ฟ้าลดายกยิ้มมุมปากให้กับสถานะเฟรนด์โซนของตัวเองจนลืมตอบคำถามของคนตรงหน้า เมื่อนึกขึ้นได้จึงเงยหน้ามองสบดวงตาคมกริบสีนิลที่เธอไม่เคยอ่านออก ความไม่บริสุทธิ์ใจทำให้เธอมองสบตาคมของสองได้ไม่นาน ต้องเบือนหน้าหลบไปทางอื่น
“เมื่อวาน” ตอบเสร็จก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง ยกหน้าที่ปิดประตูห้องให้เป็นหน้าที่คนด้านหลัง
“มาแท็กซี่?”
“อือ” ขานรับในลำคอ
เธอนั่งเครื่องบินมาจากขอนแก่นมาลงที่สนามบินดอนเมือง แล้วต่อแท็กซี่มาที่คอนโด ถึงห้องก็เกือบห้าโมงเย็นนั่งพักผ่อนให้หายเหนื่อยอยู่ครึ่งชั่วโมงก็ลุกขึ้นมาทำความสะอาดห้องจัดเก็บข้าวของที่แบกใส่กระเป๋ามาให้เข้าที่เข้าทาง หลังจากนั้นก็สั่งข้าวมากิน กินข้าวเสร็จก็จัดห้องต่อไปจนถึงสี่ทุ่มถึงได้ลุกไปอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จตั้งใจจะนอนเล่นโทรศัพท์สักชั่วโมงก่อนนอน นักเขียนที่เธอติดตามดันออกงานใหม่ทำให้เธอต้องรีบไปซื้อ e-book มาอ่าน พอได้อ่านก็วางไม่ลงกว่าจะอ่านจบเล่มก็เกือบแปดโมงเช้าอย่างที่เห็น
สาเหตุที่เพิ่งได้นอนก็เพราะนิยายเล่มนั้นแหละ ซึ่งถ้ามันเป็นพล็อตอื่นเธอก็คงไม่อะไรมาก ก็คงเก็บไว้อ่านวันใหม่ได้ ทว่ามันคือพล็อตเพื่อนสนิทที่นางเอกแอบรักเพื่อนตัวเองไงล่ะ เธอถึงได้อินจัดจนไม่ได้หลับได้นอน
“แล้วทำไมไม่โทรมาบอก จะได้ไปรับ”
คนฟังเบะปากกลอกตาให้กับคำถาม ความจริงก็อยากจะมองบนให้มันครบสูตรอยู่หรอกแต่กลัวจะถูกดีดหน้าผากกลับมาไงก็เลยไม่ได้ทำ
กล้าถามเนอะว่าทำไมไม่โทรบอก ได้ข่าวว่าเมื่อวานคนพูดไม่ได้อยู่กรุงเทพฯด้วยซ้ำยังมีหน้ามาถามเธอว่าทำไมไม่โทรบอก ทำอย่างกับว่าถ้าเธอบอกแล้วจะมารับเธอทัน คิดว่าตัวเองเป็นสไปร์ทเดอร์แมนเหาะได้งี้เหรอ
“ก็กลัวไม่ว่างไง ก็เลยไม่ได้บอก”
“ทำไมต้องคิดเอง” สองว่าเสียงดุ
“แล้วยุ่งหรือเปล่าล่ะ?”
“ก็ไม่ได้ยุ่งอะไร ถ้าบอกก็ไปรับได้”
“แน่ใจเหรอสองว่าว่าง?” เลิกคิ้วมองคนตัวสูงที่บอกว่าตัวเองไม่ได้ยุ่ง เปิดยิ้มกว้างที่ส่งไปไม่ถึงตา ไม่ได้บอกว่าเธอเห็นอยู่นะไม่ใช่ไม่เห็นที่เขาพาสาวสวยรุ่นพี่ต่างคณะไปกินข้าวผัดปูไกลถึงเมืองพัทยา
ไม่ได้อิจฉานะก็แค่ไถไอจีแล้วเจอ
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง?”
“ก็ไม่ได้หมายความว่ายังไง ก็แค่กลัวว่าสองไม่ว่างไงก็เลยไม่ได้บอก”
“มีครั้งไหนบ้างที่เธอบอกแล้วเราให้เธอกลับเอง ทุกครั้งที่เธอบอกเราก็ไปรับตลอดไม่ใช่เหรอ” ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่นิ่งสายตาคมของสองที่มองเธอก็นิ่งไม่ต่างกัน
ฟ้าลดาคันปากยิกๆอยากจะตอบโต้บางอย่างออกไปทว่าสุดท้ายก็เลือกที่จะไม่พูด ไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้ด้วยว่าเธอบังเอิญรู้เรื่องที่เขาพาสาวสวยรุ่นพี่ไปเที่ยวพัทยา เมื่อไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดก็เลยตัดบทด้วยการเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน กลับออกมาอีกครั้งหลังจากที่หายไปประมาณสิบห้านาทียังไม่ทันจะหย่อนก้นลงนั่งโซฟาก็ถูกคนตัวสูงทักขึ้นมาซะก่อน
“ไม่อาบน้ำ?”
“ไม่อะ ไม่ได้ออกไปไหน เดี๋ยวค่อยอาบก็ได้” ก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้ระหว่างเธอกับสองมันเกินอายกันไปไกลแล้ว อยู่กับเขาเธอไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูสวยดูดีตลอดเวลา เธอสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ อยากทำอะไรก็ทำ เหมือนสองเองก็ไม่เคยรักษาภาพลักษณ์หนุ่มฮอตเวลาที่อยู่กับเธอ
คนอื่นอาจจะไม่เคยเห็นสองในสภาพเพิ่งตื่นนอน ทว่าเธอเห็นบ่อยจนชิน แน่นอนว่ามันไม่ใช่สภาพที่ไม่น่าดู กลับกันเวลาที่สองตื่นนอนใหม่โคตรจะโซฮอตเลยแหละ ถ้าคนเป็นโรคหัวใจอาจจะหัวใจหยุดเต้นได้ง่ายๆ
ส่วนทำไมถึงเห็นน่ะเหรอ... ก็จะไม่ให้เห็นได้ยังไงในเมื่อเราสองคนพักอยู่คอนโดเดียวกัน แถมห้องของเราสองคนก็ยังอยู่ตรงข้ามกันด้วยยังไงล่ะ
อีกอย่างที่เธอยังไม่อาบน้ำตอนนี้เพราะเธอมั่นใจว่าตัวเองสะอาดมากพอ ก็เธอเพิ่งอาบน้ำตอนสี่ทุ่ม อาบน้ำเสร็จก็นอนอ่านนิยายอยู่บนเตียงที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ยังไม่ได้ไปทำอะไรให้เหงื่อออก แล้วจะไม่ให้เธอมั่นใจในความหอมสะอาดของตัวเองได้ยังไง
“แล้วไม่หิว?”
“หิว”
“หิวก็ไปอาบน้ำ”
“สั่งมากินที่ห้องก็ได้นี่ ขี้เกียจออกไปข้างนอกอะ” นอกจากจะขี้เกียจออกไปข้างนอกแล้วเธอก็ยังขี้เกียจอาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวด้วย ส่วนเรื่องหิวไหม? แน่นอนว่าหิว แต่ถ้ายังนอนอยู่ก็คงไม่หิวหรอก อดได้จนถึงเย็นโน้นแหละ
“ถ้าหิวก็ไปอาบน้ำจะได้ออกไปกินข้าว”
“จะออกไปกินข้างนอกจริงเหรอ มันร้อนมากนะสอง รถติดด้วย”
“รถติดแล้วเราให้เธอขับ?”
ฟ้าลดาที่กำลังจะโน้มน้าวต่อถึงกับอ้าปากค้างลืมคำพูดของตัวเองขึ้นมาฉับพลันเมื่อถูกซ็อตฟีลจากคนหล่อหน้านิ่งที่พูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เย็นแบบสองประตูที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว หยิบขวดน้ำขึ้นมาเปิดฝาดื่มท่าทางสบายใจเฉิบไม่ต่างจากห้องตัวเอง
“ไม่ไป?”
“เราขี้เกียจจริงๆนะสอง สั่งมากินที่ห้องเถอะ” นอกจากขี้เกียจอาบน้ำ ขี้เกียจออกไปข้างนอกแล้วเธอก็ยังวางแผนเอาไว้ด้วยว่ากินข้าวเสร็จจะกลับเข้าห้องไปนอนต่อสักงีบ ส่วนสองจะอยู่ที่ห้องเธอต่อหรือจะกลับห้องตัวเองก็แล้วแต่ ตามใจเขาเลย
“ตกลงไม่อาบ?”
“อืม” พยักหน้าขึ้นลง กระพริบตาวิ้งๆเพื่อออดอ้อน ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นสองพยักหน้าขึ้นลงคล้ายเห็นด้วย
“ถ้าไม่อยากอาบน้ำ”
“...”
“งั้นก็ไปชุดนี้”
ฟ้าลดาที่กำลังยิ้มกว้างถึงกับยิ้มค้างเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเพื่อนสนิทที่ตัวเองคิดไม่ซื่อด้วย ริมฝีปากอิ่มสวยหุบยิ้มฉับพลันมองค้อนคนพูดวงใหญ่ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องนอนด้วยท่าทางกระแทกกระทั้นให้รู้ว่าไม่พอใจ
แล้วทำไมเธอต้องยอมน่ะเหรอ ก็เพราะถ้าเธอไม่ยอมคุณฉัตรวัตก็จะลากเธอออกจากห้องทั้งสภาพยัยเฉิ่มยังไงล่ะ
ถึงเธอจะไม่อายเวลาที่อยู่กับเขาก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะไม่อายเวลาที่อยู่กับคนอื่นนี่นา
ใครจะบ้าออกไปข้างนอกในสภาพยัยเฉิ่มแบบนี้ เสียภาพลักษณ์ดาวคณะวิศวะหมด