Chapter 4
สัญญาผูกมัด
วันต่อมา
@ บริษัท RM CAR
ฉันเดินเชิดหน้า มั่นๆ เข้าตึก RM CAR เพื่อมาเซ็นสัญญา วันนี้ฉันเลือกใส่เดรสสั้นสีขาวเปิดไหล่ สวมรองเท้าส้นสูงสีแดง
"คุณนิลินใช่ไหมคะ?" เมื่อฉันเดินเข้ามาภายในตึก ก็มีพนักงานต้อนรับเอ่ยถามฉันทันที
"ใช่ค่ะ"
"งั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ" จากนั้นพนักงานต้อนรับของ RM CAR ก็เดินนำพาฉันไปที่ห้องตกแต่งหรูหราด้วยกระจกบานใส
ก๊อกๆ
"คุณนิรุตคะ คุณนิลินเธอมาแล้วค่ะ" พนักงานคนนั้นเอ่ยบอกชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้อง
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องด้วยความนอบน้อม
“สวัสดีครับคุณนิลิน เชิญนั่งครับ” ชายวัยกลางคนผายมือให้ฉันนั่งตรงข้ามกับเขา
"ขอบคุณค่ะ"
"นี่ครับ...หนังสือสัญญาว่าจ้างคุณนิลินเป็นพริตตี้ประจำที่ RM CAR" คุณนิรุตเขาเลื่อนหนังสือสัญญามาให้ฉัน จากนั้นฉันก็หยิบเอกสารขึ้นมาอ่านคร่าวๆ จนกระทั่งเจอข้อความตัวหนังสือเล็กมากๆ ระบุไว้ว่า หากผู้รับจ้างยกเลิกสัญญาก่อนกำหนดจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ RM CAR เป็นจำนวนเงินมูลค่าไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาทหรือชดใช้ค่าเสียหายตามจำนวนที่ผู้ว่าจ้างเรียกร้อง
"เอ่อ...คุณนิรุตคะ"
"ครับ"
"ถ้าลินยกเลิกสัญญาก่อนกำหนดจะต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินสิบล้านบาทเลยเหรอคะ?" ฉันเอ่ยถามคุณนิรุตด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ เมื่อฉันเห็นเงื่อนไขในสัญญา... ใครเป็นคนร่างสัญญาฉบับนี้ขึ้นมาเนี่ย หน้าเลือดจริงๆ เลย ฉันได้แต่คิดในใจ...
"ใช่ครับคุณนิลิน "
"....."
"คุณนิลิน โอเคกับเงื่อนไขในสัญญาไหมครับ?" คุณนิรุตเขาเอ่ยถามฉันออกมาเพราะเขาเห็นฉันมีสีหน้ากังวล แล้วฉันมีทางเลือกอื่นไหมล่ะ นอกจากยอมตกลงเซ็นสัญญาเพราะตอนนี้ฉันต้องการที่จะใช้เงินจริงๆ และอีกอย่างฉันคงไม่คิดอะไรบ้าๆ ยกเลิกสัญญาก่อนกำหนดหรอกมั้ง จนกระทั่งให้ RM CAR ฟ้องร้องค่าเสียหายจากฉันหรอกนะ
“ตกลงค่ะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่ฉันจะจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงบนสัญญา
"ยินดีที่ได้ร่วมงานนะครับคุณนิลิน"
"ยินดีเช่นกันค่ะ"
“นี่ครับเช็คเงินสดห้าล้านบาท ”
“ขอบคุณค่ะ"
เมื่อฉันเซ็นสัญญากับ RM CAR เรียบร้อย จากนั้นฉันก็เดินออกมาจากตึก RM CAR ก่อนที่ฉันจะหยิบโทรศัพท์โทร. หาพ่อของฉันทันที
ตืด
"ฮัลโหลค่ะพ่อ"
(ว่าไงลูก)
"บ่อนที่พ่อติดหนี้อยู่ที่ไหนคะ?"
(หนูมีอะไรหรือเปล่าลูก?)
"หนูจะไปเคลียร์หนี้ค่ะพ่อ ตอนนี้หนูหาเงินได้แล้ว"
(แล้วหนูไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหนล่ะลิน) พ่อฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ ที่ฉันสามารถหาเงินห้าล้านได้ภายในเวลาไม่กี่วัน
"เดี๋ยวหนูกลับไปเล่าให้ฟังนะคะพ่อ"
(แล้วหนูจะไปกับใครล่ะลูก?)
"หนูจะไปกับพลอยใสค่ะ" ขอโทษนะพ่อที่ต้องโกหก ฉันได้แต่เอ่ยขอโทษพ่อในใจ
(บ่อนอยู่ที่ XX....)
"ค่ะพ่อ" จากนั้นฉันก็วางสายและขับรถไปที่บ่อนตามที่อยู่ที่พ่อของฉันบอกทันที ที่ฉันเลือกที่จะไปคนเดียวเพราะไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนกับเรื่องภายในครอบครัวของฉันไปด้วย
@ บ่อนคาสิโน
ตอนนี้ฉันอยู่หน้าตึกคาสิโนสุดอลังการ เพราะบ่อนแห่งนี้ตกแต่งหรูหราทันสมัยที่มีรูปทรงตึกโมเดิร์น ตึกดูสวยงามจนฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นบ่อนการพนัน
“ฉันขอพบเจ้านายของพวกคุณหน่อย” ฉันเอ่ยออกไปเสียงนิ่งๆ
“ตามผมมาทางนี้” จากนั้นชายชุดดำก็เดินนำฉันขึ้นไปชั้นสามของบ่อน ระหว่างทางที่ฉันเดินขึ้นไป ฉันแอบชำเหลืองมองดูบรรยากาศรอบๆ ภายในบ่อนคาสิโน ฉันเห็นว่าภายในบ่อนมีบริการทั้งร้านอาหาร, สปา, ร้านค้า บริการให้นักพนันครบวงจร มิน่าละพวกผีพนันถึงเล่นกันจนหมดเนื้อหมดตัวเพราะมีสิ่งยั่วยุแบบนี้นี่เอง
ก๊อกๆ ชายชุดดำเคาะประตูสองสามครั้ง ก่อนที่จะเปิดประตูออกให้ฉันเดินเข้าไปภายในห้อง และเมื่อฉันก้าวขาเข้าไปในห้อง ชายชุดดำก็ล็อกปิดประตูจากด้านนอกทันที
“เฮ้ย!” ฉันรีบเดินไปดึงประตูที่ล็อกจากทางด้านนอก
“เธอไม่ต้องดึงให้เสียเวลาหรอกนิลิน” ฉันหันใบหน้าไปมองตามเสียงเข้มที่เอ่ยออกมา ฉันรู้สึกเหมือนเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหนมาก่อน จากนั้นร่างแกร่งสวมเชิ้ตสีดำที่นั่งหันหลัง เขาก็ค่อยๆ หมุนเก้าอี้พนักสูงสีดำหันมาทางฉันช้าๆ และเมื่อฉันเห็นบุคคลที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ฉันแทบจะหยุดหายใจทันที
“นี่คุณ” ฉันร้องเสียงดังตกใจ เมื่อเห็นเขาอยู่ที่นี่ ขะ...เขาเป็นเจ้าของบ่อนงั้นเหรอ
“ตกใจมากเลยเหรอที่เห็นฉันอยู่ที่นี่” เขายกยิ้มมุมปาก มองฉันด้วยสายตามีเลศนัย
“...” ฉันนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรออกไป
“เธอใจกล้ามากเลยนะนิลินที่กล้ามาสถานที่แบบนี้เพียงคนเดียว”
“ฉะ...ฉันเอาเงินมาจ่ายหนี้คุณแทนพ่อของฉัน” ฉันรีบลวงเช็คเงินสดจากกระเป๋าแล้ววางไว้บนโต๊ะให้เขาทันที ก่อนที่ฉันจะหันหลังเดินไปที่ประตูทันที
“จะรีบไปไหน“ เขาลุกจากเก้าอี้และเดินเข้ามาหาฉันช้าๆ
“อย่าเข้ามานะ “ ฉันตะคอกใส่เขาเสียงดังลั่น แล้วถอยหลังกรูดไปที่ประตูที่ตอนนี้ไม่สามารถเปิดออกได้ เพราะโดนล็อกจากด้านนอก
“เธอจะพูดเสียงดังทำไมล่ะนิลินอยู่กันแค่นี้ เก็บเสียงไว้ครางไม่ดีกว่าเหรอ หืม”
หมับ!
“ว้าย…ปล่อยฉันนะ” ฉันดิ้นสุดแรง เมื่อเขาเข้ามากอดรัดร่างของฉันไว้แน่น ก่อนที่เขาจะอุ้มฉันไปนั่งบนโต๊ะขนาดใหญ่และใช้ท่อนแขนแกร่งกักขังฉันไว้แน่น
“หึ! ไม่เจอกันหลายปี เธอเปลี่ยนไปมากจริงๆ เลยนะนิลิน” เขามองฉันด้วยสายตาโลมเลีย
“เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องมายุ่ง”
"ปากก็เก่งขึ้นเยอะเลย ฟอด" เมื่อเขาเอ่ยจบ เขาก็ก้มหน้าหอมแก้มฉันหนักๆ ทันที
"อย่ามาทำกับฉันแบบนี้นะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้" ฉันดิ้นขลุกขลักๆ ไปมาในอ้อมกอดของเขา
"เธอก้าวขาเข้ามาที่นี่เอง แล้วเธอคิดว่าจะได้ออกไปจากที่นี่ง่ายๆ เหรอนิลิน…" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนที่เขาจะผลักฉันนอนราบบนโต๊ะขนาดใหญ่ จนกระโปรงเดรสสั้นของฉันถลกขึ้นจนถึงเอว
“อื้อ...ปะ...” เขาจับล็อกใบหน้าของฉัน ก่อนที่เขาจะทาบปากหนาลงบนริมฝีปากบางของฉัน จากนั้นเขาใช้มือหนาบีบขยำก้อนหน้าอกของฉันอย่างแรงและสอดมือหยาบเข้าไปภายในกางเกงในตัวจิ๋วลูบไล้เนินอวบอูมของฉัน
"กรี๊ด ฮือ...ปล่อยฉัน" ฉันร้องกรี๊ดเสียงดังออกมา เพราะฉันคิดว่าเขาต้องขืนใจฉันแน่ๆ จากนั้นฉันพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกสุดแรงจนสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของเขาได้ ก่อนที่ฉันจะรีบหยิบกระเป๋าเพื่อล้วงหยิบอาวุธที่ฉันพกมาด้วยออกมาทันที
“ฮึก…อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะแทงคุณด้วยมีดของฉันนี่แหละ” ฉันขู่เขาด้วยน้ำเสียงสั่น พร้อมถอยหลังหนีจนแผ่นหลังบางของฉันไปชนเข้ากับผนังห้อง
“หึ!” เขายกยิ้มมุมปาก แล้วเดินก้าวเข้ามาหาฉันช้าๆ โดยที่ไม่กลัวว่าฉันจะใช้มีดแทงเขาเลยสักนิด
“ฉันบอกว่าอย่าเข้ามาไง” ฉันตะคอกเขาเสียงดังลั่น จากนั้นฉันก็ตัดสินใจเอามีดจี้ที่คอตัวเอง เพราะถึงยังไงฉันคงไม่กล้าทำร้ายเขาหรอก ฉันจึงตัดสินใจเลือกที่จะทำร้ายตัวเองให้ตายตรงนี้นี่แหละ ชีวิตฉันจะได้หลุดพ้นจากผู้ชายใจร้ายอย่างเขาซะที
“ยะ…อย่าทำอะไรบ้าๆ นะนิลิน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงตกใจเมื่อเห็นฉันจะทำร้ายตัวเอง
“ถ้าคุณยังแตะต้องตัวฉันอีกครั้ง ฉันยอมตายซะดีกว่าให้คนใจร้ายแบบคุณมาทำร้ายฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ฉันเอ่ยออกมาเสียงดัง เพราะตอนนี้สติของฉันหลุดไปหมดแล้ว
“ฉันยอมแล้วนิลิน…ยอมแล้ว…วางมีดลงเถอะนะ” เขาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตาของเขาดูหวาดกลัวมากว่าฉันจะทำร้ายตัวเองมาก ฉันไม่เคยเห็นสายตาของเขาแบบนี้มาก่อน
“งั้นคุณก็สั่งลูกน้องของคุณให้เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้”
“จิ๊!” เขาทำเสียงหงุดหงิดไม่สบอารมณ์
“ฉันบอกให้คุณเปิดประตูให้ฉันไง!” ฉันตะคอกใส่เขาเสียงดังอีกครั้ง
จึก!
“โอ๊ย!…” ฉันใช้มีดปลายแหลมแทงที่คอฉันนิดหนึ่ง จนเลือดซึมออกมา
“เฮ้ย! นิลิน!” เขาเอ่ยออกมาเสียงดังตกใจ เมื่อเห็นเลือดไหลออกมาบริเวณลำคอของฉัน
“เฮ้ย! เปิดประตูสิ” เมื่อประตูเปิดออก ฉันจึงรีบก้าวขาออกจากห้องทันที โดยที่ไม่หันหลังกลับไปมองเขาอีกเลย...