บทที่ 3

1457 Words
"ผมเอาชุดนี้ด้วยครับ..." คนสนิทส่งชุดที่เพิ่งทาบบนตัวฉันให้กับพนักงานขาย ฉันยิ้มให้กับเขาด้วยอารมณ์แจ่มใส จังหวะเดียวกันนั้นเองเสียงของใครคนหนึ่งก็พูดดังขึ้นจากทางด้านหลังฉัน "ไม่ได้นะ ชุดนั้นเราจองเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว" ทุกคนหันมองต้นเสียงก่อนจะทำหน้าแปลกใจ แล้วคนต้นเสียงก็เดินไปหยิบชุดจากมือพนักงานขายไปถือหน้าตาเฉย "คุณคะ นั่นมันชุดผู้หญิงนะคะ?!" "แล้วจะทำไม เราจะเอาชุดนี้ราคาเท่าไหร่เราให้ 20 เท่า" "ไม่ ผมเจอชุดนี้และถูกใจชุดนี้มาก ที่สำคัญผมต้องการซื้อให้กับคนรักของผม ผมให้ 100 เท่าของราคาจริง" ฉันต้องตกใจอ้าปากค้างกับคำพูดของวิตเตอร์ "วิตเตอร์เราขอบใจนายมากนะ ฉันไม่รู้หรอกนะคะ ว่าใครเจอก่อนเจอหลัง แต่เมื่อแฟนของฉันต้องการจะซื้อให้ฉัน มันก็ควรจะเป็นของแฟนฉันเท่านั้น เท่าไหร่คะฉันจะจะจ่ายตังค์แล้วรีบไป ยังมีธุระอีกเยอะ ไม่อยากมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้..." ฉันกล่าวพร้อมยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานขาย แต่กลับถูกอีกฝ่ายปัดมือฉันจนบัดเครดิตร่วงจากมือ "มันจะมากเกินไปแล้วนะครับ คุณควรให้เกียรติผู้หญิงด้วย คุณเป็นใครถึงกล้าทำกับแฟนผมแบบนี้?" คนสนิทของฉันโวยวายเสียงดัง ขณะกำลังจะเดินเข้าใส่คนตรงหน้า แล้วตามด้วยอารมณ์โมโห ทำไมฉันจะไม่รู้จักล่ะคะว่าคนๆ นี้เป็นใคร มันไม่ใช่เหตุที่ฉันจะต้องมาต่อล้อต่อเถียงให้เสียเวลากับมันตอนนี้ คนสนิทของฉันคงจะไม่ยอมง่ายๆ แน่ ฉันก้มลงเก็บบัตรเครดิตที่ร่วงกับพื้นจังหวะนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงคล้ายหมัดกระทบกับอะไรบางอย่างเสียงดัง  ปั้ก! ภาพที่ฉันเห็นต่อมาคือคนตรงหน้าคนสนิทฉันล้มลงไปนอนกับพื้น ขณะที่คนติดตามมันบางส่วนช่วยกันพยุงมันขึ้น โดยที่มีคนติดตามมันคนหนึ่งกำลังจะเดินเข้าหาวิตเตอร์เพื่อหวังทำร้าย ด้วยความไวของฉันที่เดินเข้าไปขวางอยู่ด้านหน้าแล้วรับหมัดนั้นด้วยฝ่ามือก่อนจะสลัดลงข้างตัวอย่างแรง "หยุดนะ คุณจะทำอะไรคนของฉันไม่ได้ ฉันไม่อยากมีปัญหากลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน" ฉันกล่าวโพล่งออกไปทำให้คนติดตามฝั่งตรงข้างรู้สึกตกใจมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ผู้เป็นนายของพวกมันกลับมีสีหน้าโกรธเคืองแล้วลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับฉันอย่างเคียดแค้น "มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร มาต่อยกูแบบนี้มึงหาเรื่องตายชัดๆ..." คนติดตามทางฝ่ายมันต่างรุดเข้าห้ามพร้อมทั้งดึงตัวผู้เป็นนายออกจากรัศมีของฉัน แต่ทว่ามันกลับดื้อดึงสลัดมือลูกน้องออกแล้ววิ่งใส่ฉันอีกครั้ง โดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัวทำให้มันล้มมาทับบนตัวฉันอย่างจัง ก่อนที่ฉันจะผลักตัวคนที่นอนทับร่างออกอย่างรวดเร็ว โดยหันไปส่งสัญญาณอะไรบางอย่างแก่คนคุ้มกันของฉันเพื่อให้เขาเตรียมตัวรับมือหากเกิดอะไรขึ้น   ทันทีที่คนติดตามของฝั่งตรงข้ามเห็นก็มีทีท่าจะหยิบอาวุธที่พกติดตัวเตรียมพร้อมด้วยเช่นกัน  "นายครับ! ผมว่าพวกเรากลับกันเถอะนะครับ เชื่อผม" คนติดตามเอ่ยเตือนผู้เป็นนายเพื่อความปลอดภัย ผู้เป็นนายปฏิเสธโดยการตบหน้าอย่างแรง ผัวะ! "พวกมึงบ้าไปแล้วเหรอ มึงลืมไปแล้วใช่ไหมว่ากูเป็นใคร กูเป็นเจ้าพ่อมาเฟียนะเว้ย มึงอย่าขี้ขลาดได้ไหม มันกล้าทำกับนายมึงแบบนี้ ก็ฆ่ามันทิ้งสิวะ!" ทันทีที่ผู้เป็นนายของอีกฝ่ายพูดจบ แสงเลเซอร์สีแดงจากปืนไรเฟิลกูถูกเล็งไปที่หน้าผากของคนพูดเป็นที่เรียบร้อย   "นาย!" "อย่าขยับ! ฉันเตือนคุณแล้วนะว่าให้พวกคุณกลับไป คุณก็ยังดื้อดึงจะหาเรื่องฉันให้ได้ ถ้าคุณอยากมีชีวิตอยู่ให้กลับไป แต่ถ้าคุณอยากจบชีวิตที่นี่ก็เข้ามา ฉันจะได้สั่งให้คนของฉันเป่าหัวคุณซะ!...." คนตรงหน้าถึงกับทำอะไรไม่ได้ ยืนตัวสั่น หน้าซีด เหงื่อตก คงเพราะความกลัว  "นี่มึงกล้าทำแบบนี้กับเจ้าพ่อมาเฟียเหรอ ได้! สักวันมึงจะต้องได้รับโทษ" "คุณเองก็รักษาตำแหน่งเจ้าพ่อมาเฟียไว้ให้ดีเถอะ อย่ามัวแต่เผลอไผลหลงใหลกับตำแหน่งที่มีจนลืมไปว่ายังมีอีกหลายคนที่ต้องการตำแหน่งนี้เหมือนคุณ ตำแหน่งที่ได้ไปแบบไม่บริสุทธิ์ ยังไงสักวันมันต้องกลับมาหาเจ้าของของมันจนได้ กลับไปซะฉันขอเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนชุดนี้ก็เป็นของฉันที่คนรักของฉันซื้อให้ คุณไม่มีสิทธิ์ หวังว่าคุณคงจะเข้าใจนะคะ...." ฝ่ายตรงข้ามต่างเงียบสงบแล้วลุกขึ้นกลับออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ผู้เป็นนายจะพูดทิ้งท้ายอะไรบางอย่างก่อนไป  "ฝากไว้ก่อนเถอะ สักวันมึงต้องตกเป็นเมียกูแน่...!" ประโยคทิ้งท้ายของอีกฝ่ายทำให้ฉันรู้สึกจุกในอก หน้าชาอย่างประหลาดก่อนที่ฉันจะสลัดศีรษะแรงๆ เพื่อเข้าสู่โหมดปกติของชีวิต   "นายหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าแดงๆ เป็นเพราะคำพูดของไอ้มาเฟียเมื่อกี้ใช่ไหมครับ?" สมแล้วที่เป็นคนสนิทของเราวิตเตอร์ ช่างรู้ใจเราเหลือเกิน เราจะบอกนายยังไงว่าเราอายกับคำพูดเมื่อกี้จริงๆ "เปล่าไม่มีอะไรหรอก เราไปจ่ายตังค์กันเถอะจะได้กลับบ้าน เจอเรื่องหัวเสียแบบนี้เราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว" "ครับนายหญิง แต่คนเมื่อกี้เป็นเจ้าพ่อมาเฟียจริงๆ เหรอครับ ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนล่ะครับ" "นี่แหละเจ้าพ่อมาเฟีย ลูกชายคนที่มาแย่งตำแหน่งจากคุณพ่อของเราไป" คนสนิทมีอาการเลือดขึ้นหน้าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้ฟังประโยคที่ว่าเป็นคนแย่งตำแหน่งเจ้าพ่อมาเฟียของนายใหญ่ประจำตระกูล  "แล้วทำไมนายหญิงไม่บอกผมตอนที่มันอยู่ต่อหน้า ผมจะได้ซัดมันอีกหมัด" ฉันเห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ ของเขา ทำให้ฉันอดขำไม่ได้ก่อนจะปรามความห้าวของเขาลง  "วิตเตอร์ฟังเรานะ ฝีมือของไอ้หมอนี่ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ เขาสามารถฆ่าคนด้วยมือเปล่าได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธใดๆ เพียงลำพังตัวนายไม่สามารถที่จะต่อกรกับเขาได้หรอก อย่าคิดแบบนี้อีกนะมันอันตรายเราเป็นห่วงนายนะ นับจากนี้พวกเราต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้นเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินและเพื่อป้องกันในความปลอดภัยของตัวนายเองด้วย เราคิดว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ แน่" ฉันบอกคนสนิทพร้อมกับกุมมือใหญ่ของเขาไว้ด้วยความเป็นห่วง  "ครับ ผมจะระวังตัวให้มากขึ้น นายหญิงก็เช่นกันนะครับ แล้วชุดวันนี้ที่ผมซื้อให้ถูกใจนายหญิงไหมครับ" "ถูกใจสิ คนที่เรารักซื้อให้นี่" ฉันเห็นรอยยิ้มกว้างจากเขาหลังจากได้ยินคำตอบก่อนที่ฉันจะลอบหอมแก้มเขาอีกครั้ง "นายหญิง ผมอายนะครับคนตั้งเยอะ" "จะอายทำไม เป็นคนรักของเราจำเป็นต้องอายคนอื่นด้วยเหรอ เราน้อยใจแล้วนะ..." ฉันทำท่าทางเหมือนงอนใส่เขาพอเป็นพิธี "นายหญิงอย่างอนสิครับ ผมขอโทษนะครับ" เขากล่าวพร้อมยื่นจมูกมาหอมแก้มฉันคืนทำให้ฉันกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ วิตเตอร์จึงรู้ความจริงว่าฉันแกล้ง เขาจึงวิ่งไล่ฉันอย่างสนุกสนานภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่   ในเวลาเดียวกันผมยืนมองสองคนที่กำลังหยอกล้อกันสนุกสนานรวมถึงภาพหอมแก้มกันไปมา ยิ่งมองยิ่งหมั่นไส้ ผมมองด้วยสายตาเคียดแค้นหวังสักวันหนึ่งผมจะจับสองคนนั้นมารับการลงโทษจากผมให้ได้ 'แหมคิดจะมาชิงตำแหน่งคืนไปน่ะเหรอ มันไม่ง่ายหรอกเตรียมตัวไว้ได้เลย' ผมคิดในใจขณะยืนหลบข้างร้านกิ้ฟช็อป จนคนทั้งหมดได้เดินจากไป ผมจึงเดินออกมาจากข้างร้านนั้นเพื่อคิดแผนการเอาคืนจากคนพวกนั้นต่อไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD