“เสร็จงานอาทิตย์นี้ดิฉันขอลาออกนะคะ” นางพยาบาลที่คอยดูแลมารดาเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย ท่าทางเจ้าหล่อนเล่นเอาเหมือนไหมมึนงงชั่วขณะ
“ทำไมล่ะคะ หรือค่าแรงที่ฉันให้คุณมันน้อยไป” เธอถามกลับอย่างตรงไปตรงมา ด้วยไม่รู้ว่าการกระทำเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะเหตุใดที่ผ่านมาทำงานร่วมกันก็ราบรื่นตลอด แต่มาขอลาออกดื้อ ๆ มันค่อนข้างน่าสงสัยพอสมควร
“หรือคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าบอกไหมตรง ๆ ได้นะ ยินดีรับฟัง” มือนุ่มคว้าแขนเจ้าหล่อน น้ำเสียงฟังดูเว้าวอนเสียเต็มประดา
“แต่อย่าเพิ่งไปตอนนี้ได้มั้ยคะ ไหมหาคนไม่ทันคุณก็รู้แม่อาการแย่แค่ไหนท่านช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไหมทำงานส่วนน้องสาวก็ยังเรียนอยู่”
“นั่นเป็นปัญหาของคุณค่ะไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันบอกล่วงหน้าเพื่อให้รับรู้ ขอตัวนะคะ” แต่อีกฝ่ายกลับไม่แยแสด้วยซ้ำ นางพยาบาลใจร้ายสะบัดตัวออกห่าง หล่อนหมุนปลายเท้าหันหลังเมินเฉยต่อสีหน้ากังวล ครั้นเงินมหาศาลเฝ้ารออยู่ตรงหน้าไม่รีบรับไว้ก็โง่เต็มทน
ริมฝีปากได้รูปขบกัดกันจนห้อเลือด ทำไมชีวิตเธอต้องเผชิญเรื่องแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า พอดีขึ้นก็เจอพายุสาดใส่กลืนความสุขอันน้อยนิดจางหายไป คนเป็นทุกข์เวียนว่ายกลับมาจมอยู่ที่เดิม
มือนิ่มทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งข้อความหารุ่นพี่พยาบาลซึ่งรู้จักให้หล่อนช่วยหาคนมาดูแลนภา ส่วนตนเองก็ไม่เพิกเฉยรีบโพสต์ลงกลุ่มหางานหวังว่าจะมีใครสักคนบังเอิญเห็นและติดต่อเข้ามา
ติ๊ง! ติ๊ง!
ฉับพลันทาวน์เฮาส์สองชั้นถูกกดระรัวด้วยบุคคลปริศนา เหมือนไหมปาดน้ำตาลวก ๆ ปรี่เท้าเร็วรี่เพราะเกรงเสียงดังกล่าวอาจรบกวนมารดาจนท่านตกใจ
หญิงสาวเปิดรั้วบ้านพลันปรากฏรถตู้สีดำขลับซึ่งไม่คุ้นตาเท่าไรนัก ชั่ววินาทีประตูบานนั้นเลื่อนออกเผยให้เห็นถึงที่บุคคลข้างใน…เจ้าสัวภูวเดช
ท่านมาทำอะไรที่นี่!
“ขึ้นมาสิหนู ฉันมีธุระสำคัญจะคุยด้วย”
“คะ…” แววตาคู่งามระริกสั่นไหว สุ้มเสียงทุ้มต่ำแม้ไม่ฉายชัดร่องรอยโกรธเคืองใด ๆ ท่านเลือกซ่อนอารมณ์ไว้มิดชิด
“เรื่องภควัต” เสียงกดต่ำสามารถทำเลือดในกายหญิงสาวร้อนผ่าวราวคนกลัวความผิด เหมือนไหมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ หรี่สังเกตชายฉกรรจ์เบื้องหลังวูบหนึ่ง ก่อนก้าวขึ้นรถเพราะท้ายที่สุดต่อให้พยายามขัดขืนเพียงใด ภูวเดชก็บังคับเธออยู่ดี
รถตู้มุ่งสู่นอกหมู่บ้านขับเพียงไม่นานล้อพลันหยุดหมุนบริเวณร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลกัน ริมฝีปากแห้งผากเสียจนเธอเผลอเลีย สมองคิดสะระตะกระทั่งปวดหัวขณะจดจ้องแผ่นหลังคนเบื้องหน้า
จะว่าอคติหรือเปล่า…ทำไมแอบสังหรณ์ใจว่าท่านไม่ได้มาดี
โต๊ะซึ่งภูวเดชเลือกอยู่ตรงห้องกระจกห่างไกลลูกค้าราวจงใจ ท่านกวักมือเรียกพนักงานอีกฝ่ายก็นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ กาแฟสองแก้วลำเลียงเสร็จสรรพ เหมือนไหมยังหาคำตอบให้ตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดถึงโง่นั่งตรงนี้ ทั้งที่ปรายหางตาคมกริบหยามศักดิ์ศรีขนาดนั้นก็ยอมทนคงเพราะใคร่รู้กระมัง…
ริมฝีปากกระจับจิบเครื่องดื่มร้อนก็ขมวดคิ้วฉับพลัน กาแฟแก้วนี้รสชาติประหลาด หนำซ้ำไม่ต่างกับแบบสำเร็จตรงร้านสะดวกซื้อ
“ไม่อร่อยหรือ ?” คนมีอายุกว่าเลิกคิ้วถามทันใด ทั้งยังไม่ลืมจ้องลึกสำรวจดวงตาคู่งาม
“พอทานได้ค่ะ” เหมือนไหมไม่เฉลยโดยตรงเพราะไม่อยากเสียมารยาทกล่าวหาร้านที่ท่านเจ้าสัวเลือก
“หนูชอบกาแฟแก้วนี้หรือเปล่า ถ้าดื่มทุกวันจะเบื่อรสชาติมันมั้ย”
“คะ…” พลันรู้สึกวูบโหวงแล่นก่อกวนก้อนเนื้อในโพรงอกข้างซ้าย
“ไหมไม่รู้สิคะไม่ได้เป็นคอกาแฟขนาดนั้น แต่รู้สึกว่าแก้วนี้เหมือนกาแฟแถวบ้านที่คุณแม่ไหมชอบดื่มเมื่อก่อน”
“ที่หนูดื่มน่ะกาแฟซองหาซื้อได้ทั่วไปนั่นแหละ” ภูวเดชว่าพลางแย้มยิ้มหยัน
“แต่รู้มั้ยทำไมคนถึงยังชอบดื่มทั้งที่รสชาติก็ไม่ได้เรื่องขนาดนั้น”
“…”
“เพราะมันหาซื้อง่ายจนต้องแวะชิมบางครั้งคราวเพื่อดับความอยาก” หญิงสาวชาวูบทั่วเรือนกายคำว่าง่ายและถูกแท้จริงคงไม่หมายถึงกาแฟ แต่ปรารถนาสื่อแทนตัวเธอต่างหาก
“แต่ถ้าถือออกข้างนอกถ่ายลงโซเชียลอวดยังไงกาแฟชงตามแฟรนไชส์หรู ๆ ก็เป็นตัวเลือกที่คนชอบโชว์มากกว่ากาแฟง่าย ๆ แก้วนี้หนูว่ามั้ย”
“ท่านเจ้าสัว” เสียงเรียกคนตรงหน้าแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ฉันจะพูดไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ลูกชายฉันกำลังจะแต่งงาน วันนี้เขาเพิ่งไปเลือกแบบการ์ดกับว่าที่เจ้าสาวตัวจริงมา ถ้าหนูยังพอมีสำนึกอยู่บ้างก็เลือกเอาว่าจะเดินออกไปจากชีวิตเขาดี ๆ หรือยอมเป็นเมียน้อยก็แล้วแต่ฉันไม่เคยห้าม”
“…”
“ยังไงเสียภาคมันคงไม่ตัดหนูหรอก อาจจะเก็บหนูไว้แก้เหงาเวลาเบื่อเมีย ถ้าพูดในฐานะผู้ชายก็เข้าใจสันดานมันได้อยู่”
“…”
“เพราะตัวหนูเองก็ไม่ต่างกับกาแฟสำเร็จพวกนี้”
ถ้อยคำดูถูกคล้ายแส้เส้นใหญ่ฟาดลงกลางใจ หากถามว่าเจ็บไหม เหมือนไหมเจ็บจนจุก เพราะทุกอย่างที่ว่านั่นคือเรื่องจริง…
ลำคอตีบตันปฏิเสธไม่ได้ ก็เธอง่ายอย่างที่ท่านเจ้าสัวปรามาส
“ค่าเสียเวลา ขอให้แม่หนูหายดีไว ๆ”
มือย่นหยิบกระดาษวางทิ้งมันไว้ ก่อนผุดกายเหลือเพียงความว่างเปล่า ก้มต่ำมองก็เห็นว่าภูวเดชตอกย้ำเหมือนไหมอย่างเลือดเย็นด้วยเช็คมูลค่ามหาศาล…
หนึ่งล้าน… ท่านตัดสินแล้วว่าชีวิตเธอสามารถซื้อได้ด้วยเงิน!
คู่ชีวิตของภควัตควรเป็นคนที่เหมาะสมมากกว่าผู้หญิงธรรมดาเช่นเธอ ก็ชายหนุ่มเป็นถึงลูกเจ้าสัวใหญ่นี่นา แค่นาฬิกาเรือนเดียวของเขาอาจมีมูลค่ามากกว่าเงินเก็บเธอทั้งชีวิตด้วยซ้ำ
คนตัวเล็กก่นด่าตนเองในใจ… ที่ผ่านมาเธอหวังอะไรกันแน่เหมือนไหม ?
การพยายามถีบตัวเองเพื่อควรคู่กับไฮโซหนุ่มผู้สูงเสียดฟ้า เมื่อตกลงมาคงเจ็บเป็นธรรมดา รสชาติความขื่นขมกับกาแฟห่วย ๆ แก้วนี้ควรค่าแก่ตัวเธอ
กดส่งข้อความหาณดล บางทีการพบเจ้าสัวครั้งนี้เหมือนไหมควรลืมตามองความจริงบ้างว่าต่อให้ตนพยายามแค่ไหน สุดท้ายอาจตกอยู่ในสถานะเมียน้อยอยู่วันยังค่ำ
เหมือนไหมรับไม่ได้ เธอไม่อยากเป็นชู้ใคร…
ทว่าใจดื้อรั้นปรารถนาถามภควัตครั้งสุดท้ายว่าจะเลือกผู้หญิงคนนั้นหรือตัวเอง
คนตัวเล็กโบกรถแท็กซี่ปลายทางคือเพนต์เฮาส์สุดหรูซึ่งภควัตอาศัยประจำ ถามมือขวาคนสนิทของฝ่ายชายณดลมีท่าทีอึกอักทำให้สามารถจับพิรุธได้ทันที เวลานี้ชายหนุ่มคงอยู่ที่นั่นกับว่าที่เจ้าสาวสินะ!
เธอไม่โวยวายพวกเขาหรอก แค่อยากคุยกับคนใจร้ายเพราะอย่างไรฝ่ายหญิงก็ไม่เกี่ยวข้องด้วย ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงปลายทาง…
ร่างบอบบางยื่นแบงก์สีม่วงจ่ายค่าโดยสาร ก่อนเร่งฝีเท้าผ่านแนวบานเลื่อนกระจก
“คุณไหม…” ณดลลุกลี้ลุกลนปรี่เข้ากระชากเรียวแขนขาวบังคับปลายเท้าเหมือนไหมทางทิศซึ่งผู้เป็นนายสั่งไว้
เขากดน้ำหนักกระทั่งคนตัวเล็กจมลงกับโซฟารับแขก หนำซ้ำยังส่งสายตาแข็งกร้าวไม่เหลือมาดสุภาพครั้นอดีต
หึ… คงเพราะบัดนี้เหมือนไหมเป็นตัวปัญหาของชีวิตภควัตสินะ ณดลถึงเหี้ยมโหดเช่นนี้
พวกเขาเลือดเย็นจนเธอรู้ซึ้งเวลาภควัตสั่งมือขวากำจัดศัตรูขวางหน้า…และศัตรูที่ว่าคือตัวเธอเอง!
“ถ้าคุณภาคไม่นัดคุณก็ไม่ควรมาที่นี่”
“จะบอกว่าตอนนี้ไหมเป็นส่วนเกินใช่มั้ยคะ” ริมฝีปากกระจับเหยียดยิ้มถาม
“ไหมขัดจังหวะเขากับว่าที่เจ้าสาวหรือไง คุณถึงได้โวยวายไหมขนาดนี้” น้ำเสียงราบเรียบต่างจากแววตาวาวโรจน์ข้างในลิบลับ
“ตอนนี้คุณกำลังไร้สติอยู่ กลับไปเถอะครับเชื่อผม ถ้าไม่อยากให้ทุกอย่างมันพังยิ่งกว่านี้”
“ไหมไม่กลับค่ะ เพราะตอนนี้ไหมก็พังจนไม่รู้จะพังยังไงแล้วเหมือนกัน ไหมอยากคุยกับเขาให้รู้เรื่อง!”
“คุณจะพาลแบบนี้ไม่ได้นะครับ ที่ผ่านมาคุณเองก็ยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างตลอด”
“ไหมรู้ เพราะไหมเคยคิดว่าความดีของไหมจะเปลี่ยนผู้ชายคนนั้นได้ไงคะ” ดวงตาหม่นหมองฉายชัดว่าเจ็บร้าวกับวันวาน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและนักธุรกิจหนุ่มจริงอยู่ว่าบางครั้งทุกข์
แต่ที่ผ่านมาหญิงสาวเลือกมองความสุขมากกว่า… เธอหลงใหลขุมเสน่หา กว่าจะรู้ตัวความละโมบอยากให้เขารักตอบกำลังจะฆ่าตัวเองตายทั้งเป็น
ตอนมหาวิทยาลัยเหมือนไหมเคยเห็นเพื่อนบางคนยอมโง่เพราะบูชาความรัก หลับหูหลับตาเชื่อคนหลอกลวงพวกนั้นจนบางครั้งน่าสงสาร แต่บัดนี้เธอเข้าใจพวกเขาเหล่านั้นแล้ว…
เพราะรักมันหอมหวานใช่ไหม ?
ทุกคนถึงโหยหาอยากลิ้มลองกระทั่งขาดไม่ได้ในที่สุด กว่าจะย่ามกายความเจ็บร้าวพลันมาเยือน!
“งั้นคุณก็รอที่นี่อย่าสร้างปัญหา คุณภาคกำลังคุยธุระข้างบน ผมไม่กล้ารับประกันนะว่าจะนานแค่ไหน” ณดลสะบัดกายลุกขึ้นพาตนไปยังโซฟาอีกด้านหนึ่ง มือขวาหนุ่มคอยสังเกตการณ์เงียบ ๆ ไม่อยู่ใกล้เหมือนไหมตามคำสั่งผู้เป็นนาย เพราะท่านเกรงว่าอรลดาอาจสงสัย
ด้านหญิงสาวเพียงระบายลมหายใจเหนื่อยล้า ก้มหน้ารับชะตากรรมอัปยศ รอแล้วรอเล่ากระทั่งล่วงเลยกว่าสามชั่วโมงคนซึ่งเธอเฝ้าคอยก็ลงมาพร้อมกับเจ้าสาวตัวจริง
ภควัตไม่แม้แต่ชายตามองเธอ เขาเดินไปส่งผู้หญิงคนนั้นขึ้นรถเปิดประตูให้อีกฝ่ายอย่างสุภาพ หนำซ้ำยังระบายยิ้มอ่อนโยนบอกลากัน
การกระทำดังกล่าวมีอานุภาพทำลายล้างรุนแรง ถ้าชายหนุ่มอยากให้เหมือนไหมเจ็บจนสาแก่ใจ… เขาก็ทำสำเร็จ
เพราะตอนนี้เธอรวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก หัวใจคล้ายถูกรุมทึ้งซ้ำไปซ้ำมา ส่วนสำคัญของร่างกายแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี
“ตามมา” ดวงตาคมกริบจดจ้องราวกินเลือดกินเนื้อ เรียวปากหยักทิ้งเพียงคำพูดแสนสั้น หมุนปลายเท้าหันหลังทั้งใบหน้าฉายชัดว่าสุดรำคาญ
ท่าทางเย็นชาทำเอาใจดวงน้อยวูบโหวงกระนั้นก็ยังอุตส่าห์ตามชายหนุ่มราวว่าง่ายเสียเต็มประดา หากบัดนี้เหมือนไหมไม่ต่างกับระเบิดเวลา
เพราะความอดทนอันน้อยนิดใกล้สิ้นสุดลง!
ลิฟต์ส่วนตัวพาทั้งคู่มายังเพนต์เฮาส์ชั้นบนสุดซึ่งชายตรงหน้าเป็นเจ้าของ ระบบสแกนม่านตาเลื่อนบานประตูฉับพลัน
เหมือนไหมก้าวไปข้างในนั้น… ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนความรักระหว่างสองเรา นัยน์ตาเหลือบสังเกตก็พบว่าธุระเมื่อครู่คือการดินเนอร์กับเจ้าสาวตัวจริง
อาหารยังเกลื่อนเต็มโต๊ะสี่เหลี่ยมลายหินอ่อน ไวน์ราคาแพงพร้อมเครื่องเสียงบ่งบอกว่าไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาทั้งคู่สุขใจแค่ไหน…
ยิ่งจินตนาการว่าภควัตเสพสุขทั้งที่ใจเธอทุกข์ขีดเส้นอดทนน้อยนิดพลันขาดผึงทันใด!
คนใจร้าย…
เคยคิดว่าภควัตเลือดเย็นแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะไร้หัวใจเพียงนี้ หรือบางทีมันอาจจะยังเต้นอยู่หรอกเพียงชายหนุ่มไม่คิดใช้กับเธอ
หัวใจเขา…
ไม่มีเพื่อรักเธอเหมือนไหม!
เพราะอะไรรู้ไหม…
ก็การ์ดแต่งงานซึ่งเจ้าสัวภูวเดชกล่าวถึงวางแผ่หลาอยู่บนโต๊ะเช่นกัน!