บทที่สอง

2549 Words
“คุณพ่อให้ดาวมาตามพี่ซันลงไปข้างล่างค่ะ ทุกคนรออยู่” สุดท้ายไม่อยากให้ดินเนอร์ค่ำนี้พังไม่เป็นท่า ดาริกาเก็บความสงสัยไว้ในอกค่อยถามเขาทีหลัง แต่ดันเป็นอาคิรามากกว่าที่ทำตัวมีพิรุธ พอเธอเลื่อนบานกระจกดวงตาคู่คมก็เบิกตากว้างพลางกดตัดสายทันที “ขอโทษนะคะที่ทำให้น้องดาวกับคุณลุงต้องรอ พอดีพี่คุยกับเพื่อนอยู่” ชายหนุ่มแก้ตัวก่อนมอบรอยยิ้มกว้าง ๆ ให้เธอ “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่ซันคุยกับเพื่อนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ คุณพ่อรอแล้วเราไปกันเถอะ” อาคิราพยักหน้ารับคำจากนั้นก็เอื้อมมือจูงร่างบางเพื่อลงไปยังงานเลี้ยงข้างล่าง ภาพสองหนุ่มสาวเกาะกุมมือกันและกันเรียกความสนใจทั้งคนงานและพงศ์เทพให้หยุดมอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าดาริกาและอาคิราเหมาะสมราวกิ่งทองใบหยก ในสายตาผู้ใหญ่พวกเขาเหมือนเกิดมาเพื่อคู่กัน ‘ยินดีต้อนรับกลับบ้าน’ ถ้อยคำเรียบง่ายที่ติดกลางเวทีสร้างรอยยิ้มสดใสให้หนุ่มนักเรียนนอก ตั้งแต่เด็กพอย้ายมาเป็นครอบครัวเดียวกัน อาคิราไม่เคยรู้สึกขาด สองพ่อลูกดีกับเขามาก มากเสียจนคนเลวรู้สึกผิดหวังกับตัวเอง พอเห็นทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตาพงศ์เทพที่อยู่ข้างล่างก็ก้าวขึ้นเวทีเพื่อเปิดงาน “วันนี้ต้องขอบคุณทุกคนนะที่เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับซัน” “ฉันเองก็ยินดีกับซันเหมือนกัน เขาเก่งมากที่คว้าปริญญามาให้ฉันภาคภูมิใจได้ถึงสองใบ” พงศ์เทพเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ แต่แววตาสะท้อนถึงความรู้สึกข้างในอย่างชัดเจน “และในโอกาสนี้ ฉันก็มีอีกข่าวดีจะบอกทุกคน… อีกไม่นานดาริกากับอาคิราจะหมั้นกัน” ถ้อยคำประกาศของพงศ์เทพเรียกเสียงกรีดร้องและเสียงปรบมือด้วยความดีใจของคนงานในไร่ทั้งหมด เพราะรู้ดีว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันแค่ไหน ดาริกามองบิดาสลับกับอาคิรายามตกใจ ไม่คิดว่าทุกอย่างจะเร็วขนาดนี้ เธอรู้ว่าพงศ์เทพคาดหวังในความสัมพันธ์ครั้งนี้มากแค่ไหน เพราะอาคิราเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่บิดาไว้ใจ และเธอเองก็รู้สึกดี ๆ กับเขา ด้านอาคิราเพียงยิ้มอ่อนโยนไม่ปฏิเสธสักคำ เขากระชับมือบางแน่นขึ้นด้วยซ้ำทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่เพิ่งจบความสัมพันธ์กับใครอีกคน งานดังกล่าวดำเนินต่อไปด้วยความอบอุ่นในสายตาคนอื่น แต่สำหรับดาริกาช่างหนาวจับใจ… แม้ใกล้กันแค่นี้แต่เหมือนห่างไกลคนละโลก อาจเพราะสิ่งที่ได้ยิน คำที่เขาพูดกับปลายสายทำให้เธอมองอีกฝ่ายไม่เหมือนเดิม ตอนนี้ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเคยมีสักครั้งไหมที่เขยิบเข้าใกล้หัวใจเขา หรือทั้งหมดที่ทำเพราะหน้าที่ ไม่เคยมีความรักอยู่ในนั้นกันแน่ งานเลี้ยงไม่ทันเลิกอาคิราก็เอ่ยปากว่ามีเรื่องด่วนกะทันหัน พงศ์เทพไม่สงสัยอะไรผิดกับดาริกาที่เก็บอาการกังวลแทบไม่อยู่ เธอตัดสินใจขับรถตามเขาเงียบ ๆ และพบว่าจุดหมายปลายทางคือโรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง ไฟเลี้ยวหักเข้าจอดบริเวณลานกว้าง ทำเอาอัตราการเต้นของหัวใจเธอพุ่งสูงขึ้น แม้มือผละห่างพวงมาลัยแต่ไอเหงื่อยังแทรกซึมในช่องว่างระหว่างนิ้วเรียว ดาริกากดดับรถเสร็จก็มุ่งหน้าตามเขาเรื่อย ๆ กระทั่งหยุดหน้าห้องอาหารหรูชั้นด่านฟ้าที่ค่อนข้างสงบ เธอก้าวเท้าเข้าไปจนพบกับธุระสำคัญที่อาคิราอ้างนั่งอยู่ยังโต๊ะซึ่งค่อนข้างอับคน ‘ลักษนารี’ พี่สาวที่คุ้นหน้าคุ้นตาดียิ้มให้เขา หล่อนเคยเป็นติวเตอร์ดาริกาตอนเรียนมัธยมทำให้ครั้งหนึ่งสนิทกันมาก แต่อยู่ดี ๆ ก็ห่างกันไป ดาริกาย่อกายนั่งโต๊ะใกล้ทั้งคู่ที่สุดเพื่อจะได้ยินบทสนทนาชัดเจน “ใช้เวลานานเหมือนกันนะคะซัน กว่าคุณจะมาหารินถึงที่นี่” น้ำเสียงเย้ยหยันไม่แสดงความดีใจ ใบหน้าหวานแค่นยิ้มประชดประชันเล่นเอาชายหนุ่มเอือมระอา เพราะคิดว่าไม่น่าหลงกลไปยุ่งกับหล่อนเลย “คุณมีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่าริน อย่ามาอ้อมค้อมให้เสียเวลา” “โธ่ซัน อย่าหงุดหงิดสิค่ะเราคนคุ้นเคยกันแท้ ๆ” คำตอบสองแง่สองง่ามของลักษนารี ยิ่งทำให้ดาริกาใจเต้นแรง ‘คนคุ้นเคย’ หมายความว่ายังไง ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะสื่ออะไร แท้จริงอยากเดินเข้าไปถามด้วยซ้ำว่าทั้งสองคนกำลังคุยเรื่องอะไรลับหลังกันแน่ แต่ด้วยความที่ไม่ใช่คนใจร้อน เธอมักทำทุกอย่างโดยใช้สติก่อนเสมอ ถ้าอยากรู้ราวให้กระจ่างเป็นผู้ฟังเงียบ ๆ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด “อย่าทำให้ผมหงุดหงิดริน คุณก็รู้ดีว่าข้อตกลงของเราสองคนเริ่มต้นแบบไหน คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดกับผมอย่างนี้ด้วยซ้ำ” “เพราะรินรู้สิคะ รินถึงว่ามันไม่ยุติธรรมกับรินเลย ตอนเราอยู่ที่นู้นด้วยกันพอคุณต้องการริน อยากมีอะไรกับรินก็พูดว่ารักสารพัดพอได้แล้วมาทิ้งกันไปดื้อ ๆ บอกว่าความรู้สึกเปลี่ยน รินไม่เชื่อหรอก เมื่อก่อนเราเข้ากันดีขนาดไหนจำไม่ได้เหรอซัน!” “ริน!” อาคิราขึ้นเสียง ไม่ปฏิเสธว่าลักษนารีไม่มีที่ติแต่ทุกอย่างมันก็แค่เซ็กซ์ แค่แลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางกายไม่ได้พิเศษอะไร “ทำไมหรือจะเถียง คิดว่ารินไม่รู้ทันคุณเหรอที่เลือกยายเด็กนั่นเพราะพ่อมันรวยใช่ไหมล่ะ!” ยิ่งลักษนารีแสดงออกมากเท่าไร อาคิรายิ่งกดดันมากเท่านั้น แต่เขาไม่เอ่ยปากต่อว่าอีกฝ่ายสักคำ เพราะอยากจบปัญหาแบบสันติ ต่างจากดาริกาที่นิ่งเฉยแทบไม่ไหว การที่ชายหนุ่มทรยศนับว่าแย่แล้ว แต่หล่อนดันดึงบิดาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องบ้า ๆ นี่อีก “ริน ผมว่ามันจะเกินไปแล้วนะ คุณอย่าเอาตัวเองไปเทียบกับน้องดาวได้ไหม คุณก็รู้ดีว่าคุณกับน้องดาวไม่มีทางเทียบกันได้อยู่แล้ว” ชายหนุ่มตอกกลับลักษนารีจนหน้าชา รู้ตัวว่าไม่สามารถเทียบดาริกาได้ อาคิรามีความสัมพันธ์กับหล่อนเพียงเพราะติดใจในลีลาอันเร่าร้อนมันไม่ได้พิเศษ ผิดกับนังเด็กนั่นที่เขาประคบประหงมดั่งเจ้าหญิง “แหมซัน รินรู้ค่ะว่ารินไม่เหมือนน้องสาวคุณ รินไม่ได้มีเงินเหมือนพ่อยายนั่น แค่ลูกชาวไร่จน ๆ ไม่มีอำนาจบังคับใครได้!” ไม่เอาอีกแล้ว พอกันทีผู้หญิงคนนั้นดูถูกเธอทนได้ แต่พาดพิงถึงบุพการีที่รักเธอไม่มีวันยอม! “น้องดาว!” ยังไม่ทันที่อาคิราจะโต้ตอบ สีหน้าเขาซีดเผือดทันทีเมื่อเห็นคู่หมั้นปรากฏตัว “ดาวได้ยินที่พี่รินพูดหมดแล้วนะคะ เป็นอะไรมากหรือเปล่าทำไมต้องเอาคุยพ่อมาเกี่ยวกับเรื่องเลว ๆ แบบนี้ด้วย” ดาริกาเหมือนระเบิดเวลาที่รอคอยวันปะทุ การเก็บงำทุกอย่างตั้งแต่จับพิรุธได้ แต่เลือกปกปิดมันไว้ใต้พรมชั้นดีทั้งที่ก็มีสิทธิ์โวยวายแค่นี้ก็นับว่าปรานีมากพอ ฝ่ายลักษนารียังคงยิ้มฉีกยิ้มไม่สะทกสะท้าน “มาเจอน้องดาวในสถานการณ์แบบนี้ พี่เซอร์ไพรส์จังเลยนะคะ” หล่อนว่าขณะจิบไวน์เบา ๆ “พูดขนาดนี้คงฟังมาตั้งแต่ต้นแล้วใช่ไหม… นั่งก่อนสิคะจะได้เริ่มคุยกันเรื่อง ‘ผัวเรา’ สักที” “ไม่นั่งค่ะ เปลืองเวลาที่ดาวลดตัวมาคุยกับคนไร้จิตสำนึกอย่างพี่ก็มากพอแล้ว… ส่วนเรื่องพี่ซันถ้าคิดว่าที่เขาเลือกดาวเพราะบ้านดาวรวยส่วนตัวพี่ไม่มีค่าก็ตามสบายเลยค่ะ” “…” “เพราะขนาดตัวพี่ยังไม่เห็นค่าตัวเอง คงไม่มีผู้ชายที่ไหนที่มาเห็นค่าผู้หญิงแบบนี้แน่นอน!” “กรี๊ด ยาย!” ลักษนารีลุกขึ้นร้องอย่างโมโห มือบางสั่นระริกด้วยความโกรธ หมายจะไปตบใบหน้าสวยหวานของดาริกา แต่ทว่าอาคิรากลับไวกว่า ชายหนุ่มเบี่ยงตัวรับการประทุร้ายแทนเธอทำให้ใบหน้าหล่อเหลาหันไปตามแรงตบของอดีตคู่นอนเต็มแรง “พอที เลิกทำตัวน่าอายแบบนี้สักทีริน!” “กรี๊ดซัน!!” หล่อนแผ่เสียงร้องดังลั่นทำดาริกานิ่งชั่วขณะ ภาพผู้หญิงคนอื่นตบตีแผงอกกำยำที่ครั้งหนึ่งเคยอุ่นที่สุดในความรู้สึกเธอเล่นเอาไปไม่ถูก อายเหลือเกิน…อายที่ครั้งหนึ่งเคยโง่ไว้ใจคนทรยศอย่างเขา หญิงสาวไม่รอฟังคำอธิบาย เจ้าของร่างบางหมุนตัวก้าวฉับ ๆ ตรงไปทางลิฟต์ ทันทีที่เข้าข้างใน มือนุ่มจับราวเหล็กที่อยู่ใกล้เพราะอยากทรุดตัวร้องไห้ เธอเหนื่อยจนอยากลืมทุกอย่าง… อยากลืมแม้กระทั่งครั้งหนึ่งเคยรักผู้ชายสารเลว กว่าจะพาตนเองขึ้นรถหอบความผิดหวังกลับบ้านช่างยากลำบากเหลือเกิน ทันทีที่ถึงไร่ก็วิ่งรีบ ๆ ขึ้นห้อง ล็อกประตูแน่นหนา จากนั้นก็ปล่อยเสียงร้องไห้ยกมือขึ้นปิดหูเพื่อหลบเลี่ยงเสียงเคาะประตูข้างนอก “ฮึก…” หยาดน้ำตาเต็มวงหน้าหวานจนไม่เหลือภาพเจ้าหญิงของไร่ไม่กี่ชั่วโมงก่อน ดาริกาหอบหายใจถี่รัว ร้องไห้จนเสียงแหบแห้งและแล้วเข็มนาฬิกาก็ล่วงเลยเช้าวันใหม่ แสงตะวันส่องเข้ามาทางม่านหน้าต่างจนร่างบางรู้ตัว แต่ก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองหลับตอนไหน สิ่งเดียวที่จำได้มีแต่ความเสียใจ… เพราะรักร้าย ๆ ทำเอาหัวใจพังยับเยิน! เช้าวันรุ่งขึ้นร่างบางใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวนานกว่าทุกที เธอทำใจแทบทั้งคืนก่อนจะลงไปยังห้องทำงานของบิดา “ว่าไงน้องดาว” พงศ์เทพเอ่ยทักเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู พร้อมมองไปยังต้นตอของเสียงนั่นคือดาริกา “มีธุระอะไรจะคุยกับพ่อรึเปล่า” หนุ่มใหญ่ตัดสินใจถามลูกสาวทันทีเมื่อรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ไม่บ่อยครั้งที่ดาริกาจะเดินเข้ามาคุยในห้องทำงาน ปกติแล้วสองพ่อลูกมักหยอกล้อกันบนโต๊ะอาหารมากกว่า “คุณพ่อว่างอยู่ใช่ไหมคะ” “สำหรับลูกสาวพ่อ ถึงไม่ว่างแต่พ่อก็มีเวลาให้น้องดาวเสมอ” พงศ์เทพลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวใหญ่ เดินเข้าไปลูบหัวลูกสาวคนเดียว เมื่อมองเห็นนัยน์ตาแห่งความปวดร้าว ผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนมั่นใจว่าเมื่อคืนน่าจะเกิดเรื่องบางอย่าง “ดาวมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “คือดาวอยากไปเรียนต่อที่กรุงเทพค่ะคุณพ่อ” “มีเหตุผลอะไรพิเศษ ไหนตอนแรกดาวยังบอกพ่ออยู่เลยว่าอยากอยู่ใกล้ ๆ พ่อกับพี่ซัน” ดาริกาถอนหายใจชั่วครู่ ไม่แปลกสินะที่บิดาจะสงสัย เพราะตอนแรกดาริกายืนยันเองว่าต้องการเรียนต่อที่นี่ เธออ้างว่าไม่อยากห่างท่านและอาคิรา แต่ไม่ถึงข้ามคืนความตั้งมั่นทั้งหมดกลับถูกแปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ “ไม่มีเหตุผลเลยค่ะ ดาวแค่อยากหาประสบการณ์ พอลองคิดดูดี ๆ แล้ว เพื่อนสนิทดาวหลายคนก็ไปเรียนต่อที่นู้น ดาวอยากลองใช้ชีวิตคนเดียวดู ถ้าตอนนี้ดาวเปลี่ยนใจคุณพ่อจะว่าดาวไหม” ดาริกายกเหตุผลต่าง ๆ ขึ้นอ้างพร้อมใช้คำพูดหว่านล้อมให้พงศ์เทพสบายใจ แม้ลึกข้างในไม่ได้รู้สึกอย่างที่พยายามแสดงออกก็ตาม “แล้วเรื่องหมั้นล่ะลูก ไหนจะพี่ซันอีกน้องดาวปรึกษาพี่ซันเรื่องนี้หรือยัง” “ดาวยังไม่ได้บอกพี่ซันค่ะคุณพ่อ แต่คิดว่าพี่ซันคงเข้าใจดาว ส่วนเรื่องหมั้นเลื่อนไปก่อนได้ไหมคะ… ดาวยังไม่พร้อม” “ทำไมล่ะลูก น้องดาวรักพี่ซันไม่ใช่เหรอ หรือพ่อเข้าใจอะไรผิด” ท่านขมวดคิ้วถาม “คือดาว...” “แต่ถ้าน้องดาวยังไม่สบายใจที่จะบอกพ่อตอนนี้ก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าพ่อตามใจน้องดาว” ใบหน้าและท่าทางอึดอัดของดาริกาชัดเจนว่าพงศ์เทพไม่ควรจะหาคำตอบใด ๆ บิดาที่รักและห่วงลูกสาวอย่างทำได้ดีที่สุดคือกอดปลอบเธอ ท่านหวังว่าอ้อมกอดของพ่อคนนี้จะส่งผ่านความอบอุ่นให้กับลูกสาวคนเดียวได้หายเศร้าและไม่สบายใจ หลังจากที่คุยกับบิดาเสร็จ ดาริกาจึงตัดสินใจเข้าไปหาอาคิราต่อ เพราะไม่ต้องการมีอะไรค้างคาระหว่างเขาและเธอ หญิงสาวเดินตรงไปที่สวนกว้างหน้าบ้านที่ปกติเวลามีอะไรไม่สบายใจทั้งคู่มักจะไปนั่งเล่นบริเวณนั้น ความร่มเย็นของต้นไม้บดบังไออุ่นจากแสงแดด ดาริกานั่งลงบริเวณเก้าอี้ตรงข้ามกับอาคิราและมันสร้างความสนใจให้ชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังเหม่อลอย “ทำไมมองดาวอย่างนั้นล่ะคะ” ดาริกาคือดาริกา ไม่ว่าเธอจะเสียใจ แต่รอยยิ้มสดใสยังคงสว่างไส ฝืนยิ้มเพื่อให้เขารู้สึกดีเสมอ “คุณลุงเรียกพี่เข้าไปคุยแล้วนะ ท่านบอกว่าน้องดาวขอยกเลิกงานหมั้น ถ้าเพราะเรื่องเมื่อวานพี่…” เขาตั้งใจจะคว้ามือเธอเพื่ออธิบาย แต่ดาริกาเอ่ยดักทางก่อน “พี่ซันไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงดาวจะรักพี่ซันมาก แต่ในเมื่อพี่ซันไม่รู้สึกเหมือนกันดาวเองก็พร้อมที่จะตัดใจ บอกตรง ๆ ดาวไม่อยากเห็นแก่ตัวรั้งพี่ซันไว้ หรือบางทีเรื่องของเราอาจจะเป็นเพราะความผูกพันแบบเด็ก ๆ ก็ได้ ดาวอาจจะไม่ได้รักหรือชอบพี่ซันขนาดนั้นแค่รู้สึกว่าขาดไม่ได้ เพราะเราอยู่ด้วยกันมาตลอดมากกว่า” “น้องดาว…” “อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้น พี่ซันไม่ได้ผิดสักหน่อย ดาวรักพี่ซันของดาวเอง พี่ซันไม่ได้บังคับให้มารัก ดาวต้องจัดการกับความรู้สึกพวกนี้ด้วยตัวเองไม่ใช่เหรอคะ” ชายหนุ่มไม่กล้าโต้แย้ง เขานิ่งสนิทเหมือนถูกสาป เพียงได้ยินว่าดาริกากำลังตัดใจจากตัวเอง เหมือนโลกหยุดหมุนชั่วขณะสมองขาวโพลนไม่ต่างจากหิมะ “ขอเวลาดาวหน่อยนะ เจอกันครั้งหน้า ดาวจะกลับไปเป็นน้องสาวคนเดิมของพี่ซัน” “น้องดาว...” ร่างบางไม่รอฟังคำอธิบาย หญิงสาวฝืนยิ้มบาง ๆ ก่อนเดินจากไป ทิ้งเพียงกลิ่นละมุนประจำตัวเธอ ที่เขาสัมผัสทุกครั้งแล้วรู้สึกอบอุ่น แต่บัดนี้เหลือเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น อาคิราไม่กล้ายอมรับ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเสียดาริกาไปแล้วจริง ๆ…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD