เพราะไม่อยากยืนอยู่เฉยๆก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง หลายครั้งที่พรนัชชาชำเลืองมองผู้ชายตัวสูงที่ยืนข้างกันโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ ซึ่งทุกครั้งที่เหลือบมองก็จะเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งแทบไม่ขยับตัวมีเพียงนิ้วมือเรียวสวยที่ขยับเคลื่อนไหวนอกนั้นคนข้างๆเธอก็คือยืนนิ่งไม่ต่างอะไรกับรูปปั้น ซึ่งแตกต่างจากเธอที่พอยืนนานๆก็เริ่มรู้สึกเมื่อยขาจนต้องยกขาขยับขึ้นลงเบาๆเพื่อคลายความเมื่อย พอได้ขยับก็รู้สึกดีขึ้นแต่ทว่าไม่นานก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
หญิงสาวอยากจะนั่งลงกับพื้นให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ก็เกรงใจคนตัวสูงข้างๆ
หรือเธอควรขยับออกห่างเขาอีกสักหน่อยแล้วค่อยนั่งลงดี
“รู้ว่ายืนไม่ไหวแล้วจะฝืนยืนทำไม”
“คะ?” พรนัชชาเงยหน้ามองอีกฝ่ายตาแป๋ว เมื่อกี้เธอมัวแต่หมกหมุ่นอยู่กับอาการเมื่อยขาของตัวเองก็เลยไม่ได้ฟังที่อีกฝ่ายพูด ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาคนตัวสูงอย่างตั้งใจ รอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อแต่เมื่อเขาไม่พูดก็เลยเป็นฝ่ายถามขึ้นซะเอง “เมื่อกี้พี่พูดกับหนูหรือเปล่าคะ“
“...”
“...”
พรนัชชามองตาใสแป๋ว ก่อนจะยิ้มแห้งเมื่อคนตัวสูงยังยืนนิ่ง
หรือว่าเธอหูแว่ว?
“ถ้าเมื่อยก็เข้าไปนั่งในห้อง” คฑากรพูดเสียงเรียบ มองสบตากลมโตด้วยสายตานิ่ง ทำให้เห็นปฏิกิริยาของคนตัวเล็กตรงหน้าที่เปลี่ยนจากหน้าเศร้าเป็นยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตเหมือนลูกแมวเปล่งประกายตาวาววับจนน่าขำ ซึ่งอาการเหล่านั้นทำให้มุมปากได้รูปยกขึ้นโดยไม่รู้ตัวก่อนจะกลับมาเรียบตรงเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น
“หนูเข้าไปนั่งในห้องได้เหรอคะ?”
“แล้วมันมีป้ายห้ามนั่งไหมล่ะ?”
“ไม่มีค่ะ” พรนัชชาส่ายหน้ารัว มองคนตัวสูงตาใสแป๋วก่อนจะตาโตเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกไปก็รีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันที ดวงตาคู่สวยช้อนมองคนตัวสูงตรงหน้าด้วยสายตาเลิ่กลั่กกลัวเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอตั้งใจกวนบาทาไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ เมื่อเห็นเขายังยืนนิ่งไม่ว่าอะไรก็ค่อยๆลดมือลง ส่งยิ้มกว้างให้เพื่อผูกมิตร ก่อนจะชี้มือเข้าไปในห้อง
“ถ้างั้นหนูขอเข้าไปนั่งรอพี่พร้อมในห้องเรียนพวกพี่นะคะ”
“ก็ไปสิ”
ดวงตากลมโตมองสบตาคมกริบสีนิลด้วยความหวังเต็มเปี่ยม เมื่อได้ยินคำพูดเชิงอนุญาตก็ยิ้มกว้างออกมาทันที ตั้งใจจะเดินเข้าไปนั่งโต๊ะตัวแรกที่อยู่ใกล้กับประตูทางออก แต่ทว่ายังไม่ทันจะเดินถึงประตูห้องก็ต้องหยุดชะงักให้กับคำพูดประโยคต่อมาของคนตัวสูงด้านหลัง
“โต๊ะไอ้พร้อมอยู่ด้านหลังสุด”
“แถวไหนเหรอคะ?”
“แถวที่สาม”
“แถวที่สาม อ่อ โต๊ะนั้น… ขอบคุณค่ะ” พรนัชชามองเข้าไปในห้องก่อนจะหันกลับมามองคนตัวสูง ยิ้มกว้างเพื่อขอบคุณ เปลี่ยนเป้าหมายจากโต๊ะตัวแรกที่อยู่ใกล้ประตูตรงไปที่โต๊ะเรียนของพี่ชายตัวเองทันที เมื่อเดินไปถึงโต๊ะเป้าหมายที่อยู่ด้านหลังสุดของแถวที่สามตามที่อีกฝ่ายบอกก็เกิดอาการลังเลไม่แน่ใจว่าฝั่งซ้ายหรือขวากันแน่ที่เป็นโต๊ะพี่พร้อมพี่ชายของเธอ ตั้งใจจะหันกลับไปถามคนที่น่าจะรู้คำตอบอีกฝ่ายก็ดันหันหน้าออกไปนอกระเบียงอาคารซะแล้ว
พรนัชชามองด้านหลังของคนตัวสูงด้วยสายตาเป็นประกายอยู่นาน จนกระทั่งคนถูกมองเริ่มขยับตัวจึงได้หันกลับมา ต้องบอกเลยว่าเพื่อนร่วมห้องของพี่ชายเธอคนนี้หล่อตั้งแต่หัวจรดเท้า มองจากด้านหลังก็ยังหล่อ เสียอย่างเดียวคือเย็นชาไปหน่อย
ดวงตากลมโตมองโต๊ะสองตัวสลับไปมาก่อนจะเลือกนั่งลงที่โต๊ะฝั่งขวามือของตัวเอง ถ้าเธอนั่งผิดโต๊ะจริงๆก็คงไม่เป็นไรเพราะโต๊ะที่ติดกันก็คงเป็นเพื่อนสนิทพี่พร้อม พี่เขาก็คงไม่ว่าอะไรเธอหรอก
พรนัชชาคิดแบบนั้น ก่อนจะมองไปรอบๆห้องเรียนของพี่ชายอย่างสนใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสบรรยากาศของเด็กหลังห้อง ไม่คิดว่าพี่พร้อมที่มีตำแหน่งเป็นถึงรองประธานนักเรียนและมีผลการเรียนอยู่ในระดับท็อปเท็นของสายชั้นจะนั่งหลังสุดของห้อง ทว่าคิดอีกทีก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับนักเรียนคนอื่น เพราะพี่พร้อมตัวสูงมากถ้าให้ไปนั่งหน้าห้องก็ต้องบังเพื่อนที่นั่งด้านหลังจนมองอะไรแทบไม่เห็น
เมื่อคิดถึงความสูงของพี่ชายก็อดที่จะหันไปมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ระเบียงหน้าห้องไม่ได้ จะว่าไปแล้วคนที่ยืนอยู่หน้าห้องน่าจะสูงกว่าพี่พร้อมของเธอ
เธอสูงร้อยหกสิบสองเซนติเมตร จากการคาดคะเนด้วยสายตาของเด็กสายวิทย์คณิตอีกฝ่ายน่าจะสูงกว่าเธอประมาณยี่สิบเซนติเมตร บวกลบไม่เกินสามเซนติเมตร เพราะฉะนั้นเขาก็น่าจะสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสองถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรได้
โอ้โห้! อยู่มอหกยังสูงขนาดนี้ไม่อยากจะคิดว่าพอขึ้นมหาวิทยาลัยจะสูงขึ้นอีกเท่าไหร่
บอกเลยว่านี่มันหุ่นนายแบบชัดๆ
พระเอกนิยายฟิคส่วนใหญ่ที่เธออ่านก็ส่วนสูงประมาณนี้กันทั้งนั้น
ครืดๆ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเรียกสายตาของพรนัชชาให้หันกลับมามอง เมื่อเห็นว่าใครโทรมาก็รีบกดรับสายทันที