ตอนที่ 3
ขอดมกลิ่น
ขณะที่ฝ่ามือหนาสอดเข้ายังชายเสื้อนอนตัวบาง
“คุณวิช”
“ตัวหลินหอม พี่ขอดมนะ”
เขายิ้มมุมปาก เมื่อลากจูบพรมยังผิวเนื้อนวล ชายเสื้อนอนของเธอถูกถลกขึ้น ก่อนที่เขาจะจรดริมฝีปากลงบนยอดปทุมถัน ปลายลิ้นสากตวัดโลมเลียอย่างนุ่มนวล
ลลิน รู้สึกซ่านสยิวไปทั่วร่าง ท้องน้อยของเธอเริ่มหดเกร็ง
“พอได้แล้ว”
“ทำไมหลินไม่เหมือนคนอื่น”
เขาพึมพำเสียงอู้อี้ ขณะดูดเลียจนยอดทับทิมแข็งเป็นไตชูชันในปาก มืออีกข้างกุมทรวงอกอิ่มของเธอไว้ ก่อนจะสลับมาทำอีกข้าง
“อื้อ พะ..พอแล้ว”
“กลิ่นและรสของหลินทำให้พี่ผ่อนคลาย พี่ขอดมอีกหน่อยนะครับ”
อุ้งมือหนาดึงรั้งกางเกงนอนของเธอลง ปากของเขาไล้ลงมายังหน้าท้องนวลเนียน วิช กดจูบไปตรงนั้น ปลายลิ้นสากวนเวียนดูดเม้มจนผิวขาวเป็นรอยจ้ำแดง เป็นความรู้สึกแปลกประหลาดสำหรับเขา
หัวใจแม้จะเต้นแรงขึ้น แต่กล้ามเนื้อเริ่มผ่อนคลายลง
ยัย ลลิน เด็กสาวข้างบ้านสวนคุณยาย เป็นเหมือนยาวิเศษที่ทำให้เขารู้สึกดีได้เพียงนี้ แค่ได้ดมกลิ่น ได้สัมผัส ได้ดูดเลีย เหมือนอาการแพนิคประหลาด ของเขาจะมลายหายไป
ผิวของเธอขาวเนียนละเอียด และมีกลิ่นเฉพาะตัวที่หอมอ่อนๆ ไม่ชวนเวียนหัวเหมือนกลิ่นผู้หญิงคนอื่นๆ ที่แม่เคยพามารู้จัก ยิ่งได้สัมผัสด้วยปลายลิ้น ก็รู้ว่าเนื้อเธอแสนจะนุ่มหวาน จนเขาอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว
ปลายนิ้วสากเลื่อนยังเนินเนื้ออวบอูม
“อ๊ะ คุณวิช”
ลลิน คว้าข้อมือเขาไว้ “ไหนบอกว่าจะแค่ดมกลิ่นก็พอ” เธอเอ่ยเสียงสั่นระริก
ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองเธอ คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง
“พี่ขอดมตรงนี้ด้วย”
.
.
“หลินตัวหอมมาก”
ริมฝีปากหยักกระซิบอยู่ข้างใบหู ดึงสติของ ลลิน ให้กลับมา สองแก้มของเธอผ่าว มือไม้เริ่มจะอ่อนแรงตรงข้ามกับลมหายหายใจที่เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ แม้ว่าที่ผ่านมาจะเคยใกล้ชิดกับเขา ทว่าทุกครั้งที่เขาสัมผัสเธอก็รู้สึกวาบหวามอยู่เสมอ
เธอนั่งนิ่งอยู่เพียงครู่ ยอมให้ใบหน้าหล่อเหลาซบอยู่ข้างแก้มอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้น แม้ตอนนี้สองแก้มจะระอุคล้ายถูกอังด้วยเปลวไฟ ยิ่งนึกถึงสัมผัสในคืนนั้นกับเขา จิตใจเธอก็ยิ่งกระเจิดกระเจิงยิ่งกว่าเดิม
กระนั้นเธอก็ใจเย็น รอให้ลมหายใจของเขาสงบนิ่งเหมือนดั่งเช่นทุกครั้ง จึงเอ่ยถามออกไป
“คุณวิช”
“ครับ”
เสียงตอบอู้อี้อยู่ข้างแก้มเนียน ริมฝีปากเย็นอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้น จนหญิงสาวต้องดันตัวเขาออกและผละร่างออกห่าง เพื่อจะสตาร์ทรถไปยังที่หมาย ด้วยเห็นว่าเริ่มจะดึกแล้ว
“เดี๋ยวหลินไปส่งคุณวิชที่บ้านสวน”
เหมือนมุมปากหยักจะยกยิ้มขึ้น ขณะเอนกายยังเบาะข้างๆ เธอคือนางฟ้าของเขาจริงๆ
“ขอบคุณมากครับ”
.
บ้านสวนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางไทรอยุธยา เป็นบ้านทรงไทยริมน้ำเก่าแก่ของตระกูลธนกรกุล บนพื้นที่กว่าห้าไร่ ซึ่งอยู่ติดกับบ้านทรงไทยหลังขนาดย่อมพื้นที่สองงานของเธอ ที่ตอนนี้ปล่อยรกร้างไว้ตั้งแต่หลังน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554
เดิมที บ้านหลังนี้เป็นของคุณหญิงผกามาศ ซึ่งเป็นคุณย่าของ วิช ธนกรกุล หลังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม คุณหญิงท่านได้ย้ายกลับไปอยู่คฤหาสน์ธนกรกุล ด้วยตอนนี้ท่านเริ่มป่วยออดแอดๆ ต้องอยู่ใกล้หมอและมีทีมแพทย์พยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด กระนั้นท่านก็ยังรบเร้าที่จะอยากกลับมาพักยังบ้านเรือนไทยหลังนี้ และรบเร้าลูกหลานอยู่ทุกวัน
“คุณหญิงท่านบ่นตลอดว่าให้รีบปรับปรุงบ้านตรงนั้นให้เสร็จ จะได้กลับไปพักที่นั่น ให้ทีมพยาบาลประจำอยู่ตรงนั้นด้วยเลย”
รุจิรา มารดาของเขา พร่ำบอกอยู่เป็นประจำ
และจุดนี้ ลลิน ก็พอจะทราบด้วย
แต่นั่นเป็นเรื่องของคนตระกูลธนกรกุล ตระกูลผู้ดีเก่าที่ร่ำรวยมีเงินถุง เงินถัง ไม่ได้เหมือนบ้านของเธอ ที่แม้จะไม่ได้ขัดสนอะไรมาก แต่ก็มีฐานะปานกลาง บ้านทรงไทยหลังเล็กที่อยู่ติดกับบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ของท่านคุณชายวิช ถูกปล่อยร้างไว้หลังน้ำท่วม เมื่อพี่น้องแยกย้ายไป ส่วนบิดามารดาของเธอก็ซื้อบ้านอยู่ที่กรุงเทพแถวบางเขน
บ้านหลังนี้ที่ถูกโอนเป็นชื่อของเธอจึงถูกปล่อยร้างไว้ ทว่าเมื่อ ลลิน ได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิด บริษัทดับบลิวพีอาร์ ที่ต้องใช้เงินทุนจำนวนหนึ่ง เธอได้เอาบ้านหลังนี้เข้ากู้ธนาคารโดยไม่บอกพ่อกับแม่ ซึ่งก็ได้ส่งบ้างไม่ส่งบ้าง แต่พอช่วงปัญหาโควิดระบาดในปีที่ผ่านมา งานเอเย่นซี่หลายเจ้ายกเลิกไป ทำให้บริษัทขาดสภาพคล่องนั่นทำให้เธอขาดส่งไปหลายงวดจนมีหมายจากธนาคารที่จะยึดบ้านหลังนี้
ตอนนั้นเธอร้อนใจมาก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
จนวันที่ ร่างสูงของ วิช ธนกรกุล เจ้าของกรัมกรุ๊ปและอดีตคนรู้จักในวัยเด็กที่เขาเคยไปเล่นที่บ้านหลังนั้นกับคุณย่าของเขา เดินเข้ามายังห้องทำงานที่บริษัท
“พี่เห็นป้ายนี้ติดอยู่หน้าบ้านที่บางไทร”
เสียงกึ่งตำหนิ คล้ายไม่พอใจเธอเป็นอย่างยิ่ง เมื่อยื่นสมาร์ทโฟนที่มีรูปป้ายแปะอยู่หน้าบ้านหลังนั้นของเธอ
“คุณวิชไปที่นั่น?”
“ใช่ ก็นั่นบ้านพี่ กำลังเตรียมรีโนเวทอยู่”
ลืมไป ว่าบ้านเรือนไทยของตระกูลธนกรกุล ก็อยู่ติดกับบ้านหลังนั้น
“ปล่อยให้หลุดไปเถอะค่ะ หลินตึงจริงๆ”
หน้าสวยเชิดขึ้นเล็กน้อย จริงอยู่ว่าเธอรักบ้านหลังนั้นมากๆ มันเป็นความทรงจำวัยเด็กที่งดงาม ก่อนที่เธอจะย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ ทว่าตอนนี้เธอไม่อยากจะดึงพลังชีวิตตัวเองไปตรงนั้น ด้วยสถานการณ์การเงินของเธอตอนนี้ยังไม่ได้ดีพอที่จะไปไถ่ถอนบ้านจากธนาคารได้
“จะปล่อยง่ายๆ แบบนั้นเหรอ? ไม่เสียดายเหรอไง”
เขาเอ่ยตำหนิเธออีกครั้ง
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่
“เสียดายจะให้ทำยังไงคะ?”
หญิงสาวยักไหล่เล็กน้อย “หรือว่าคุณวิชจะซื้อคืนจากธนาคารมาให้หลินหรือไง?” เธอแค่นเสียงสูง อย่างไม่คิดอะไร เพราะอย่างไรเสีย เธอก็ปล่อยวางบ้านหลังนั้นแล้ว
วิช นั่งไปเพียงครู่
ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ที่เธอคาดไม่ถึง
“ได้ซิ พี่จะซื้อคืนมาให้หลิน”
“คะ?”
คิ้วเรียวสวยของ ลลิน ขมวดเข้าหากัน ขณะเงยหน้าขึ้นมองเขา คุณชายวิช ธนกรกุล หนุ่มหล่อรวย ผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว แม้เธอกับเขาจะเคยเป็นเพื่อนเล่นด้วยกันในวัยเด็ก แต่การเอ่ยเช่นนี้ หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเท่าใดนัก
“พี่จะซื้อคืนให้ ที่นั่นเป็นความทรงจำของพี่และของเรา”
ของเรางั้นเหรอ? ...หญิงสาวอึ้งไปซักพัก
“หมายถึงจะให้หลินยืมเงินก้อนเพื่อไปไถ่บ้านออกจากธนาคารเหรอคะ?”
เธอเอ่ยถามย้ำ เพราะตอนนี้เธอยังไม่มีหลักทรัพย์อะไรเป็นการประกันให้เขา บ้านหลังนั้นถือเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดของเธอแล้ว
“ไม่ได้ให้ยืม แต่จะซื้อคืนให้เลย”
“.....”
ถ้อยคำนั้น ทำเธองุนงงยิ่งกว่าเดิม
ทว่าดวงตาคู่สวยก็มองเขาอย่างมีความหวัง ความจริงเธอเครียดเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานหลายวันมาก แม้ปากจะบอกว่าปลงเถอะ ทรัพย์สินพวกนี้เป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้
แต่ไม่รู้ว่าจะหาได้ตอนไหนนะซิ!!
เมื่อได้ยินคำนี้จากเขา ความลิงโลดมากมายจึงผุดขึ้นมาในใจและแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา จน วิช ต้องอมยิ้มออกมาเล็กน้อย
หน้าหล่อเหลาโน้มไปใกล้ และกระซิบเสียงต่ำพร่า
“ไม่ต้องยืม พี่จะซื้อคืนให้หลิน ..แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
************