บทที่ห้า

2147 Words
อรนิชาขมวดคิ้วมองว่าที่เจ้าบ่าว อารมณ์ขัดใจก่อกวนภายในความรู้สึก ปกติแม้ภวัฒน์มีมาดเย็นชาแต่อย่างไรก็ยังไว้หน้าหล่อน หากนี่เป็นครั้งแรกกระมังที่ชายหนุ่มเอ่ยปากขอแยกห้องพักทั้งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าต้องเข้าพิธีวิวาห์ คนรักหนุ่มกำลังเปลี่ยนไป ทั้งสองใกล้ชิดกันนับครั้งไม่ถ้วน ความสัมพันธ์ทางกายก็แลกเปลี่ยนกันอย่างไม่รู้หน่าย หรือเขามีใครบางคนซุกซ่อนไว้กันนะ ทำไมต้องแกล้งเอ่ยว่ากลัวคนอื่นจะมองหล่อนไม่งาม “พี่ขอตัวก่อนนะนิชา” วางสัมภาระของคนรักเสร็จ ประตูบานใหญ่คือเป้าหมายต่อไป “เดี๋ยวสิพี่ภาม” เรียวแขนขาวโอบเอวสอบจากเบื้องหลัง มือเลื่อนไล้หยอกล้อกล้ามท้องลอนผ่านเชิ้ตเนื้อดี “สวีตกันสักพัก ไม่มีใครสนใจเราหรอกค่ะ” อรนิชางัดมารยาสารพัด หล่อนบิดเสียงหวาน ออดอ้อนเขาเสียจนไม่เหลือภาพนางแบบขี้วีน “นิชา พอ!” ครั้นมือบางอยู่ไม่สุขพยายามปั่นป่วนแก่นกายใหญ่ ภวัฒน์กัดฟันกรอด คำรามในลำคอเพราะอารมณ์ปรารถนาก่อกวนแทบไม่เป็นตนเอง อรนิชารู้ว่าต้องปลุกสัญญาณเสือหนุ่มอย่างไร หล่อนแสร้งเบี่ยงกายมาข้างหน้าก่อนปลดเดรสร่วงลงอยู่บนพื้น ร่างสมบูรณ์แบบนุ่มนิ่มทั้งเรือนกายประจักษ์หน้าชายคนรัก “อารมณ์ร้อนจัง ถ้าได้ดับร้อนสักหน่อยก็คงจะดี” ปลายนิ้วชี้ลูบร่อนอกอวบอิ่มผ่านชุดชั้นในลูกไม้สีดำ หล่อนยกยิ้มยั่วประหนึ่งเซ็กซี่เสียเต็มประดา อรนิชาย่อกายช้า ๆ เพราะมั่นใจว่าตนมอบความสุขให้ภวัฒน์ได้ไม่แพ้ใคร “อ…อ่า!” ริมฝีปากหยักครางเสียงแหบพร่า ยามปลายลิ้นชุ่มฉ่ำครอบครองกายแข็งขึง หล่อนดูดดึงจนเปียกชื้นราวกับมันคือไอศกรีมรสหวานก็ไม่ปาน “ดะ…ดีมาก” เขาเอ่ยชมคนข้างล่างขณะใบหน้าหล่อเงยมองเพดาน นัยน์ตาดำขลับหลับพริ้มพลางจินตนาการถึงใครอีกคน… ดวงหน้ามนยังตราตรึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ยิ่งอรนิชารูดชักแก่นกายมากเท่าไร คล้ายปรายดาวอยู่ใกล้เขาเพียงเอื้อมมือ ถ้าผู้หญิงคนนี้คือเธอคงดีไม่น้อย… ท่าทางไม่ประสีประสาตัวตนอันอ่อนหวานทำชายหนุ่มประทับใจยิ่งกว่าจริตจะก้านอันเร่าร้อน ความเสียวซ่านแล่นตั้งแต่โคนจรดปลาย อรนิชาปลดปล่อยความต้องการแสนล้ำลึกโดยไม่รู้เลยว่า… แท้จริงภวัฒน์เห็นภาพทับซ้อนเป็นอดีตรักแรกแทบตลอดเวลา เมื่อถึงฝั่งปรารถนาน้ำขาวขุ่นปลดปล่อยใจกลางทรวงอก อรนิชาดันร่างสง่าแนบชิดติดโซฟา บั้นท้ายงอนงามถูไถกายแก่นจนภวัฒน์ซ่านสยิวอีกครา หล่อนบดคลึงเพิ่มความกระสันให้เขาอยู่พักใหญ่ สุดท้าย สองกายก็ประสานเข้าหาโดยมีเครื่องป้องกัน อรนิชาขยับสะโพกโยกย้ายด้วยลีลาสุดช่ำชอง หล่อนควบม้าหนุ่มเสียจนเหงื่อชุ่มเปรอะทั่วเรือนกาย ไฟสวาทก่อตัวขึ้นแทบแผดเผาสองร่างภายในห้องกว้าง หากภวัฒน์ยังปิดเปลือกตาคะนึงหาแต่คนในความทรงจำ… เสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหว สุดท้ายเพียงไม่นานทั้งคู่ก็ถึงปลายทางที่เฝ้าฝันและผละออกจากกันทันที อรนิชากำหมัดแน่นมองดูแผ่นหลังกว้างที่ปรี่ชำระร่างกายในห้องน้ำทันที เมื่อกี้เขาไม่มองหน้าหล่อนสักนิด เอาแต่หลับตาพึมพำพร่ำเพ้ออะไรก็ไม่รู้! ภวัฒน์ไม่เหมือนเดิม…ว่าที่เจ้าบ่าวหล่อนกำลังเปลี่ยนไป นางแบบสาวต้องหาคำตอบให้จงได้ เมื่อความสงสัยรัดกุมหัวใจจนแหลกสลายกลายเป็นเสี่ยง ๆ! ถึงเขาไม่อ่อนโยนอย่างที่ชายอื่นชอบพะเน้าเย้าหยอกแต่ก็ดูแลอรนิชาดุจเจ้าหญิง แม้บางมุมแอบเย็นชาก็แฝงความอบอุ่นประหลาด เงื่อนไขการแต่งงานอาจเริ่มต้นด้วยผลประโยชน์ มหาศาลก็จริง หากนางแบบสาวตกหลุมรักว่าที่สามีในอนาคตหมดหัวใจ โลกเก่า ๆ ที่หล่อนเคยอยู่เงียบเหงากระทั่งภวัฒน์ก้าวเข้ามา อ้อมกอดแกร่งราวแดดยามรุ่งอรุณที่เคยโหยหา รอยยิ้มของเขาทำให้อรนิชารู้สึกคล้ายดอกไม้กำลังผลิบาน ชายหนุ่มจะรู้หรือไม่ว่าผู้หญิงคนนี้วาดฝันอยากมีชีวิตแก่เฒ่าเคียงคู่กับเขากระทั่งหมดลมหายใจ เพราะ ‘คาดหวัง’ หรือเปล่าทำให้หล่อนนิสัยไม่ดีกลายเป็นคนช่างริษยาเสียได้ มิหนำซ้ำยังโลภมากว่าสักวันไฮโซหนุ่มคงเปิดใจสักนิด… แต่เปล่าประโยชน์ เขาไม่เคยรักกัน สิ่งที่ปรารถนาไม่มีวันเป็นจริง! “โหพี่ปรายยย นึกว่านางฟ้าที่ไหน” เสียงผิวปากแซวคล้ายไม่จริงจังดังทันควัน เมื่อร่างตัวเล็กปรากฏกายในเดรสสีฟ้าสดใส “เอากี่บาทดี พูดเหมือนพี่ติดสินบนเรา” ปรายดาวเกาคอ แก้เก้อ วงแก้มสะพรั่งสีแดงระเรื่อ เสื้อผ้าหวานฉ่ำไม่ใช่แนวตนเองเท่าไรนัก แต่ภูตะวันกำชับนักหนาว่า… ‘แม่ปรายเอาชุดสวย ๆ ถ่ายรูปวิวทะเลมาฝากน้องภูด้วยน้า’ เจ้าลิงน้อยสั่งเป็นนัย สุดท้ายคนเป็นแม่ต้องควานหาเดรสซึ่งไม่มีโอกาสหยิบใส่เสียเนิ่นนาน “สองสามร้อยผมก็ไม่ติด” “เดี๋ยวปั๊ด แกแซวพี่สาวสุดที่รักฉันเหรอ” น้ำหวานแทรกเสียงเขียว หล่อนกดเรียวไหล่ปรายดาวให้นั่งลงข้างตนเอง “นั่งกับหวานดีกว่าพี่ปราย อยู่ใกล้ไอ้บอยเดี๋ยวพี่ติดเชื้อปากมากจากมันแล้วหวานจะยุ่ง” “ยาย!” ทั้งสองทำท่าเหมือนจะเปิดศึกย่อม ๆ กลางโต๊ะไม้กลม ปรายดาวปิดปากหัวเราะพรืดเพราะเอ็นดูน้องทั้งสอง คืนนี้ภวัฒน์เป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารค่ำ เขาประกาศเจตนารมณ์ชัดแจ้งว่าต้องการให้พนักงานทุกคนรับการบริการเลอค่าที่สุด วัตถุดิบชั้นเลิศทั้งสดใหม่ถูกนำมาปรุงสุกเป็นเมนูหลากหลายคละเคล้ากันไป แม้แต่ละโต๊ะเสิร์ฟไม่เหมือนกันหากยังคงคุณภาพเช่นเดิม ดนตรีคลาสสิกจากเปียโนบนหาดทรายขับกล่อมไพเราะเพราะพริ้ง จนผู้คนบางส่วนหันไปเต้นรำดื่มด่ำบรรยากาศ โรแมนติกประหนึ่งสวรรค์บนดิน “ดนตรีดัง เครื่องดื่มพร้อมขนาดนี้แกพลาดได้ไงไอ้บอย” น้ำหวานพเยิดหน้าถาม พลางยกแก้วแอลกอฮอล์กระดกเบา ๆ “ขอบายว่ะงานนี้ เพลงอะไรไม่รู้โคตรผู้ดีฉันไม่อิน” บอยทำหน้าทำตาราวขยาดสุดฤทธิ์ “แปลกใหม่ไงบอย ปกติมีดนตรีที่ไหนพี่เห็นมีบอยที่นั่น” “ผมขอบายจริง ๆ พี่ปราย ให้คู่เอกของงานหวานฉ่ำกันไปเหอะ” “คู่เอก ?” ปรายดาวย่นคิ้วถามไม่เข้าใจนักลูกน้องหมายถึงอะไร “ก็บ่าวสาวไงพี่ เรามันตัวประกอบชั้นดีคอยเนรมิตทุกอย่างให้คุณ ๆ เขา” “นั่นสิ พี่ลืมนึกไป” ปรายดาวเบี่ยงสายตามองยังคู่รักที่บอยเอ่ย นัยน์ตาสีน้ำตาลนิ่งชั่วครู่ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรนอกจากเฉยชา ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าหากวนกลับมาเจอภวัฒน์อีกครั้ง อยากด่าเขาให้น้ำไหลไฟดับจนสาสมกับสิ่งที่อดีตคนรักทำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทั้งหมดมันไม่มีค่า… บาดแผลตกสะเก็ดจนกลายเป็นเศษความทรงจำ ความรักเลือนรางคล้ายดอกไม้ขาดน้ำ ก้อนเนื้อในอกแวบหนึ่งเจ็บปวดอยู่บ้าง เพราะมลทินลวงพรากแก้วตาดวงใจไปแค่ชั่วพริบตา แต่ตอนนี้สมองสั่งการให้อยู่กับปัจจุบันมากกว่า คิดได้ดังนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไออุ่นรอบข้างอย่างอารมณ์ดี ผ่านไป สักพักก็นึกอะไรบางอย่างออก… เฟซไทม์หาภูตะวันดีกว่า เด็กน้อยคงอยากเพ่งพิศบรรยากาศลมทะเลให้เพลินตา ปลายเท้าพาร่างห่างจากโต๊ะส่วนมือกดโทร. หาพลรบ โดยไม่เอะใจสักนิดว่านัยน์ตาคมกริบของใครบางคน จับจ้องตั้งแต่วินาทีแรกที่ตนย่างก้าวเข้างาน ลมเอื่อย ๆ สาดกระทบใบหน้างามขณะคลี่ยิ้มกว้างรอลูกรัก แค่ชั่วอึดใจปลายสายทักทายด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “แม่ปรายยยยย!” เด็กน้อยนั่งบนตักคุณลุงรบถือไอศกรีมของโปรด “คิดถึงที่สุดดด” ภูตะวันยิ้มโชว์ฟังไม่ครบซี่ ลูกชายเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ทั้งยังออดอ้อนใส่เผยลักยิ้มบุ๋ม “อ้อนแบบนี้อยากให้แม่ปรายซื้ออะไรไปฝากหรือเปล่าน้า” ปรายดาวหยอกเย้าเพียงเล็กน้อย “แค่รอยยิ้มกับภาพสวย ๆ ของแม่ปราย น้องภูก็พอใจแล้วครับ!” “โอ๊ยยยย พี่รบสอนอะไรน้องภูเนี่ย ดูพูดจากับสาว ๆ แบบนี้ได้ไง ปรายหวงลูกชายนะ!” ย่นจมูกถามชายเบื้องหลัง พลรบถึงกับหัวเราะเสียงดัง เขายกยิ้มยียวนกวนใจจนปรายดาวอยากทะลุมือถือไปข่วนหน้าหล่อให้แหลกกระจุย “พี่เปล่านะ ตัวแสบบอกแม่สิครับลุงรบแสนดีแค่ไหน” “ลุงรบน่ารักที่สุดในโลกครับ วันนี้พาน้องภูไปดูรถคันใหญ่ด้วย” “รถคันใหญ่?!” “เจ้าแสบกวนปรายเฉย ๆ” พลรบเอามือปิดปากภูตะวันไว้แทบไม่ทัน เสียงทุ้มแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แต่ยังคงทิ้งพิรุธไว้อยู่ดี “พี่พาน้องภูไปสนามแข่งใช่ไหมเนี่ย สารภาพกับปรายมานะ!” ถ้าอยู่ด้วยกันคงสั่งสอนให้รู้ดำรู้แดง ความชอบของพลรบอยู่ในสายตาปรายดาวตลอด ไฮโซหนุ่มรักการแข่งขันเป็นชีวิตจิตใจ กระทั่งครั้งสุดท้ายก่อนวางมือคือเขาได้รับอุบัติเหตุจนมารดาแทบเป็นลม ‘คุณหญิงแพรทอง’ ไหว้วานปรายดาวเจรจาให้พลรบเลิกยุ่งเกี่ยวกับความเร็ว ฝ่าย ‘ลุงชนะศึก’ ก็เห็นด้วย เล่นเอาคนตัวเล็กแทบปาดเหงื่อกว่าจะต่อรองสำเร็จ แต่ต้องแลกมาด้วยการที่ชายหนุ่มขอมารับเธอและภูตะวันในทุกสุดสัปดาห์ตลอดหนึ่งเดือนนั่นเอง “พี่แวะเอาของไปให้เพื่อนไง ปรายก็รู้งานอดิเรกพี่คือทำโชว์รูม” “จ้า โชว์รูมคืองานอดิเรกเนอะพ่อนักธุรกิจใหญ่” กลอกตามองบนประชดประชัน เธอหมั่นไส้ในความรวยซ้ำยังเพอร์เฟกต์ทุกอย่างของเขานัก เพราะเช่นนี้ถึงได้รับรางวัล ‘หนุ่มโสดน่ากอดแห่งปี’ “น้องภูก็ชอบรถคันใหญ่ใช่ไหมครับ” “ชอบที่สุดครับ โตไปน้องภูอยากขับรถคันใหญ่ ๆ บ้าง” ภูตะวันตอบคำถามด้วยแววตาใสซื่อ “นั่นไง น้องภูชอบงั้นคุณแม่อย่าขัดใจนะครับ” พลรบใช้ ภูตะวันเป็นเครื่องมือ นี่สินะสุภาษิตไทยที่ว่าได้ทีขี่แพะไล่! พูดคุยกันอีกครู่ใหญ่ สุดท้ายพลรบขออนุญาตปรายดาวค้างกับน้องภูเพราะไม่ไว้ใจให้เด็กกับคนแก่อยู่ด้วยกันตามลำพัง หลายปีมานี้สุขภาพบัญชาแม้ไม่ได้ย่ำแย่แต่ก็ไม่แข็งแรงอย่างเก่า การมีชายหนุ่มรุ่นลูกอยู่ร่วมชายคาย่อมเป็นเรื่องที่ดี ก่อนสองหนุ่มบอกลาก็ไม่ลืมย้ำว่าให้ถ่ายรูปมาฝากเยอะ ๆ ปรายดาวได้ทีจึงหลุบกล้องลงต่ำอวดโฉมชุดพลิ้วสวย เธอโชว์ท่าทางน่ารักน่าใคร่เรียกเสียงหัวเราะ รอยยิ้มล้อเลียนก่อนตัดสายไป ความอบอุ่นฟุ้งกระจายทั่วสารทิศริมหาด ร่างบางถ่ายวิวค่ำคืนอีกสักพักก่อนเดินไปหาเด็กรับใช้เพื่อถามไถ่สิ่งอำนวยความสะดวก “พอดีในห้องไม่มีสบู่ ฉันก็ลืมเอามา ไม่ทราบว่าที่นี่มีให้ไหมจ๊ะ” “เดี๋ยวหนูสั่งเด็กให้นะจ๊ะพี่คนสวย” “ขอบคุณจ้ะ” “แต่คืนนี้นะ พอดียุ่ง ๆ กันอยู่ในครัว” “จ้ะ” ได้ยินดังนั้นคนแอบฟังมาตลอดก็ยิ้มย่องในใจ หญิงสาวจะรู้หรือไม่ผู้ชายคนนี้ต้องทรมานเท่าไร ภวัฒน์แทบปรี่เข้าไปบดขยี้โทรศัพท์เครื่องบางให้แหลกละเอียดยามได้ยินเสียงเธอหัวร่อต่อกระซิกกับมารหัวใจ นัยน์ตาคมกริบมองกระทั่งร่างเล็กลับสายตา แผนการชั่วช้าผุดขึ้นมาในสมองทันใด อย่างไรคืนนี้เขาต้องคุยกับปรายดาวให้ รู้เรื่อง… และหากเธอขัดขืนคงไม่มีจุดจบที่ดีระหว่างเรา วินาทีนี้ภวัฒน์พร้อมทำทุกอย่างแม้ถูกประณามว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษก็ตาม ในเมื่อรักมันยากนักสู้เกลียดแต่ได้จองจำเธอไว้คงจะปวดใจน้อยกว่านี้! เสียงหัวเราะขม ๆ พร้อมนัยน์ตาแดงก่ำ ซาตานร้ายเตรียมกายลงสนามรักอีกครั้ง อย่างน้อยได้เป็นคนที่เธอเกลียดคงดีกว่าไร้ตัวตนเช่นนี้ คิดทุกอย่างในใจก็สั่งการเด็กคนเมื่อกี้ฉับไว มือหนาไม่วายยื่นธนบัตรสีเทาคล้ายติดสินบน ช่วงเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่ภวัฒน์สัญญาจะทำให้ ปรายดาวลืมผู้ชายคนนี้ไม่ลง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD