บทที่ 3 นั่นเด็กที่ทำงานอยู่ร้านนั้นนี่

1151 Words
บรื้นนน เอี๊ยดดด…!! เสียงรถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาจอดตรงพื้นที่จอดรถ VIP ของห้างอย่างโฉบเฉี่ยว ก่อนที่ประตูทั้งสองฝั่งจะเปิดออกพร้อมกัน สิงห์ก้าวลงมาโดยฉายแววความหล่อระดับพระเอกซีรีส์ ขณะที่อิงอิงก็สะบัดผมตามลงมาด้วยสีหน้าเซ็งพี่ชายสุดชีวิต “ไว ๆ หน่อยยัยแสบ เพื่อนพี่เขาตามแล้วเนี่ย” อิงอิงทำตาขวาง “ตามอะไรคะ หนูเห็นพี่ไม่รีบทั้งวัน พอพาหนูออกมาข้างนอกนี่รีบเชียว” คนตัวสูงถอนหายใจ ทำหน้าเหมือนอธิบายเรื่องพื้นฐานให้เด็กอนุบาลฟัง “เอ้า ก็นี่ไง พวกมันตามพี่ไปเตรียมของรับน้องไง” “ก็ได้ ๆ… แต่หนูเข้าห้องน้ำก่อน” สิงห์ยกมือเท้าสะเอวอย่างหงุดหงิด “ลีลาจริง ๆ” แต่ถึงปากจะบ่น มืออีกข้างก็ยังเอื้อมไป ยีหัวน้องสาว แบบหมั่นไส้แต่เต็มไปด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเดินตามเจ้าตัวแสบไปอย่างเสียไม่ได้ เหมือนพี่ใหญ่ที่ต้องคอยเฝ้าลูกแมวซุกซนไม่ให้หลงหายไปไหน ทันทีที่อิงอิงเดินมาถึงหน้าห้องน้ำหญิง ประตูอีกฝั่งก็เปิดออกพอดี และน้ำขิงก็เดินออกมาพร้อมกัน อิงอิงชะงัก หญิงสาวตรงหน้าดูอายุใกล้เคียงกับเธอ แต่ดวงตาแดงก่ำบวมช้ำ เหมือนเพิ่งร้องไห้อย่างหนักจนแทบหายใจไม่ออก เอ๊ะ…เธอจำได้ นี่มันพนักงานร้านชีสบอลที่เธอไปซื้อบ่อย ๆ นี่นา ปกติจะยิ้มหวานต้อนรับตลอด แต่ทำไมวันนี้ถึงมีน้ำตาคลอแบบนี้? อิงอิงเอียงคอ ก่อนทักออกไปตรง ๆ แบบคนใจดีไม่คิดอะไร “อ้าว… เธอใช่ไหม พนักงานร้านชีสบอลคนนั้น วันนี้ฉันกำลังจะไปซื้อเพิ่มพอดี ไปด้วยกันสิ” ไม่รอคำตอบด้วยซ้ำ อิงอิงก็เอื้อมไปจับมือน้ำขิงทันที ตั้งใจว่าจะซื้อเยอะ ๆ แล้วให้ทิปด้วย อย่างน้อยก็อยากให้คนที่เธอเห็นทุกวันยิ้มขึ้นมาบ้าง พอเดินถึงหน้าห้องน้ำ สิงหราช พี่ชายสุดหล่อที่ยืนพิงผนังรออยู่ ก็ขมวดคิ้วทันทีที่เห็นน้องลากใครสักคนออกมา “อิงอิง… นั่นไปจูงมือใครมาอีกล่ะ” ผู้เป็นน้องสาวก็ตอบทันทีเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา “ก็พนักงานร้านชีสบอลไงพี่” น้ำขิงสะดุ้งสุดตัว รีบปล่อยมือแล้วโค้งตัวเล็กน้อย น้ำเสียงสั่นจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง “ขะ… ขอโทษนะคะคุณลูกค้า ฉัน…ถูกไล่ออกแล้วค่ะ” พูดจบ น้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาเหมือนห้ามไม่อยู่ อิงอิงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รีบสะกิดแขนพี่ชายรัว ๆ เพราะสิงห์พกผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่อยู่ตลอดทุกวัน “พี่สิงห์! ผ้าเช็ดหน้าเร็ว ๆ!” สิงห์ชี้ตัวเองแบบงงสุดชีวิต “ฮะ? พี่เหรอ?” “เร็วสิพี่!!” เสียงเร่งของน้องสาวทำให้เขาต้องยอม สุดท้ายก็หยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาด ๆ ออกจากกระเป๋ายื่นให้อิงอิง แล้วอิงอิงก็ยัดมันใส่มือน้ำขิงทันที “เช็ดน้ำตาก่อนนะ เกิดอะไรขึ้นอะ” น้ำขิงรับผ้ามา แต่ไม่ได้ใช้ เธอส่ายหัวทั้งน้ำตา “ขอบคุณค่ะ… แต่ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ทางที่ดี…อย่ามาช่วยฉันเลยจะดีกว่า” พูดจบ เธอก็ก้มหน้าหนีแล้วรีบเดินออกไปทันที เหมือนอยากหายตัวไปจากโลกนี้ให้เร็วที่สุด ทันทีที่เธอพ้นระยะสายตา สิงห์ก็พูดเสียงเรียบ แต่หนักแน่นเหมือนคนมองโลกมาเยอะ “เห็นไหมพี่บอกแล้วใช่ไหม อย่าช่วยใครมั่วซั่ว” อิงอิงหน้าบูดทันที “ไม่ได้ช่วยมั่วซั่วสักหน่อย! นั่นพนักงานร้านขนมประจำของหนูนะพี่ ทำไมถึงโดนไล่ออกอ่ะ บริการดีจะตาย” สิงห์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ สายตาไม่ได้หันไปมองทางที่น้ำขิงเดินออกไปแม้แต่นิดเดียว “อย่าไปสนใจมาก คงทำผิดอะไรสักอย่างแหละ ไปเร็ว จะซื้อก็ซื้อให้จบ ๆ พี่ต้องไปมหาลัยต่อ” อิงอิงกลอกตาใส่พี่ชาย “จ้า… อิพี่จอมจุ้น” สิงห์ยิ้มมุมปากนิด ๆ แต่ไม่ได้เถียง ก่อนเดินนำเข้าไปในห้าง โดยไม่รู้เลยว่า ผู้หญิงที่เขาเพิ่งมองข้าม… คือคนเดียวกับที่โชคชะตากำลังจะโยนเข้ามาในชีวิตเขาแบบไม่มีวันหลุดพ้น ณ ร้านขายขนมขบเคี้ยวในห้างดัง อิงอิงเดินมาพร้อมพี่ชายจนถึงหน้าเคาน์เตอร์ “ฉันเอาชีสบอลสามชุดค่ะ” พนักงานสาวส่งยิ้มสดใสทันที “ได้ค่ะ ทั้งหมด 320 บาทค่ะ” อิงอิงยื่นแบงก์ให้ ก่อนพูดเสริม “นี่ค่ะ…ที่เหลือทิปนะคะ” ดวงตาพนักงานสว่างวาบ เธอโค้งศีรษะอย่างดีใจ “ขอบคุณนะคะ!” ขณะที่พนักงานกำลังแพ็กของ อิงอิงก็ถือจังหวะถามเรื่องที่ค้างคาใจมาตั้งแต่หน้าห้องน้ำ “เอ่อ…ถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ” “คะ?” พนักงานเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “เมื่อกี้ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ ใส่ชุดพนักงานของร้าน… ทำไมเธอถึงถูกไล่ออกเหรอคะ? เธอก็บริการดีออก” พนักงานนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเม้มปากแล้วตอบเสียงเบาลง “อ๋อ…คนนั้นชื่อน้ำขิงค่ะ นามสกุล โสภาพล เธอทำงานเข้ากับใครไม่ได้เลยค่ะ เพื่อนร่วมงานหลายคนไม่ชอบ แถม…ยังชอบโกหกด้วยค่ะ เจ้าของร้านเลยตัดสินใจไล่ออกค่ะ” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยอคติชัดเจน เหมือนพูดถึงตัวปัญหา ไม่ใช่เพื่อนร่วมงาน อิงอิงพยักหน้า “อ๋อ…ค่ะ ๆ” ไม่นาน ชีสบอลทั้งสามชุดก็ถูกส่งมา “นี่ค่ะ ได้แล้วค่ะ” อิงอิงรับไว้ แต่ในหัวกลับวนคิดชื่อที่ได้ยินเมื่อครู่… โสภาพล เธอเคยเห็นชื่อนี้ในเรื่องที่แม่เล่าให้ฟังตอนเด็ก เรื่องของ “มีนา” ผู้หญิงที่เคยพยายามเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่แต่สุดท้ายก็ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ไว้ ผู้หญิงเมื่อกี้…อาจเป็นลูกของเธอคนนั้น อิงอิงจึงพยักหน้าเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างด้วยตัวเอง โดยไม่คิดรังเกียจอะไรเป็นพิเศษ เพราะแม่ของเธอก็เคยสั่งไว้ว่า “เด็กคือเด็ก อย่าไปเหมารวมกับความผิดของผู้ใหญ่” แต่คนที่ไม่เหมือนอิงอิงเลยก็คือ… สิงห์ ที่ยืนฟังเงียบ ๆ ตลอด เขาขยับคางเล็กน้อย แต่ดวงตาคมเข้มฉายแววแข็งกร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นามสกุล โสภาพล สำหรับเขาไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่เรื่องที่ “มองข้าม” ได้เหมือนที่ผ่านมา เพราะนั่นคือ “นามสกุลที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิต” และตั้งแต่วินาทีนี้เอง เขาเริ่มรู้สึก ไม่ชอบ ผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาโดยไม่ต้องเห็นหน้าอีกด้วยซ้ำ ทั้งที่เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิด…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD