ลองนึกภาพ slow motion ในภาพยนตร์ ภาพพระชายาผู้งดงามกำลังก้าวเท้า เดินสับขาเหมือนอยู่บนรันเวย์ออกจากห้องนอนตำหนักจวิ้นอ๋อง ทั้งสองแต่งกายด้วยเสื้อสั้นเพียงต้นแขนและกางสีแดงเข้ม เสื้อเข้าในกางเกงคาดเข็มขัดหนังสีดำ สวมรองเท้าคอมแบทสีดำแบบเดียวกัน พร้อมพันผ้าสีดำที่ข้อมือ
นางเสยผมที่ยาวสยาย มือกำลังจัดอาภรณ์ให้เข้าที่ บนคอและเนินอกมีรอยรักสีดอกเหมยอยู่เป็นจ้ำ ๆ
จวิ้นอ๋องผู้สง่างามก้าวตามกันออกมาติด ๆ แขนแกร่งกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามยกมือขึ้นเสยผมยาวที่ยุ่งเหยิงของตนเช่นกัน เขาก้าวสาวเท้าออกมา พลางจัดอาภรณ์ของตน
มันจะเป็นอันใดไปได้เล่า นอกจากสองคนนั่นเพิ่งผ่านสมรภูมิรักหลายยกมาหมาด ๆ
ทั้งองครักษ์และสาวใช้ที่เฝ้าหน้าห้องได้แต่ทำหน้าสอดรู้สอดเห็น เมื่อได้ยินเสียงราวกับมีคนสู้กันในห้องนอน มีเสียงกรีดร้อง และเสียงครางหวานแว่วลอดออกมา สาวใช้มองผ่านประตูที่เปิดออก ในห้องราวกับเกิดวินาศกรรมหรือการโจรกรรมครั้งใหญ่
เก้าอี้ล้มลงสองตัว โต๊ะไม่ได้วางที่เดิม กาน้ำชาวางหงายท้องอยู่ที่พื้น ถ้วยชาแตกไปหลายใบ แจกันนอนตายอยู่ทุกทิศทาง
ทั้งอาภรณ์ของพระชายา ของจวิ้นอ๋อง ทั้งเอี๊ยม ชุดคลุม กระจัดกระจายอยู่ที่พื้นเกลื่อนไปหมด บนเตียงยับยู่ยี่ ผ้าห่มกองอยู่ที่พื้น หมอนกระเด็นไปอยู่บนเก้าอี้
ทั้งเสียงครางหวานกระเส่า ทั้งเสียงข้าวของกระจัดกระจาย บ่าวไพร่ สาวใช้ องครักษ์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจวิ้นอ๋องขืนใจพระชายา เป็นบุรุษที่นิยมความรุนแรงก่อนเสพสุข พากันซุบซิบสนุกปากว่าพระชายาคงโดนบทรักหนักหน่วงไปหลายยก
หารู้ไม่........ว่าจวิ้นอ๋องยังไม่ได้แม้เพียงครึ่งยก
นางเอื้อมมือไปกึ่งดึงกึ่งลากสวามี เขาเพิ่งได้สติสำรวจชุดและรองเท้าที่เหมือนกันราวกับกับชุดฝาแฝด เขามองที่เท้าตนเอง รองเท้าประหลาดช่างใส่สบายนัก หนังนิ่ม ทะมัดทะแมงมีเชือกผูก นางรู้ขนาดรองเท้าเขาได้อย่างไร คงแอบนำไปตัดให้เขากระมัง
ชายหนุ่มยกยิ้มบนใบหน้า
“ยิ้มอันใดเล่า รีบออกไปรับสำรับเถิดท่านพี่ ข้าให้ตั้งสำรับเช้าไว้ด้านนอกนี่ ท่านทำข้าเสียเวลามามากแล้ว” นางหันมาแหวใส่
“ขอบใจเจ้ามาก รองเท้าที่เจ้าสั่งทำให้พี่ เจ้ารู้ขนาดของพี่หมดเลยรึ” เขาเอ่ยเย้านาง
“..........” นางไม่ตอบเอียงอายแก้มแดง รีบเดินนำหน้าเขาไป
ทีเช่นนี้นางเอียงอาย แล้วเมื่อครู่เล่าที่ยืนเปล่าเปลือยคุยกับเขา หมุนร่างไร้อาภรณ์ถึงสามรอบที่กลางห้อง นางไม่นึกอายหรืออย่างไร เขาได้แต่อมยิ้มเดินตามนางมา
หลุนเหอจิ้งกดไหล่เขานั่งลงเก้าอี้ บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่ สองสามอย่าง นางนำหวีมาสางผมให้เขารีบรวบผมสูงมัดขึ้นให้สวามี เสร็จแล้วนางมัดผมตนเอง นางนำตะเกียบมาคีบอาหารกินแบบไม่มองหน้าเขา รีบกินรีบไปทำงานทำการ มีเพียงชายหนุ่มนั่งหน้าแดงคิดในใจถึงเรื่องลามกที่เพิ่งผ่านไป
กินเสร็จคนตัวเล็กก็เดินจ้ำออกไปกลางลานซึ่งมีหลุมดินถูกขุดไว้เต็มไปหมด นางเดินไปสั่งงานบ่าวไพร่
“เจ้าเป็นของพี่แล้วนะ” เขาพูดคนเดียวเบาๆ อย่างขี้ตู่ที่สุด โมเมเอาเองเพราะได้เห็นเรือนกาย ได้จูบชิม โลมเลียลูบไล้ร่างงามของนางแทบทุกสรรพอณู แม้มังกรยังไม่ได้ลอดถ้ำ นี่ก็ถือว่าเป็นภรรยา เป็นชายาของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว
“ท่านพี่ รีบมาคุมงานตรงนี้” นางยืนอยู่บนกองดินกลางแดด
“ขนาดของห้องสุขาของตำหนัก ในกระดาษเป็นรายละเอียดขนาด ข้าจะไปคุมสร้างสุขารวมตรงโน้น” นางนำกระดาษร่างแบบให้เขา อธิบายสัดส่วนชัดเจน จัดแจงให้บ่าวไพร่ผสมคอนกรีตสูตรนางเพิ่งทดลองว่าได้ผล นำก้อนอิฐมาก่อเป็นแบบร่างสุขา นำโถสะดวกมาติดตั้ง
บ่าวไพร่เริ่มสร้างห้องสุขาในตำหนัก และเรือนพัก และสุขารอบนอกซึ่งเป็นสุขารวม ประกอบอิฐเผาเข้าด้วยกัน ไม่นานทุกอย่างก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
เหยียนจื่อหยามองแบบร่างในมือ การคำนวณของนางช่างแปลกประหลาด นางวาดเครื่องหมายแปลกๆ ที่เป็นสูตรที่เขาไม่เข้าใจซึ่งคือแรงทางฟิสิกส์ แต่นางอธิบายคร่าวๆ เรื่องโครงสร้าง ขนาด และจำนวนอิฐเผา
เขาสั่งบ่าวไพร่ทำตามที่นางบอก นางมีเรื่องให้เขาแปลกใจได้ทุกวัน ความรู้ประหลาด ความคิดประหลาดของนางช่างไม่เหมือนผู้ใด นางไปร่ำเรียนมาจากที่ใด ส่วนศาสตร์ของสตรีชั้นสูง เขาไม่เคยเห็นนางสนใจจะฝึกฝนอีกต่อไป
หลุนเหอจิ้งยืนอยู่บนกองดินกลางแดด ผิวสีชมพูระเรื่อ หันมามองยิ้มให้สวามี วันนี้คืองานชุดคู่ รองเท้าคู่ที่เหมือนกันเปี๊ยบ อลิซ แลงค์ สั่งทำให้เขาเป็นพิเศษ วัดขนาดจากรองเท้าที่เขาใส่ไปค่ายทัพ
แน่ล่ะสิ ฟื้นขึ้นมาก็ Officially married หรือแปลว่ามีผัวอย่างเป็นทางการทันที งานชุดคู่ก็ต้องมี เพราะชาติก่อนไม่เคยมีสามีเป็นตัวเป็นตน ไม่เคยแต่งงานมาก่อน ชาตินี้ก็เลยคิดว่าจะทำให้ดีสักหน่อย
เขายืนยิ้มให้อยู่ใต้ต้นผิงกั๋ว เรียกนางเข้าไปหลบแดด
“เจ้าดื่มน้ำก่อน อากาศตอนใกล้เที่ยงช่างอบอ้าวนัก” เขายื่นแก้วน้ำทำจากเงินลวดลายวิจิตรส่งให้
“ขอบคุณท่านพี่” เขาเข้าไปลูบหัวนาง จูบลงบนหน้าผากด้วยความรัก
ปึก.......
"โอ๊ยยยยยยย.....” ผิงกั๋วลูกหนึ่งหล่นมาใส่หัวเขา เขาหันมองด้านบนซ้ายขวาไม่รู้ว่ามันหล่นมาได้อย่างไร
“ท่านพี่ ท่านไปเอาน้ำให้ข้าอีกแก้วได้หรือไม่” นางรีบไล่เขาออกจากตรงนั้น บอกเขาไปเอาน้ำ
“ได้ รอพี่เพียงครู่” เขาเดินห่างออกไป
มือเรียวหยิบแอปเปิ้ล (ผิงกั๋ว) สีเขียวขึ้นมาดูอย่างพินิจ มันเป็นแอปเปิ้ลดิบ ขั้วฉีกขาดเหมือนมีแรงดึง ไม่มีรอยเจาะ ความน่าจะเป็นที่มันจะหล่นมาเองแทบไม่มี นางมองขึ้นด้านบนอย่างเร็วเห็นบางอย่างแวบผ่าน มองกวาดรอบด้าน เห็นบางสิ่งโผล่จากพุ่มไม้ด้านข้างคล้ายรองเท้าขององครักษ์
นางเริ่มเอะใจ เท้าไวเท่าความคิด วิ่งไปด้านข้าง รีบเปิดประตูขนาดเล็กที่เรียกว่าประตูสุนัขลอด ออกไปยืนข้างนอกทันที เห็นม้าตัวหนึ่งผูกอยู่ใต้ต้นไม้ข้างกำแพง
พริบตามีชายผู้หนึ่งกระโดดลงมาจากต้นผิงกั๋ว
เสียงหวานเอ่ยทักทายเขา
“ว่าอย่างไร ท่านตามข้ามาสองครั้งแล้วกระมัง”
ชายหนุ่มปริศนาถึงกับชาวาบถึงปลายเท้า นางรู้? ได้อย่างไร?
บุรุษผู้หล่อเหลาสง่างามในอาภรณ์เนื้อหยาบสีน้ำตาลเปลือกไม้ หันไปสบตานางอย่างจัง
วินาทีที่เขาหันมานั้น นางมองแววตาเขา มองท่าทาง มองบุคลิกลักษณะของชายผู้นั้น ช่างเหมือนกับใครบางคนในโลกที่นางจากมา
'เพียงสบตา' กับดวงตาคู่นั้น
‘พลันหัวใจนางเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง’