สวยจนจำเกือบไม่ได้

1229 Words
หลังจากที่ชบาต้องย้ายไปอยู่สำนักพ่อหมอหิรัญ ฉันก็ทำงานหนักขึ้น เพราะต้องทำงานคนเดียว จากเก็บผักได้ปริมาณมากก็เก็บได้น้อยลง แต่ยังคงมาขายผักที่ตลาดทุกวัน เพราะยังไงก็ต้องกินต้องใช้ “เก็บแล้วเบาะแม่ค้า” (เก็บแล้วเหรอแม่ค้า) “จ้ะ ผักหมดแล้ว” “ขายดีเนาะ” (ขายดีจังเลยนะ) ฉันยิ้มบาง ๆ ส่งกลับไป จริง ๆ ก็ไม่ใช่เพราะขายดีอะไรหรอก แต่เพราะเก็บผักได้ปริมาณน้อยลงต่างหาก ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ฉันจึงรีบเก็บข้าวของใส่ตะกร้า และเตรียมที่จะเดินกลับมาที่รถ ทว่าสายตากลับเหลือบไปเห็นคุณปลัดที่กำลังเดินมาที่แผงขายผัก เขาต้องมารับฉันกลับบ้านแน่ ๆ บอกเลยว่าวันนี้ฉันเหนื่อยมาก เพราะตั้งแต่เช้าจรดเย็นต้องหมกตัวอยู่ที่สวนผักตลอด ยังไม่พร้อมที่จะเหนื่อยใจไปมากกว่านี้จริง ๆ เมื่อมีโอกาสที่จะไหวตัวหลบหนี ฉันก็ไม่รีรอที่จะทำ รีบเก็บข้าวของอย่างพะรุงพะรังแล้ววิ่งหนีออกมาอีกทาง แต่คงไม่ทันระวังจึงทำให้วิ่งชนกับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง ผลัก! “ขอโทษจ้ะ ๆ” ฉันรีบผงกหัวขอโทษขอโพยยกใหญ่ ในขณะที่ก้มลงเก็บข้าวของที่เกลื่อนพื้น โดยมีคนร่างสูงย่อตัวลงมาเก็บช่วย “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” “ไม่เจ็บจ้ะ ขอโทษนะจ๊ะ ฉันไม่ได้ตั้ง...” พูดไม่ทันจะจบฉันก็ต้องกลืนคำพูดทุกอย่างกลับลงคอ เพราะทันทีที่เงยหน้า ถึงได้รู้ว่าผู้ชายที่ฉันวิ่งเข้ามาชนเขาอย่างจัง คือพี่ทิศ! “พะ พี่ทิศ” เสียงเรียกที่แทบจะมีเพียงลมพร้อมกับสายตาอ้ำอึ้งเผลอทำออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะคลำหาสติของตัวเองเจอ “แล้วรีบไปไหน หน้าตาตื่นเชียว” จริงสิ! ฉันหันกลับไปที่ด้านหลัง พบว่าตอนนี้ปลัดกำลังกวาดสายตามองหาฉันอยู่ จึงรีบยกผ้าขึ้นมาคลุมหัวแล้วลากแขนพี่ทิศเข้ามาหลบที่มุมห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังสุดของตลาด “หลบใครเหรอ” “ชูววว” ฉันยกนิ้วชี้ขึ้นทาบใส่ปากพร้อมกับส่งสัญญาณให้เขาเบาเสียง ก่อนที่จะชะเง้อคอออกไปส่องดูว่าปลัดเขากลับไปแล้วหรือยัง เมื่อเห็นแผ่นหลังหนาเดินกลับไปทางเดิมก็โล่งใจ เขาคงกลับไปรอฉันที่บ้านแล้วแหละ “หลบใครเหรอ ให้รู้ด้วยสิ” เสียงที่ใกล้ในระดับเกือบจะชิดใบหูทำให้ฉันสะดุ้ง รีบหันควับกลับไปมองถึงได้พบว่าพี่ทิศกำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้มาก มากเสียจนปลายจมูกเราแทบจะชนกันอยู่แล้ว “เอ่อ...” ฉันอ้ำอึ้งคิดคำแก้ตัวออกไป และที่อยากทุบหัวตัวเองยิ่งกว่าเดิม คือฉันจะลากเขามาหลบด้วยทำไมกัน บัวเอ๊ยบัว ตอนนั้นคิดอะไรอยู่เนี่ย “ว่าไง หลบใครเหรอ” “ชะ ชบาจ้ะ เล่นซ่อนแอบกัน” ฉันโกหกออกไปพร้อมกับก้มหน้าหลบ ใจเริ่มเต้นระส่ำขึ้นมาอีกรอบ มือสองข้างเริ่มเย็นเฉียบจนต้องยกมันขึ้นมากระชับสายกระเป๋าเอาไว้แน่น “ขายผักหมดแล้วเหรอ” “จ๊ะ?” จำได้ว่าตอนเจอกัน ฉันปิดหน้าปิดตาเอาไว้สนิทจนเห็นแค่ลูกตา ทำไมเขาถึงยังจำฉันได้อีกล่ะ “อ๋อ ขายหมดแล้วจ้ะ สารวัตร... จะ จำฉันได้ด้วยเหรอจ๊ะ” เหงื่อเริ่มซึมออกมาเต็มมือ ทั้งที่พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น แต่ยิ่งพยายามควบคุม น้ำเสียงที่เปล่งออกไปก็ยิ่งแปลกหู ซ้ำยังปั้นหน้าไม่ถูก เอาแต่หันมองไปทางอื่นสลับกับมองหน้าเขาเป็นระยะ “ก็เกือบจำไม่ได้แล้วแหละ สวยขึ้นตั้งเยอะ” “...” เคยรู้สึกเหมือนตัวเบาหวิวลอยอยู่กลางอากาศหรือเปล่า นั่นแหละ... ความรู้สึกของฉันในตอนนี้ มันทั้งดีใจและตื่นเต้นจนอยากจะเดินหนีไปเสียดื้อ ๆ แต่กลับทำได้เพียงยืนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ “ป่านนี้ชบาหาพี่สาวไปถึงไหนแล้ว ไม่ใช่นั่งร้องไห้เป็นเด็กเหมือนตอนนั้นนะ” ฉันยิ้มเจื่อนออกมาบาง ๆ เมื่อเขายังคงจำเหตุการณ์นั้นได้แม่น ยังรู้สึกอับอายไม่หายเลย “แล้วสารวัตรมากับใครเหรอจ๊ะ” “มาคนเดียว เบื่อ ๆ เลยมาเดินเล่นน่ะ แต่ไม่ต้องเรียกพี่ว่าสารวัตรหรอก เรียกพี่ทิศเหมือนเดิมก็ได้” ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง แถมยังไม่ถือตัวอีก ฉันนี่ชอบคนไม่ผิดจริง ๆ สินะ “หน้าพี่มีอะไรติดเหรอ” “เปล่านี่จ๊ะ” “แล้วทำไมต้องจ้องขนาดนั้นล่ะ” “...” ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรแบบนั้นลงไป จึงรีบเบนหน้าหลบในทันที “หึ” คนตรงหน้าแค่นหัวเราะเบา ๆ ให้กับท่าทีลนลานของฉัน ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้อีกนิดจนฉันต้องถอยหลังไปชิดกำแพงโดยไม่รู้ตัว “พะ พี่ทิศ! จะทำอะไรจ๊ะ” ฉันเบิกตาโพลง ใจที่เต้นระส่ำก็ยิ่งเต้นโครมครามหนักเข้าไปใหญ่ “แค่จะหยิบใบไม้ออกให้” มือหนายกขึ้นมาหยิบเศษใบมะขามเล็ก ๆ ที่ปลิวตกลงมาติดบนหัว พลันชูขึ้นให้ฉันดูประกอบคำพูดว่าเขาไม่ได้พูดเล่น “ตัวเกร็งเชียว กลัวพี่เหรอ” พี่ทิศยิ้มขำ พลันก้มลงมองมือฉันที่กำสายกระเป๋าแน่นจนข้อขึ้นสีขาว “ไม่ได้กลัวจ้ะ แค่ เอ่อ… แค่ตกใจ” “ตกใจที่พี่ขยับใกล้เราขนาดนี้เหรอ?” คนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเหมือนนึกสนุก ก่อนจะยกมือขึ้นเท้าเข้ากับกำแพงข้าง ๆ ฉัน “ใกล้แบบนี้เหรอ” “พะ พี่ทิศ ฉันไหว้ล่ะจ้ะ ถอยออกไปก่อน” ฉันยกมือขึ้นพนมที่กลางอก พร้อมกับหลับตาปี๋ไม่กล้าสบตา แค่คุยกันธรรมดาฉันยังแทบช็อค แต่เขาเล่นขยับมาจ้องหน้ากันขนาดนี้ สติฉันจะไปเหลืออะไร มันวิ่งกระเจิงไปคนละทิศละทางแล้ว “หึ ๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้” คนตัวหนาวางแขนลงแต่ยังคงจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาขี้เล่น “ชบาน่าจะรออยู่รถแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อนนะจ๊ะ” “อืม พี่ก็จะกลับแล้วเหมือนกัน ขับรถดี ๆ ล่ะ” อีกฝ่ายผละตัวออกไปก่อน ปล่อยให้ฉันอยู่ในมุมอับหลังห้องน้ำเพียงลำพัง แต่ฉันยังเอาตัวเองเดินออกไปจากตรงนี้ไม่ได้ ทั้งมือทั้งหัวใจยังสั่นไม่เลิกจนต้องทิ้งตัวลงนั่งแล้วยกมือขึ้นทาบปิดหน้า รอยยิ้มที่ปกปิดผุดขึ้นมาอย่างปิดซ่อนไม่มิด ความรู้สึกหัวใจพองโตมันเป็นแบบนี้นี่เอง ใจจริงฉันอยากจะถ่วงเวลาแล้วยืนคุยกับเขาให้นานกว่านี้ แต่ฉันดันประหม่าจนไม่รู้เลยว่าควรทำหน้าแบบไหน ควรพูดอะไร ขอกลับไปจดไว้ก่อนแล้วกัน เพราะถ้ารอบหน้ามีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกันเพียงลำพังอีก ฉันจะได้ตั้งรับได้ดีกว่านี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD