ตอนที่ 19 ตัวซวย

1808 Words
หลังจากที่ขนมหวานรับรู้ว่าธีร์เกิดอุบัติเหตุและถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลไหน เธอก็รีบฝากลูกชายเอาไว้กับแม่บ้านในทันที ก่อนจะรีบให้คนของธีร์ขับรถพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน ณ โรงพยาบาล ทางเดินเข้าสู่ห้องฉุกเฉิน เสียงรองเท้ากระทบพื้นอย่างเร็วๆ พร้อมกับร่างบางวิ่งเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน โดยที่ ณ ตรงนั้นมีทั้งตำรวจและกู้ภัยยืนอยู่ "ขอโทษนะคะ ฉันคือภรรยาของนายปริญค่ะ ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างคะ" "ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินแล้วครับ" "เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุ" "รถพ่วงเสียหลักข้ามเลนเลยพุ่งชนกับรถของคุณปริญที่ขับมาทางตรงอย่างเร็วครับ ก็เลยเกิดอุบัติเหตุอย่างที่เห็น" ตำรวจพูดขึ้นพร้อมกับโชว์ภาพกล้องวงจรปิดที่ได้นำมาประกอบเป็นหลักฐาน "นายหญิงครับ..." เลขาคนสนิทของธีร์มาถึงที่โรงพยาบาลในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน "สวัสดีค่ะคุณเลขา" "เดี๋ยวผมจัดการเรื่องคดีเองครับ ไม่ต้องเป็นห่วง" "ค่ะ ฝากด้วยนะคะ" ถึงจะเป็นภรรยาตามที่กล่าวอ้างไปแต่เธอก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่นัก ให้เลขาคนสนิทของเขาเป็นคนจัดการจะดีกว่า "นายเป็นยังไงบ้างครับ" "ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินอยู่เลยค่ะ" "แล้วนี่นายน้อยอยู่กับใครครับเนี่ย" "เฮ้อ...มันเร่งรีบ ฉันก็เลยฝากเอาไว้กับแม่บ้านน่ะค่ะ เขาอยู่ได้ไม่เป็นไรค่ะ" เพราะอยู่กับแม่บ้านมาตั้งแต่เล็กๆ และทุกคนก็ไว้ใจได้ ขนมหวานก็เลยฝากไว้ให้แม่บ้านดูแลสักพักหนึ่งได้ "เดี๋ยวเชิญญาติไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับ" "เดี๋ยวผมไปเองครับ ผมเป็นเลขาคนสนิท ภรรยาของคุณปริญไม่สะดวก" "ขอบคุณนะคะ" "ถ้านายออกมาแล้ว นายหญิงก็กลับไปหาคุณหนูน้อยเถอะครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วผมจะติดต่อกลับไปในทันที" "......." ขนมหวานไม่ได้ตอบอะไร เธอไม่รู้จะเลือกยังไงเหมือนกัน อีกทางหนึ่งก็ลูก อีกทางหนึ่งก็สามี ทิ้งใครไม่ได้เลยสักคน ครั้นจะพาลูกมาอยู่ที่นี่มันก็ไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับเด็กเท่าไร ใจจริงเธออยากอยู่จนกว่าเขาจะฟื้นด้วยซ้ำ "นี่เป็นโทรศัพท์และของใช้ส่วนตัวที่อยู่ในรถที่พอจะเก็บกู้มาได้ครับ" กู้ภัยยื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอแตกให้กับขนมหวาน พร้อมกับของเล็กๆ น้อยๆ แต่ที่ทำเอาเธอแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ก็คือ กล่องกำมะหยี่สีแดง ที่ข้างในมันมีแหวนเพชรอยู่ "ขะ ขอบคุณนะคะ" "ยินดีครับ ขอตัวก่อนนะครับ" ขนมหวานเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น แต่เธอห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เธอร้องไห้น้ำตาไหลพรากออกมาสงสารธีร์ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ เธอไม่อยากเห็นเขาเจ็บตัวเลย ถึงเมื่อก่อนจะไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไรที่เขามักจะทำอะไรตามใจตัวเอง แต่เขาก็ดีกับเธอมาก และก็ทำหน้าที่พ่อได้ดีเลยทีเดียว "ฮึก...ธีร์ ฉันขอโทษฮือ ~" "นายหญิงครับ.." เลขาคนสนิทอยากจะเข้ามาปลอบใจ แต่ก็ไม่กล้า เพราะรู้ว่าเจ้านายตัวเองไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับคนของเขา "โอเค ถ้านายตื่นขึ้นมา ฉันจะยอมเรียกนายว่าป๊า และก็แทนตัวเองว่าม๊า ขอแค่นายปลอดภัย ฉันยอมทุกอย่างเลย นายต้องไม่เป็นอะไรนะธีร์" ถึงจะเคยพูดตกลงกันเอาไว้เรื่องการใช้คำสรรพนามแทนตัวเอง แต่ขนมหวานก็ยังไม่ค่อยชินสักเท่าไร ก็เลยจะมีแต่เขาที่ใช้คำนั้นพูดเวลาคุยกัน "ขอแค่นายปลอดภัย กลับมาหาฉันกับลูก ไม่ว่านายจะขออะไร ฉันยอมหมดเลย ขอแค่นี้เองธีร์" ขนมหวานคร่ำครวญอยู่หน้าห้องฉุกเฉินไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร และก็ไม่รู้เลยว่าคนข้างในเป็นอะไรบ้าง ในใจของเธอได้แต่ภาวนาขอให้เขาปลอดภัยอยู่อย่างนั้น ไม่นานนัก.... ประตูบานใหญ่สีขาวถูกเปิดออกตามด้วยเตียงเข็นคนไข้ ซึ่งคนที่นอนอยู่ก็คือธีร์ ข้างกายของเขาเต็มไปด้วยสายระโยงระยาง และที่สำคัญเขายังไม่ได้สติเลย "ธีร์!" "ขอทางก่อนนะครับ ต้องรีบพาคนไข้เข้าห้องผ่าตัดด่วน!" บุรุษพยาบาลที่เข็นรถออกมารีบพูดขึ้น ก่อนที่ขนมหวานจะรีบหลบข้างทางเพื่อให้รถเข็นนั้นได้ผ่านไป ทางด้านของคุณหญิงแม่ของธีร์ ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ "คุณหญิงขา ~ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ" "อะไรของแก เสียงดังโวยวายไปสามบ้านแปดบ้าน น่ารำคาญจริงๆ เดี๋ยวก็ไล่ออกซะเลยนี่!" "เกิดเรื่องแล้วค่ะคุณหญิง" "เรื่องอะไรของแก" "คะ คุณหนูค่ะ คุณหนูธีร์ ประสบอุบัติเหตุตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ" "แกว่ายังไงนะ!" "คุณหนูรถคว่ำค่ะ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล คนสนิทของคุณหนูเพิ่งโทรมาบอกค่ะ" "ไปบอกคนขับรถให้พาฉันไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" "ได้เลยค่ะคุณหญิง" หลังจากที่ได้รับข่าวว่าลูกชายของตัวเองนั้นประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในชีวิต คุณหญิงก็รีบให้คนขับรถพาไปยังโรงพยาบาลที่ลูกชายของตัวเองนั้นถูกส่งไปในทันที ถึงแม้จะบีบบังคับมากมายแค่ไหน แต่สุดท้ายสัญชาตญาณคนเป็นแม่ก็ยังเป็นห่วงลูกอยู่ดี "นี่ขับรถให้มันเร็วกว่านี้ได้ไหม!" คุณหญิงเร่งคนขับรถ ถึงแม้ตัวจะยังอยู่ในรถแต่ในใจนั้นไปถึงลูกชายแล้ว "ใจเย็นๆ ครับคุณหญิง ฝนตกหนักและรถติด เร่งความเร็วไม่ได้ครับ" "ให้ตายสิ! จะมารถติดอะไรตอนนี้เนี่ย" "ผมจะพยายามไปให้เร็วที่สุดนะครับ" "รีบๆ เลย" "ครับๆ" ทางฝั่งของขนมหวาน.... ขณะที่เธอกำลังยืนอยู่โดยที่ไม่ได้ระวังตัวอะไรเลย ก็มีแรงยื้อจากทางด้านหลังที่ดึงเธอไปจนแทบจะล้ม ตามด้วยเสียงตบอย่างแรง แต่เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บเลย เพียะ! "หลีกไปแกจะเข้ามาขวางทำไม ฉันจะตบนังผู้หญิงหน้าด้านคนนี้!" "ใจเย็นๆ ก่อนนะครับคุณหญิง มันเป็นอุบัติเหตุนะครับ" "อุบัติเหตุเหรอ ลูกชายฉันกำลังขับรถกลับไปหาผู้หญิงคนนี้ จนเกิดอุบัติเหตุ ถ้าลูกชายของฉันไม่กลับไปหาหล่อน เขาก็คงไม่เกิดอุบัติเหตุแบบนี้!" "ใจเย็นนะคะ ฉันไม่ได้อยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย ธีร์ก็กลับเพ้นท์เฮ้าส์ปกตินะคะ" "แกไม่ต้องมาแก้ตัวเลยนะตัวซวย ถ้าลูกชายของฉันเป็นอะไรขึ้นมา แกเตรียมตัวเดือดร้อนได้เลย!" "คุณหญิงครับ ผมรู้นะครับว่าคุณหญิงโมโห แต่ช่วยมีเหตุผลหน่อยได้ไหมครับ ถ้านายฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นคุณหญิงโทษนายหญิงแบบนี้ จะไม่พอใจเอานะครับ" "นายหญิงเหรอ นี่แกเรียกมันว่านายหญิงเหรอ มันไม่เหมาะกับคำนี้ด้วยซ้ำ!" "ผมโทรบอกคุณหญิงก็เพื่อให้รับรู้นะครับ ไม่ได้ต้องการให้มามีเรื่องที่นี่" "ฉันก็ไม่ได้อยากมีปัญหา ในขณะที่ลูกชายของฉันต้องเจ็บตัวเพราะผู้หญิงคนนี้! เธอเป็นแม่คนแล้วเธอก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉัน" "ค่ะฉันเข้าใจ แต่ฉันแยกแยะได้ ฉันเองก็เสียใจไม่ต่างจากคุณหญิง แต่ถ้าคุณหญิงจะโทษว่านี่เป็นความผิดของฉัน ฉันคงไม่ยอมรับ เพราะฉันไม่ได้ผิด!" "ไม่ผิดเหรอ! ทำให้ลูกชายฉันเป็นแบบนี้ เธอยังว่าไม่ผิดอีกเหรอ ก็เป็นเพราะเธอไง ถ้าลูกชายของฉันยอมแต่งงาน และไม่มีเธอเข้ามาในชีวิต เขาก็คงไม่เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ รู้ตัวไว้ซะว่าเธอคือตัวซวย!" "......" เสียงตวาดของคุณหญิงแม่ของธีร์มันทำให้ขนมหวานรู้สึกจุกในอก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นไม่มีการโต้ตอบกลับใดๆ เธอยังคงยืนนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายได้อาละวาดตามใจของตัวเอง เพราะเธอไม่มีอะไรที่จะเถียงหรือแก้ตัว และคำยืนยันของเธอมันก็ยังเป็นเหมือนเดิม ว่าเรื่องนี้เธอไม่ได้ผิด "จำเอาไว้เลยนะ ลูกของฉันเป็นอะไรขึ้นมา ฉันเอาชีวิตของเธอแน่ นังตัวซวย!" "ค่ะคุณหญิง" ที่ผ่านมาขนมหวานก็อยากทำตัวให้แม่สามียอมรับได้เหมือนกัน ถึงจะเจอกันแค่ครั้งสองครั้ง แต่เธอก็อยากให้คุณหญิงได้รู้ว่าการที่เธอเข้ามาในชีวิตของธีร์มันไม่ได้หมายความว่าเธอนั้นหิวเงินหรืออยากรวยทางลัด มันก็เรื่องจริงที่เธอและเขาไม่ได้รักหรือคบกันมาก่อน แต่ที่ต้องมาอยู่ด้วยกันก็เพราะความจำเป็นและความสัมพันธ์ที่ตัดกันไม่ขาด แต่ตอนนี้เธอก็รักเขาเขาให้แล้วจริงๆ รักที่ไม่ได้หวังที่จะเกาะหรืออยากได้ทรัพย์สมบัติอะไรของเขาเลย เธอก็แค่อยากรักและใช้ชีวิตอยู่กับเขาเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป เวลาต่อมา... ผ่านไปหลายชั่วโมงคุณหมอก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด ก่อนที่ขนมหวานและคุณหญิงจะรีบเดินเข้าไปถามไถ่อาการในทันที "ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ แต่ก็ต้องอยู่ในความดูแลของหมอก่อน เพราะฉะนั้นหมอจำเป็นต้องให้อยู่ในห้อง ICU ซักระยะหนึ่งนะครับ" "แล้วอาการของเขาเป็นยังไงบ้างคะ หมายถึง...ที่เกิดอุบัติเหตุเขาเป็นอะไรบ้าง" ขนมหวานถาม "ซี่โครงหักสามซี่ครับมีเลือดคั่ง สมองไม่กระทบกระเทือนอะไรครับ ร่างกายส่วนอื่นก็มีแค่การถลอกเท่านั้นครับ แต่ต้องรอดูอาการก่อน" "ฝากด้วยนะคะคุณหมอ" "ฉันจะหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาลูกชายของฉัน และฉันจะย้ายลูกชายของฉันไปโรงพยาบาลที่ดีที่สุด เดี๋ยวนี้เลย!" "ใจเย็นก่อนนะครับคุณแม่ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ยังต้องอยู่ในห้อง ICU ค่อนข้างเสี่ยงนะครับ เสี่ยงติดเชื้อและเสี่ยงเสียชีวิตได้ง่ายๆ เลย" "คุณหญิงครับ อย่าทำแบบนั้นเลยครับ ทำตามที่หมอแนะนำจะดีกว่านะครับ" เลขาคนสนิทของธีร์พูดขึ้นมา "ก็ได้ แต่ฉันจะจ้างหมอที่ดีที่สุดมารักษาอาการของลูกชายฉัน" "หมอของที่นี่ฝีมือดีที่สุดอยู่แล้วครับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ สบายใจได้เลย ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หมอขอตัวไปพักก่อนนะครับ" "ค่ะคุณหมอ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ" "ครับ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD