้วทิ้ง?...พี่ต้องเป็นฝ่ายพูดคำนั้นหรือเปล่าครับ” ฌาร์ริญณ์กะพริบตาปริบๆ มึนงงไปชั่วขณะกับคำพูดนั้นของเขา
ได้แล้วทิ้ง...เขากำลังบอกเธอว่า เธอได้เขาแล้วทิ้งอย่างนั้นเหรอ ไม่สิ...มันไม่ใช่แบบนั้น
“เดี๋ยวนะคะ เขามีแต่ผู้ชายได้ผู้หญิงแล้วทิ้งนะคะ"
“ก็น้ำชาคนนี้ไงครับ...ที่ได้พี่แล้วทิ้ง คืนนั้นเราเป็นคนอ่อยพี่เองนะ อย่าลืมสิ"
“อร๊าย!!!! หยุดเลยนะคะ” ใบหน้าขาวแดงแปร๊ด ยกมือขึ้นปิดหูตัวเองทั้งสองข้าง ตกใจคำพูดที่ว่าเธออ่อยเขาตรงๆแบบนั้น ถึงเธอจะเมาแล้วทำมันจริงๆก็เถอะ แต่ก็ไม่ควรพูดตรงๆแบบนี้สักหน่อย
“หึหึ หรือชาจะบอกว่าที่ชาเงียบหายไป เป็นเพราะพี่ได้ชาแล้วทิ้งงั้นเหรอครับ"
ยิ่งฟังแล้วยิ่งรู้สึกแปลกๆ หล่อนมุ่นคิ้วมองหน้าเขา เห็นประกายในดวงตาคู่นั้นก็เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกหลุมพรางเขาอย่างไรก็ไม่รู้
“สรุปว่า ที่วันนี้มึนตึงใส่พี่เพราะคิดว่าพี่ทำไม่ดีกับน้องแบบนั้นใช่ไหมครับ" ฌาร์ริญณ์ไม่ตอบแต่ก้มหน้าหลบตาเขา
“หายโกรธพี่ได้หรือยัง"
“ไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อย คิดไปเองค่ะ" ว่าพลางจะสะบัดแขนเขาเพื่อลุกเดินไปนั่งที่โซฟา ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อย ยังกอดไว้แน่น
“เอ๊ะ ปล่อยนะคะ"
“หายโกรธพี่หรือยัง" น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับทุ้มนุ่มชวนให้ใจเต้นแรงเร็ว ร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้า
“ไม่ได้โกรธสักหน่อย" ยังคงปากแข็ง จนเขานึกอยากจะรู้ว่าริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นจะแข็งได้ขนาดไหน ถือวิสาสะใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆบนริมฝีปากของเธอ
ร่างเล็กสะดุ้งเบาๆ นั่งตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“ปากก็ไม่แข็งนี่น่า"
“พี่เขม…” เสียงหวานกดต่ำ เรียกชื่อเขาเสียงสั่นพร่า ใจเต้นแรง เร็วจนเขาสัมผัสได้
“หึหึ...ว่าไงครับ" เขมกรย้อนถามเสียงนุ่มตีหน้าซื่อใส่
“ปล่อยชาก่อนค่ะ"
“หึหึ ครับ" ชายหนุ่มยกยิ้มเล็กน้อย ทั้งที่ยังอยากกอดเธอไว้แบบนี้ แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควร จึงค่อยๆคลายอ้อมแขนออกให้เธอได้ลุกเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวอื่น ทว่าเขากลับดึงแขนรั้งไว้ เอ่ยเสียงเบาคล้ายอ้อนวอนอยู่นัยที
“นั่งใกล้ๆพี่ตรงนี้ได้ไหมครับ"
ฌาร์ริญณ์มองหน้าเขานิ่งไปเล็กน้อย น้ำเสียงคล้ายออดอ้อนที่เขาใช้บอก ทำเธอใจเหลว ประหม่าขึ้นมาทันที หล่อนทรุดตัวลงนั่งข้างๆอย่างว่าง่าย
“หลังงานศพ น้องชามีแผนอะไรต้องทำอีกไหมครับ"
“เตรียมหาที่ฝึกงานค่ะ"
“ฝึกงานงั้นเหรอ"
“ค่ะ"
“ชาเรียนเอกไหนครับ" เขาถามเพราะอยากรู้ เผื่อมีอะไรที่สามารถช่วยเหลือได้
“ชาเรียนเอกท่องเที่ยวและการโรงแรมค่ะ" เขมกรนิ่งไปเล็กน้อย สีหน้าครุ่นคิด
“แล้วมีที่ฝึกงานหรือยัง"
“มีแล้วค่ะ กำลังจะไปยื่น" เขมกรนิ่งคิดอยู่ชั่วอึดใจ หลังจากฟังชื่อโรงแรมที่เธอตั้งใจจะไปยื่นใบสมัคร
“เปลี่ยนได้ไหมครับ"
“เปลี่ยนเหรอคะ"
“ครับ ไปฝึกงานที่โรงแรมพี่ได้ไหม"
“หมายถึงโรงแรมที่ภูเก็ตเหรอคะ"
“หึหึ ไม่ใช่ครับ…ที่กรุงเทพ"
“ที่กรุงเทพเหรอคะ" ทวนคำด้วยความแปลกใจกับข้อมูลใหม่ที่เธอเพิ่งได้รับเกี่ยวกับเขา เขามีโรงแรมที่กรุงเทพด้วยอย่างนั้นเหรอ
“ครับ…พี่เพิ่งเทคโอเวอร์โรงแรมนึงไปเมื่อต้นปี” แบบนี้สินะเธอถึงได้เจอกับเขาเมื่อคราวก่อน
“พี่อยากให้ชามาฝึกงานกับพี่…อย่างน้อยๆ…”
“อย่างน้อยๆอะไรคะ"
“เราจะได้เจอกันบ่อยๆไงครับ"
“คะ!?” ตากลมโตเบิกกว้างขึ้น เลิ่กลั่กเล็กน้อยกับประโยคที่ได้ยิน เม้มริมฝีปากแน่น
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจดังระรัว แทบจะทะลุออกมา กลั้นใจถามเสียงสั่น
“พี่…กำลังอ่อยชาอยู่เหรอคะ"
“ได้ไหมครับ" คำถามที่ย้อนกลับ กับทำให้หญิงสาวถึงกับไปไม่เป็น ลำพังแค่ใจเต้นเร็วก็จะแย่อยู่แล้ว ขืนต้องให้คิดหาคำตอบด้วยคงยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
นี่เขาคิดจะแกล้งแหย่เธอเล่นใช่ไหม หรือว่าตั้งใจหว่านเสน่ห์?
หญิงสาวหรี่สายตามองเขาเล็กน้อย เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาแล้วสิ
ผู้ชายคนนี้โหดร้ายกับเธอเกินไป ใจเธอยิ่งบางๆอยู่ พลางถอนหายใจดัง แสร้งอ้าปากหาวเสียงดังขึ้นมาตัดบทเสียดื้อๆ
“หาว….ชาง่วงแล้วค่ะไว้ก่อนค่อยคุยกันนะคะ"
เขมกรยิ้มในดวงตา มองหญิงสาวด้วยความเอ็นดู
“เดี๋ยวสิครับ" เขมกรเอ่ยเรียก รั้งไว้ขณะที่เธอกำลังลุกเดินจะเข้าไปในห้องหลานสาว หล่อนหันกลับมา พร้อมกับเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย
“คะ?”
“สรุปว่า...เราสองคนยังเดทกันอยู่ไหมครับ"