“ไม่ต้องกลัว ปู่ฉันใจดีมาก แค่เป็นตัวของตัวเองแล้วปู่จะชอบเธอเหมือนที่ฉัน...” อยู่ดีๆ เขาก็หยุดพูดไปเสียดื้อๆ และนั่นก็ทำให้เธอมองอย่างสงสัย
“ลงไปกันเถอะ ไม่ต้องกลัวไม่ต้องเกร็ง แค่อยู่ข้างๆ ฉันไว้ก็พอ อย่าลืมว่าตอนนี้เราสองคนเป็นแฟนกัน”
“ค่ะคุณจิณณ์” เธอพยักหน้ารับแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเดินตามเขาลงไปจากรถ
จิณณ์เดินเข้ามาหาแล้วยื่นมือมาจับมือเธอไว้เหมือนจะรู้ว่าเธอแทบไม่มีแรงเดินจากความตื่นเต้น หรือไม่เขาก็แค่อาจจะกำลังแสดงละครตามที่เคยบอกไว้
แต่ถึงอย่างนั้นการได้เดินจับมือเขาเข้าไปในบ้านมันก็ทำให้เธอรู้สึกคลายความประหม่าลงได้มากทีเดียว
“สวัสดีค่ะคุณจิณณ์” สาวใช้คนหนึ่งออกมาต้อนรับหลานชายคนรองเจ้าของคฤหาสน์
“คุณปู่อยู่ที่ไหน” จิณณ์ถามขึ้น
“คุณท่านอยู่ที่สวนดอกไม้หลังบ้านค่ะ บอกว่าให้คุณจิณณ์ไปพบที่นั่นค่ะ”
“อืม ขอบใจ”
บอกแค่นั้นเขาก็จูงมือแฟนกำมะลอเดินไปตามทางออกที่จะตรงไปยังสวนดอกไม้หลังบ้านซึ่งคุณย่าของพวกเขาเคยปลูกเอาไว้ และดอกไม้สีสวยหลากหลายสายพันธุ์ก็ทำให้คนที่กำลังตื่นเต้นรู้สึกผ่อนคลายและสงบได้อย่างประหลาด
และในที่สุดเธอก็ได้เจอกับคุณปู่ของเขา ชายชรานั่งอยู่ที่เก้าอี้โยกในมือมีหนังสือเล่มหนึ่งและตรงหน้าก็มีแก้วน้ำและคุกกี้วางเอาไว้
“ปู่ครับ ผมพาแฟนมาแนะนำให้ปู่รู้จักครับ”
เสียงของหลานชายคนรองเรียกสายตาของท่านให้ละไปจากหน้าหนังสือ และเมื่อท่านมองสบตาสาวน้อยที่อยู่ข้างหลานชาย ดารภาก็รีบยกมือขึ้นมาพนมอย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะ คุณท่าน”
“คุณท่านอะไร เรียกปู่เหมือนตาจิณณ์เค้าสิ มาๆ มานั่งใกล้ๆ ให้ปู่ดูหน้าชัดๆ หน่อยซิ” เจ้าสัวจิรายุวางหนังสือบนโต๊ะแล้วขยับตัวนั่งหลังตรงอย่างสง่าผ่าเผย ท่าทางน่าเกรงขามน่าจะเป็นกรรมพันธุ์ที่สืบทอดมาถึงลูกหลาน จิณณ์จึงได้มีบุคลิกภาพไม่ต่างจากปู่เขาเลยแม้แต่น้อย
“ค่ะคุณปู่”
ดารภาเริ่มใจชื้นขึ้นเมื่อท่านไม่ได้แสดงท่าทางต่อต้านอย่างที่เธอนึกหวั่น หญิงสาวจึงได้ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นตรงหน้าท่านแล้วประสานมือไว้บนตักด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย อย่างที่จิณณ์ไม่จำเป็นต้องสอนเลยด้วยซ้ำ ส่วนชายหนุ่มก็นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วหยิบคุกกี้ขึ้นมากินด้วยท่าทางสบายๆ ขณะปล่อยให้คุณปู่กับคนรักของหลานชายทำความรู้จักกันไปก่อน
“ชื่ออะไรล่ะหลาน อายุอานามเท่าไหร่ท่าทางยังเด็กอยู่เลย”
“หนูชื่อดาวค่ะคุณปู่ ปีนี้อายุยี่สิบ เรียนมหาวิทยาลัยปีสามค่ะ”
“ก็ยังดีที่ไม่ใช่ผู้เยาว์ รู้จักกับหลานของปู่มานานแค่ไหนแล้วล่ะ”
ท่านถามเธอโดยไม่คิดจะสนใจมองหลานชายด้วยซ้ำ
“หนูกับคุณ...เอ่อ...พี่จิณณ์รู้จักกันมาเกือบสองปีแล้วค่ะ เราเจอกันครั้งแรกที่ร้านของหนูค่ะ คือที่บ้านหนูเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง แล้วพี่จิณณ์แวะไปกินที่ร้านเราเลยมีโอกาสได้รู้จักกันค่ะ”
“แล้วคบกันเป็นแฟนมานานหรือยัง”
“ครบหนึ่งปีเมื่อวานค่ะ”
“แหม มีแฟนมานานขนาดนี้ก็ไม่คิดจะพามาไหว้ปู่เลยนะตาจิณณ์ มันใช้ได้ที่ไหนกัน”
“ผมก็แค่กลัวปู่จะมีปัญหากับฐานะทางบ้านของเธอน่ะครับ บ้านของดาวเค้าก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร อีกอย่างตอนนี้พ่อกับแม่ดาวเค้าประสบอุบัติเหตุต้องนอนโรงพยาบาลทั้งคู่ด้วย ผมก็เลยไม่อยากทำให้เธออึดอัดใจ”
“อ้าว พ่อแม่หนูเป็นอะไรมากรึเปล่าล่ะลูก”
“คุณพ่อท่านแขนขาหักค่ะ อยู่ในช่วงพักฟื้นและต้องทำกายภาพบำบัดหลังจากนั้น ส่วนคุณแม่บาดเจ็บที่ศีรษะต้องนอนดูอาการต่อไปอีกสักระยะเหมือนกันค่ะ แต่ก็ถือว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว”
“โธ่ น่าสงสารซะจริง งั้นจิณณ์ก็ต้องดูแลน้องดีๆ ล่ะ อย่ามัวแต่ทำงานต้องแบ่งเวลาไปดูแลน้องกับครอบครัวเค้าด้วยนะ”
“ครับปู่ นี่ผมก็กะว่าเดี๋ยวกินมื้อเที่ยงกับปู่แล้วผมก็จะไปเยี่ยมพ่อกับแม่ของดาวเค้าที่โรงพยาบาลอยู่พอดี”
“ดีๆ งั้นเดี๋ยวปู่จะให้คนเตรียมของเยี่ยมฝากไปด้วย”
“ขอบคุณค่ะคุณปู่”
ดารภายกมือไหว้ท่านด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งยังรู้สึกผิดที่เธอต้องมาโกหกท่านแบบนี้ ทั้งที่ท่านมีเมตตากับเธอเหลือเกิน และความรู้สึกนั้นก็ทำให้เธอถึงกับน้ำตาคลอ
“ไม่ต้องร้องไห้นะหลาน ถ้ามีอะไรให้ปู่ช่วยก็บอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ยังไงเราก็ถือเป็นคนกันเองทั้งนั้น”
“หนูขอบคุณคุณปู่มากนะคะ ขอบคุณจริงๆ”
ดารภาไม่รู้จะพูดคำใดได้ดีไปกว่าคำนี้ยิ่งเมื่อท่านเอื้อมมือมาแตะที่ศีรษะอย่างอ่อนโยน เธอก็ยิ่งคิดถึงคุณปู่ของเธอที่เสียไปนานแล้ว
“อย่าร้องเลยนะเด็กน้อย ชีวิตคนเราก็แบบนี้แหละ กว่าเราจะเติบโตย่อมต้องพบเจอเรื่องราวเลวร้ายมากมาย พ่อแม่ของตาจิณณ์เองก็โชคร้ายที่ต้องจากไปเพราะอุบัติเหตุ หนูน่ะยังโชคดีนะที่พวกท่านยังอยู่ จากนี้ไปหนูก็คอยดูแลพวกท่านให้ดี เพราะเราไม่รู้ว่าเรื่องราวที่ไม่คาดฝันมันจะเกิดกับเราตอนไหนอีก”
“วันที่หนูรู้ว่าพวกท่านเกิดเรื่อง มันเหมือนโลกทั้งใบของหนูมันแตกสลายไปหมดเลยค่ะคุณปู่ หนูทำได้แค่ภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขออย่าให้พวกท่านทิ้งหนูไปเลย ต่อให้พวกท่านจะพิการเดินไม่ได้หรือใช้มือไม่ได้ไปตลอดชีวิต หนูก็จะดูแลพวกท่านให้ดีที่สุด จะทำทุกอย่างเพื่อให้พวกท่านกลับมายิ้มได้อีกครั้ง หนูตั้งใจว่าจะทำงานหาเงินเลี้ยงพวกท่านเอง ขอแค่ให้พวกท่านยังอยู่กับหนูก็พอ”