ตอนที่ 5-2

1111 Words
หญิงสาวเดินวนไปวนมาอยู่กลางห้องโถงตรงโซฟายาว หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เพราะคอยแต่คิดถึงคำพูดและสีหน้าของเขาเมื่อครู่ เพียงเท่านี้ก็ทำให้รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด โอ้ย! ทำไงดี แล้วทำไมจะต้องรอ! เฮ้อๆๆๆๆๆๆ ถอนหายใจรัวๆ คิดไปคิดมาในตอนนี้เธอก็เหมือนกับว่ากำลังเขารออยู่ ทั้งๆที่ไม่ควรจะฟังคำพูดของเขาเลยสักนิด นึกแล้วก็อยากทึ้งผมตัวเอง ตัดสินใจเดินไปหน้าห้องที่หลานสาวหลับอยู่ ตั้งใจจะเปิดประตู แต่ยังไม่ทันได้สัมผัสที่จับประตู ก็ถูกใครบางคนมารั้งแขนเธอเอาไว้ “อ๊ะ... !” “เบาๆสิ เดี๋ยวหลานก็ตกใจตื่นหรอก" “อ้าว ก็คุณมาไม่ให้สุ้มให้เสียง ฉันก็เลยตกใจ” เรื่องอะไรจะถูกดุอยู่คนเดียว เพราะเขานั่นล่ะต้นเหตุ “ไปนั่งคุยกันตรงโน้นดีกว่า" เอ่ยกระซิบบอก ส่งยิ้มบางๆให้ ฌาร์ริญณ์ได้แต่กะพริบตาปริบๆ นึกค่อนขอดเขาอยู่ในใจ ทำไมเขาถึงต้องยิ้มแบบนี้ด้วย ไม่รู้หรือไงนะ ว่ามันไม่ดี พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในขณะที่เขานั้นกลับถือวิสาสะตอนเธอกำลังเหม่อลอย เหมือนกำลังอยู่ในภวังค์ความคิดอะไรบางอย่าง จับจูงมือพาเดินไปนั่งที่โซฟาชุดใหญ่นั่น เสียงหัวใจเต้นดังตึกตัก แบบนี้ไม่ปกติแล้วล่ะ ทำไงดีล่ะทีนี้ หรือว่าเพราะช่วงนี้เธออ่อนแอเกินไป หัวใจเธอเลยบาง “อยากดื่มอะไรก่อนนอนไหม เดี๋ยวพี่ไปอุ่นนมอุ่นๆให้ หรือจะดื่มชาดี" แค่ก แค่ก แค่ก ได้ยินคำนี้ทีไร สำลักน้ำลายทุกที “เอ่อ ไม่เอาดีกว่าค่ะ...คุณพูดธุระคุณมาดีกว่า" พยายามเปลี่ยนเรื่อง เลี่ยงสายตามองไปทางอื่น กลัวนัยน์ตาคู่นั้นที่ใช้จ้องมองเธอ มันเหมือนจะมีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง เขมกรมุ่นคิ้วเล็กน้อย สะดุดหูกับคำที่ใช้เรียกเขา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอก็ยังเรียกเขาว่าพี่ นึกเคืองขุ่นอะไรเขาอยู่แน่ๆ “พี่จำได้นะว่าพี่อายุมากกว่าเราหลายปี...ที่สำคัญเรายังเป็นดองกันด้วย" ฌาร์ริญณ์ มองหน้าเขาแล้วมุ่นคิ้ว รู้สึกข้องใจว่าจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม ในเมื่อเธอก็รู้อยู่แล้ว ว่าเขาอายุมากกว่าเธอหลายปีแล้วยังเป็นพี่ชายของพี่เขยเธออีกด้วย “น้องน้ำชา ต้องแทนตัวเองกับพี่ว่า...หนู หรือแทนด้วยชื่อ จะน่ารักกว่านะครับ แล้วก็ควรเรียกพี่ว่าพี่ จะดีกว่านะ น่าจะฟังแล้วรื่นหูกว่า" “เอ่อ...” “ว่าไงครับ...หรือว่าน้องชาติดขัดอะไร พี่จำไม่เห็นได้นะ ว่าเราเคยโกรธกัน...ครั้งก่อนที่เจอ...อื้อ" ตากลมโตถึงกับเบิกกว้าง พรวดพราดเขยิบเข้าหา ยกมือขึ้นปิดปากเขาไว้ได้ทัน “งื้อ...หยุดพูดเลยนะคะ ห้ามพูด!" แต่กว่าจะรู้ตัว ว่าตัวเองแทบจะเกยขึ้นนั่งบนตักเขาด้วยท่าที่ล่อแหลม ก็เมื่อสังเกตเห็นสายตาวิบวับจากนัยน์ตาคู่นั้น สติถึงได้กลับมา ผงะจะผละตัวออก แต่เขากลับโอบรั้งไว้แน่นไม่ยอมปล่อย แถมยังช่วยจัดท่า ยกตัวเธอขึ้นนั่งบนตักเขาเรียบร้อย “ปล่อยนะคะ" ปลายน้ำเสียงติดสั่นเล็กน้อย หัวใจเต้นแรง “นั่งนิ่งๆสิ อย่าดิ้น!" “เอ๊ะ! ทำไมต้องดุด้วย" “พี่ไม่ได้ดุนะครับ แต่น้องชาดื้อ!” เขาเน้นคำท้าย นัยน์ตามีแววขนขันสวนทางกับใบหน้านิ่งๆของเขา “งั้นคุณก็ปล่อยก่อนสิ" “เรียกใหม่" “งื้อ! ทำไมต้องบังคับกันด้วย!” “พี่ไม่ได้บังคับ พี่อยากให้น้องชาเรียกพี่แบบเต็มใจ แล้วอีกอย่าง มันดูน่ารักกว่า การเรียกแทนตัวเองว่าคุณๆ ฉันๆ... คืนนั้น....อื้อนองยังวว่เ!!!!!" ยังไม่ทันพูดจบประโยค หญิงสาวก็รีบยกมือขึ้นปิดปากเขาแน่น ไม่อยากฟังคำต่อจากนั้นอีก “เลิกพูดเรื่องคืนนั้นอีกนะคะ...ว่าไงคะจะหยุดพูดไหม" เธอถามย้ำเมื่อเห็นเขายังคงนิ่ง มองตาเธอไม่กะพริบ ในขณะที่ตัวเธอเองนั้นกลับเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ ชักจะรู้สึกว่าท่าที่ตัวเองนั่งอยู่ในตอนนี้ดูล่อแหลมชวนให้วูบวาบอยู่ไม่น้อย จุ๊บ! “อุ้ย! พี่เขม!” ตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะจูบที่ฝ่ามือเธอดื้อๆ จนต้องรีบชักออก “หึหึ ทำไมครับ" เขมกรกระตุกยิ้มมุมปาก ต้องการหยอกเย้าคนเจ้าอารมณ์ที่กำลังส่งตาค้อนใส่เขาวงใหญ่ “อย่าฉวยโอกาสสิคะ แล้วก็ปล่อยชาด้วย" “กอดไว้แบบนี้ดีกว่าครับ อุ่นดี" น้ำเสียงอ้อนอยู่นัยที ติดกวนเล็กๆ ในขณะที่หญิงสาวนั้นกลับดิ้นรนที่จะหลุดออกจากอ้อมแขนเขา แต่ในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะปล่อยเธอง่ายๆ จึงตั้งใจถอนหายใจออกมาเสียงดัง ชำเลืองค้อนใส่วงใหญ่ “งั้นลุง!ก็พูดธุระลุงมาดีกว่าค่ะ ชาง่วงละ จะไปนอน" น้ำเสียงกระเง้ากระงอดใส่อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก “ลุง?” เขาทวนคำที่เธอใช้เรียกเขา ภายใต้ใบหน้าเคร่งขรึม กลับมีรอยยิ้มมุมปาก อดเอ็นดูหญิงสาวในอ้อมแขนไม่ได้ “สรุปจะคุยหรือเปล่าคะ หรือว่าจะฉวยโอกาสกอดชาไว้แบบนี้" “คุยสิครับ...ไม่เห็นต้องดุเลย หื้ม” เขาว่าเสียงทุ้ม พลางยกมือขึ้นยีผมเธอเบาๆด้วยความเอ็นดู ยิ่งเธอทำสะดีดสะดิ้งแสนงอนใส่ เขากลับไม่ถือสาอะไรติดจะชอบใจด้วยซ้ำ “ก่อนอื่น...พี่อยากรู้ว่าน้องน้ำชา มีเรื่องอะไรโกรธเคืองหรือไม่พอใจพี่เขมหรือเปล่าครับ” คำถามกอปกรกับน้ำเสียงชวนฟังทำให้เธอนิ่งไปเล็กน้อย แต่เมื่อได้นึกย้อนถึงเรื่องราวที่เขาเงียบไปไม่ติดต่อมา หลังจากที่เราแยกย้ายกันในเช้าวันนั้น ก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมา ริมฝีปากเม้มแน่น แววตาวาววับอย่างคนมีเรื่องไม่พอใจ “ว่าไงครับ...มีอะไรอยากถาม หรืออยากต่อว่าพี่หรือเปล่า” “ไม่มีค่ะ” ตอบปัดเสียงขุ่น เป็นภาษากายย้ำชัดให้เขายิ่งแน่ใจมากขึ้น “ชาไม่มี แต่พี่มีนะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD