“คนเก่ง ปล่อยพี่บี๋ก่อนคับ”
“...”
“พี่บี๋จะเจ็บน้า”
พอได้ยินคำว่า ‘เจ็บ’ เด็กชายเอเดนก็ทำตาโต จากกอดแน่นๆ ก็เปลี่ยนเป็นใช้มือป้อมๆ นั้นลูบไปบนตัวของเจ้าเหมียวสีครีมพร้อมกับปลอบประโลมไปด้วย
“โอ๋ๆ ม่ายเจ็บน้า”
“มาจ้ะ เราน่ะไปกินข้าวกับแม่ได้แล้ว ปล่อยพี่บี๋ไปกินข้าวเหมือนกัน”
คนเป็นแม่เห็นอย่างนั้นจึงฉวยโอกาสดึงเบบี๋ออกจากลูกชาย ปล่อยมันลงพื้นแล้วเจ้าเหมียวก็รีบวิ่งออกไปจากห้องนั่งเล่นทันที ส่วนลูกชายตัวแสบก็ได้แต่ทำหน้าไม่พอใจประท้วง
“งื้อ...”
“ไม่ต้องประท้วงเลยครับ กินเสร็จแม่พาไปเดินเล่นนะคะ”
หญิงสาวหลอกล่อเด็กชาย ยังไงวันนี้ก็ต้องออกไปซื้อของ เธอก็ต้องเอาลูกชายไปด้วยอยู่แล้ว
พอได้ยินว่าจะได้ออกไปข้างนอก เด็กแสบขี้งอนก็ฉีกยิ้มดีใจทันที
“ไปๆ เล่นกัน!”
“งั้นกินให้เสร็จแล้วไปเล่นกัน”
“มัมมี้ จุ๊บๆ สัญญา”
เจ้าเด็กแสบยื่นหน้าแล้วทำปากจู๋ ทำท่าจะจุ๊บๆ สัญญาอย่างที่ทำทุกครั้งเวลาที่ตกลงสัญญาอะไรกันสักอย่าง
ปาลินได้แต่หัวเราะเบาๆ แล้วยื่นหน้าไปจุ๊บริมฝีปากนุ่มของลูกชายเร็วๆ ทีหลังพร้อมกับบอกว่า
“จ้า จุ๊บๆ สัญญาเลย”
“เย้”
คราวนี้เจ้าตัวแสบร้องลั่นอย่างดีอกดีใจ ปาลินจนต้องจับร่างเล็กให้นั่งลงแล้วกำชับเสียงหนักแน่นว่า
“แต่ตอนนี้มากินก่อนจ้ะ มาครับ อ้าม คำแรกเร็ว กินเสร็จจะได้ไปกันนะครับ”
๐๐๐
แมนฮันตัน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่ม ตึกสำนักงานไวแอต อินดัสทรีส์ซึ่งตั้งอยู่บนถนนวอล สตรีทในเวลานี้ยังพอมีคนทำงานล่วงเวลาอยู่บ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประธานกรรมการของไวแอตกรุ๊ปคนปัจจุบันอย่างเคลเมนต์ ไวแอตก็ยังคงทำงานอยู่ภายในห้องทำงานบนชั้นที่ห้าสิบของตนเองอยู่
ถึงจะผ่านช่วงระยะเวลายาวนานและเผชิญกับงานที่เคร่งเครียดมาทั้งวัน ทว่าเคลเมนต์ ไวแอต ก็ยังดูดีเหมือนในยามเช้าที่เขาก้าวเท้าออกมาจากบ้าน ตั้งแต่เสื้อผ้าซึ่งเป็นชุดสูทสั่งตัดจากแบรนด์ดังระดับโลกก็ยังคงเรียบกริบ ใบหน้าหล่อเหลาประกอบไปด้วยดวงตาสีน้ำเงินเข้มคมกริบ เส้นผมสีเข้มซึ่งบัดนี้มีปอยผมบางส่วนตกลงมาระหน้าผากกว้าง จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีสด แนวคางคมชัดนั้นเห็นไรเคราจางๆ
เคลเมนต์ ไวแอต ได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีหนุ่มรูปงาม เขามีชื่อติดอันดับของหนุ่มเซ็กซี่ของนิตยสารฉบับหนึ่งร่วมกับพวกนายแบบ และนักแสดงชื่อดังเสียด้วยซ้ำ หลายคนมักจะพูดทีเล่นทีจริงว่าใบหน้าของเขานั้นประดุจดั่งพระเจ้าประทานพร การที่เขามาเป็นนักธุรกิจนั้นถือเป็นการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของวงการนายแบบ ที่เขาไม่สามารถใช้ใบหน้านี้เปิดเผยให้คนทั้งโลกได้เห็นถึงความงดงามราวกับสวรรค์สรรสร้างนี้ของเขา
แน่นอนว่าเคลเมนต์ไม่ได้แยแสคำวิจารณ์หน้าตาของเขาเหล่านั้นสักนิด เขาไม่สนใจ ไม่มีวันสนใจ เพราะในจุดที่เขาอยู่ในปัจจุบันนี้ก็สูงเสียจนน้อยคนเอื้อมถึงอยู่แล้ว
เคลเมนต์เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลไวแอต หนึ่งในตระกูลมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยมาตั้งแต่บรรพบุรุษแถมแม่ของเขายังเป็นทายาทคนที่สองของตระกูลมาเฟียจากยุโรป ทรัพย์สินรวมของไวแอตนั้นว่ากันว่ามีมากกว่างบประมาณแผ่นดินของประเทศบางประเทศเสียด้วยซ้ำ
ทั้งๆ ที่เขาร่ำรวยชนิดผลาญเงินไปอีกสิบชาติก็ยังใช้ไม่หมด ในวัยสามสิบห้าปี เขาก็ยังไม่มีทายาทสืบทอดมรดกอันมหาศาลของตนเอง แต่เคลเมนต์ก็ยังคงขยันและทำงานอย่างหนักอยู่ทุกวัน มีเพียงคนใกล้ชิดเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเคลเมนต์เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเขาต้องการความร่ำรวยมั่งคั่งเพิ่มเติมอะไร ทว่าเพราะเคลเมนต์ไม่มีอะไรเป็นหลักยึดทางจิตใจได้เสียนอกจากการทำงานให้หนักเท่านั้น
นับตั้งแต่ ‘คนคนนั้น’ เดินจากไป เคลเมนต์ก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลย...
ไม่ว่าใครก็ถมทับที่ว่างในหัวใจของมหาเศีษฐีหนุ่มไม่ได้
------------------
ฌอน โจนส์...ผู้ช่วยและคนสนิทที่สุดของเคลเมนต์เคาะประตูไม้ตรงหน้าหนักๆ สองสามที จากนั้นจึงเปิดประตูเข้าไปหลังจากได้รับอนุญาต เขาหยุดยืนตรงหน้าเจ้านายหนุ่มซึ่งทำงานร่วมกันมาตั้งแต่อีกฝ่ายอายุเพียงสิบแปดปี ในตอนที่เริ่มเข้ามาฝึกดูแลกิจการทุกอย่างในเครือไวแอต รวมถึงธุรกิจที่ตกทอดมาถึงคุณผู้หญิงมารดาของอีกฝ่าย ซึ่งเป็นหุ้นในบริษัทผลิตอาวุธและกาสิโนในลาสเวกัส
เขาเห็นเคลเมนต์ที่อายุน้อยกว่าสี่ปีเติบโตขึ้นมาด้วยตัวเอง ถึงภายนอกเคลเมนต์จะดูปกติอย่างไร อย่างเช่นเวลานี้ คนทั่วไปเมื่อมองเคลเมนต์ ไวแอต คงจะคิดว่าเขายังดูดีเช่นเดิม ราวกับชีวิตไม่เคยต้องเหนื่อยยากทำอะไร เสื้อผ้าหน้าผมยังดูเรียบกริบราวกับเพิ่งก้าวออกจากบ้าน ทว่ามีเขาที่รู้และมองออกในปราดเดียวว่าตอนนี้เคลเมนต์กำลังเหนื่อยมากแค่ไหน ดวงตาสีไพลินที่งดงามคู่นั้นบัดนี้แสดงออกชัดถึงความเหนื่อยล้าที่เขาเผชิญมาตลอดทั้งวันจากการทำงานแทบจะไม่มีเวลาหยุดพัก
ฌอนจ้องมองเจ้านายหนุ่มนิ่งไปนิด หลังจากลังเลมาตลอดทั้งวันว่าตนเองควรจะ ‘บอก’ เรื่องที่รู้มาให้อีกฝ่ายทราบได้แล้วหรือยัง หลังจากตรวจสอบพบว่าทั้งหมดคือความจริง แน่นอนว่าพอเห็นเคลเมนต์ยังใช้ชีวิตเช่นนี้ เขาจึงตัดสินใจได้ว่าตนเองควรจะต้องบอกออกไปเสียที
“คุณเคลเมนต์ครับ”
ผู้ช่วยคนสนิทเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบจริงจัง นั่นทำให้เคลเมนต์ยอมละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งกำลังแสดงภาพของกราฟราคาหุ้นของบริษัทในเครือไวแอตในส่วนที่กำลังมีปัญหาเรื่องยอดตก ถึงไม่ได้แย่จนขาดทุนแต่ยอดขายที่ต่ำลงกว่าปีก่อนๆ ก็ไม่ได้สร้างความพึงพอใจให้แก่เจ้าของอย่างเคลเมนต์ได้
“ว่าไงฌอน นายมีธุระอะไร”
เคลเมนต์เหลือบตามองคนที่อายุมากกว่าคนเองสี่ปี แล้วจึงถาม
“ผมมีเรื่องบางอย่างที่ต้องแจ้งคุณครับ”
“เรื่องอะไร”
เคลเมนต์เอ่ยถามอย่างไม่จริงจังนักเพราะเห็นว่าฌอนกลับไม่ยอมพูดอะไรต่อ
“เราเจอตัวคุณปาลินแล้ว”
เคลเมนต์ ไวแอต ชะงักไปทั้งร่างในยามที่ได้ยินชื่อนั้นออกมาจากปากอีกฝ่าย
‘ปาลิน’
ผู้หญิงบ้าๆ คนนั้นที่ยึดโยงเขาเอาไว้นานถึงสี่ปี เขาสลัดเธอออกไปจากชีวิตไม่ได้ ทั้งๆ ที่เธอสลัดเขาทิ้งอย่างง่ายดาย
ผู้หญิงที่เทียบชั้นอะไรกับเขาไม่ได้ ทั้งจน ทั้งหยิ่งผยอง ไม่รู้จักเอาอกเอาใจ เป็นคนที่เขาได้มาเพราะเงินแท้ๆ เป็นผู้หญิงที่เขาคิดว่าคงจะเบื่อไม่เกินสามวันห้าวัน
แต่เขากลับอยู่กับเธอได้นานถึงสองปี และหลังจากนั้นอีกสี่ปี...ก็ยังไม่มีใครแทนที่เธอได้
เขาเงยหน้ามองผู้ช่วยด้วยดวงตาวาววับ ในอกเวลานี้ไม่รู้ว่าอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่แทบจะระเบิดออกมาง่ายๆ เพียงแค่ได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนั้น
เขาเคยสาบานกับตนเอง ถ้าเขาเจอเธออีก...จะไม่มีวันปล่อยหลุดมือไปอีกแล้ว!
ถ้าเธอจะเกลียดเขา ทรมานกับการได้อยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไร... แต่เธอจะไปจากเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!
“เธออยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่...” ฌอนเอ่ยชื่อเมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ในเท็กซัสออกมา เคลเมนต์ได้ยินถึงกับเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ มิน่าเขาหาปาลินไม่เจอตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะเล่นไปอยู่ไกลถึงที่นั่น ราวกับว่ายิ่งไกลยิ่งดี
“แต่ว่า...”
ประโยคอึกอักต่อมา ทำให้เคลเมนต์ไม่ทันได้ฟัง เพราะมัวแต่จมกับความคิดของตน พอฌอนไม่เอ่ยอะไร เขาก็ถามต่อไปด้วยความอยากรู้เต็มหัวใจ
“แต่ว่าอะไร ส่งที่อยู่เธอมาสิ”
ผู้ช่วยหนุ่มตอบกลับทันทีเช่นกัน
“นอกจากที่อยู่ของเธอ มีเรื่องสำคัญที่คุณน่าจะต้องรู้อีกเรื่องครับ”
นอกจากเรื่องที่เจอตัวปาลินแล้ว เคลเมนต์ควรได้ทราบเรื่องนี้ด่วนที่สุด
“ยึกยักจริง บอกมาสิ” เจ้านายหนุ่มบ่นอย่างไม่พอใจ
ฌอนลอบถอนหายใจ เขาวางรูปถ่ายสามสี่ใบที่ตนเองถือติดมือมาแต่แรก ค่อยๆ ยื่นมันไปตรงหน้าเคลเมนต์เพื่อให้เขาเห็นชัดๆ พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า
“นี่เป็นรูปถ่ายล่าสุดของคุณปาลิน...ผมส่งคนไปดูที่บ้านนั้นก่อนแล้ว เพื่อตรวจสอบว่านี่คือตัวจริงใช่ไหม”
เคลเมนต์ขมวดคิ้วกับท่าทียึกยักชักช้านั่นจนอดใจไม่ไหว ชายหนุ่มคว้ารูปมาดูอย่างฉุนเฉียว ขณะที่บ่นไปด้วยว่า
“ไหนเอามาดู แล้วมันยังไงเหรอ ทำไมนายถึงทำท่าอะไรแบบนี้”