แปดปีก่อน…
หลังห้องน้ำตึกอาคารเรียนรวมบัดนี้ไม่ต่างจากสังเวียน มวยปล้ำ นักศึกษานับสิบตะลุมบอลไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน เพราะผู้นำทั้งสองฝ่ายเป็นที่โจษจันทั่วสารทิศของมหาลัยฯ เลื่องชื่อเรื่องความร่ำรวยทำให้ไม่มีบุคลากรหน้าไหนกล้าแตะต้องแม้แต่ปลายเล็บ
“มึงเข้ามาดิวะ หลบหลังคนอื่นทำไมไอ้สวะ!” พลรบถกแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น ตะโกนด่ากราดยามหมดความอดทน เมื่อค่ำ วันก่อนระหว่างกลับบ้านเพื่อนในกลุ่มเขาโดนภวัฒน์ซ้อมบาดเจ็บปางตาย ต้องหามส่งโรงพยาบาลหยอดน้ำข้าวต้มกระทั่งถูกตัดสิทธิ์สอบกลางภาคในที่สุด
“แค่ไอ้พวกนี้มึงยังสู้ไม่ได้ นับประสาอะไรจะมาแข่งกับกูวะ!”
ทั้งสองเป็นคู่อริตั้งแต่วัยเด็กจวบจนมหา’ลัย ถ้าถามว่าต้นสายปลายเหตุมาจากไหน คงหนีไม่พ้นพลรบมีผลการเรียนเก่งกาจจนน่าตกใจ หนุ่มน้อยโดดเด่นเป็นที่จับจ้องในแวดวงไฮโซ ใครต่อใครต่างถูกเปรียบเทียบไม่เว้นแม้แต่ภวัฒน์ คนไม่ชอบแพ้ถูกกดลงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สุดท้ายหาสารพัดวิธีเลวร้ายเอาชนะคนที่เกลียดชัง ทุกหนทาง
“มึงน่าจะเอากระโปรงผู้หญิงมาใส่” พลรบดูถูกภวัฒน์ซึ่ง ๆ หน้า
“ไอ้!”
“ทำไมวะ เข้ามาดิ!”
มือทั้งสองกวักเรียกศัตรู เรียวปากแสยะยิ้มร้ายขณะมัดอีกฝ่ายพุ่งเข้าใส่ตามแรงยั่วยุ สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงชนเก้าอี้ล้มระเนระนาด อารมณ์โกรธแค้นยากเกินกู่กลับ รู้อีกทีก็ใช้กำลังตัดสินใจทุกอย่างให้ชัดแจ้งแพ้ชนะทุกคราไป
ผลัวะ!
ภวัฒน์คร่อมเหนือร่างสูงครั้นถูกปัดป่ายก็ไม่วายเสียหลัก เสียงโห่ร้องสองข้างทางดังลั่น เชียร์คนของตนออกนอกหน้าไม่สนว่าจะบาดเจ็บแค่ไหน ยิ่งเลือดไหลเปรอะเครื่องแต่งกายขาวสะอาดเท่าไร ยิ่งทวีความสะใจปล่อยกำปั้นใส่กันบ้าคลั่ง
ผัวะ!
ทั้งคู่ไม่สนสิ่งที่ตนทำทั้งป่าเถื่อนไร้อารยธรรม จนไม่เหลือคราบลูกหลานผู้ดี สังเวียนต่อสู้ระอุขึ้นพันทวีเสียงโห่กร้าวดังก้องเรียกความสนใจจนใครต่อใครต่างเหลียวมองไม่เว้นร่างบางในชุดนักศึกษา เธอตั้งใจเอาหนังสือคืนห้องสมุดแต่ทุกอย่างกลับเลือนหายในอากาศ
“ไอ้รบ ต่อยกลับสิวะ!”
เพราะสรรพนามที่ได้ยินเล่นเอาเท้าหยุดชะงัก ปรายดาวหมุนกายวิ่งดุ่ม ๆ เพ่งพิศดูให้ชัดว่า ‘ไอ้รบ’ ที่ถูกเรียกขานใช่พี่ชายตัวแสบหรือไม่ นัยน์ตาคู่งามเบิกกว้างฉับพลัน ราวโลกหยุดหมุนอยู่ตรงนั้นเมื่อชายคนดังกล่าวคือ ‘พลรบ ประภากร’ จริง ๆ!
“หยุดนะ!” ปรายดาวนิ่งเฉยไม่ไหว เธอใจกล้าเกินหญิงทั่วไป ริมฝีปากกระจับเปล่งถ้อยคำฉะฉานจ้ำอ้าวห้ามปรามมารตัวใหญ่อย่างไม่คิดชีวิต
“ยุ่งอะไรด้วยวะ!”
“บอกให้หยุดไง!”
แม้ถูกสะบัดสุดแรง แต่ไม่ลดละความพยายาม เรียวแขนเล็กรั้งท่อนแขนกำยำ กระทั่งผลลัพธ์กลายเป็นเธอเจ็บตัวแทบกอง บนพื้น
“ปราย!”
พลรบได้สติทันใด เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายถีบคู่อริกระเด็นไปอีกฝั่งพร้อมปรี่กายถึงตัวร่างน้อยอย่างรวดเร็ว มือสากพยุงหญิงเดียวที่เห็นในสายตา
“มึง!” หมายเข้าหาสะสางปัญหาอีกรอบ ทว่าคนเบื้องหลังกลับฉุดดึงเขาไว้
“มึงชอบให้ผู้หญิงปกป้องเหรอวะ”
“ไอ้!” ปากหมา ๆ นั่นน่าสั่งสอนให้ได้เลือดอีกสักครา
“คนมีพร้อมทุกอย่างแบบนายไม่น่านิสัยเสียได้ขนาดนั้น” ปรายดาวขัดจังหวะ เรียวแขนยาวขวางพลรบไว้เบี่ยงกายกำบัง
“เธอยุ่งอะไรด้วย”
ภวัฒน์เลิกคิ้วถามยียวนไม่หยุด ไล่สำรวจยายปากดีนี่ก็หน้าหวานชวนมอง แต่ไม่ใช่สเปกเขาอย่างแรง
“ฉันต้องยุ่งเพราะทั้งนายและพี่รบทำผิดกฎมหา’ลัย มีนักศึกษาที่ไหนเขาต่อยตีกันแบบนี้”
“พอ ๆ! ไอ้รบมึงเก็บเด็กน้อยนี่ไปเหอะ กูรกหูรกตาว่ะ”
ภวัฒน์เช็ดคราบเลือดข้างมุมปากพลางยิ้มไม่ยี่หระใด ๆ นัยน์ตาคมกริบมองปรายดาวตั้งแต่หัวจดเท้า
“อย่าปล่อยให้เพ่นพ่าน มันดูกระจอก”
“มึงหุบปาก อย่าลามปามถึงปราย”
“ว้า คนอย่างมึงมีโหมดพระเอกด้วย กูโคตรเซอร์ไพรส์” ปลายนิ้วชี้แกว่งไกวเคลื่อนไหวเชิงก่อกวน
“แต่โทษทีไม่อินว่ะ”
“ไอ้ภาม มึงกับกูวันนี้ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”
“พอพี่รบ คนแบบนี้สู้ไปก็เปลืองแรงเปล่า ๆ”
“เด็กอย่างเราเงียบไป” พลรบก้มหน้าดุแม่ตัวดี โดนด่าว่าขนาดนี้ปรายดาวยังกอดอกไม่สะทกสะท้าน
เขาจะฟ้องลุงบัญชาว่าลูกสาวใจกล้าเอาตัวเข้ามาขวางศึกระหว่างลูกผู้ชาย ถ้าท่านรู้ยายตัวกะเปี๊ยกต้องถูกตีหลังลายแน่ ๆ พลรบมั่นใจ
“คนไร้ความคิดที่ตัดสินแพ้ชนะจากการต่อยตีมันไม่ได้ดูโตเป็นผู้ใหญ่หรอกนะ ถ้าแค่นี้ยังไม่รู้ถูกผิด สมองอันน้อยนิดก็แพ้เด็กสามขวบ” ริมฝีปากอมชมพูพ่นคำปรามาสตัดสินจนสองหนุ่มหยุดชะงัก
“ยาย!”
หญิงสาวหมุนกายทิ้งอันธพาลในมาดนักศึกษาไว้เบื้องหลัง พลรบคลี่ยิ้มมุมปากฉับพลัน ด้านภวัฒน์จ้องเขม็งตามร่างบางไม่ละสายตา…
ปรายดาวจะรู้บ้างไหมตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา ตนเองดึงความสนใจผู้ชายห่าม ๆ ไว้เพียงผู้เดียว
ผ่านไปเกือบสองอาทิตย์ภวัฒน์สืบเสาะข้อมูลปรายดาวทุกซอกทุกมุม เขารู้กระทั่งตารางเรียนและประวัติอีกฝ่าย เธอเป็นลูกตำรวจจน ๆ จับพลัดจับผลูผูกพันกับพลรบจนไอ้ไก่อ่อนตกหลุมรัก เกมพนันเพื่อเอาชนะใจหญิงที่คู่อริหมายปองจึงเริ่มต้นขึ้น
ผู้ชายคนนี้ขุดหลุมพรางลึกล้ำให้เธอตกลงไป เขาทำสิ่งน่ารังเกียจไม่ควรให้อภัย จนปรายดาวเลื่องชื่อเรื่องความใจง่าย เธอเป็นที่โจษจันทั่วมหาวิทยาลัย!
ปรายดาวโบกรถจากบริษัทมุ่งตรงไปร้านเวดดิงเนอร์ ชื่อดังโดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ภวัฒน์จ้องมองทั้งสามไม่ละสายตา นัยน์ตาคมกริบมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านจนน่าตกใจ อารมณ์โกรธไต่ระดับกระทั่งภูตะวันเลือนลับจากไป
“นิชาว่าชุดนี่สวยนะ พี่ภามว่ายังไง”
อรนิชาหมุนทั่วทุกสารทิศเมื่อผ้าม่านสีขาวเลื่อนออก หล่อนหันถามว่าที่เจ้าบ่าวไม่วายเบี่ยงมองปรายดาวซึ่งขนาบข้างกัน
“ถ้านิชาชอบพี่ก็ไม่มีปัญหา” เสียงทุ้มตอบขณะเอนกายพิงโซฟาตัวใหญ่
“คุณปรายล่ะคะ สวยเหมาะกับนิชาไหม”
“ดูเรียบหรูแต่ยังมีความเซ็กซี่ เข้ากับธีมงานที่ทั้งสองบรีฟไว้ดีค่ะ”
ชุดเจ้าสาวเกาะอกเสมือนปีกหงส์ปักด้วยเพชรสวารอฟสกีเพิ่มความหรูหรา ช่วงล่างเปิดเปลือยเรียวขาด้วยสไตล์การตัดเย็บแหวกสูงให้เจ้าสาวดูเพรียวยิ่งขึ้น
“เหรอคะ นิชาไม่มั่นใจเลยพี่ภามกลัวชุดเยอะไปหรือเปล่า”
อรนิชาย่นหน้าถามภวัฒน์คล้ายกำลังออดอ้อนก็ไม่ปาน หากชายหนุ่มกลับนิ่งไปสักพักก่อนคลี่ยิ้มมุมปากตอบว่า…
“ลองปรึกษาคุณปรายดาวดีไหม ผมเห็นคุณอุ้มเด็กคนหนึ่ง” เขาละเลียดถามแต่ยังไม่เผยไต๋สิ่งที่อยากรู้ซะทีเดียว
“เดาว่าคุณน่าจะมีลูกมีสามีแล้ว”
“ว้าว…ข่าวใหม่เลยนะคะ เพิ่งรู้ว่าคุณปรายแต่งงานแล้ว”
อรนิชาทำตาลุกวาวประหนึ่งขบขัน หล่อนจ้ำอ้าวเข้าใกล้ทั้งยังจับมือปรายดาว
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป เจ้าสาวมือใหม่อย่างนิชาฝากคุณปรายด้วยนะคะ”
“ปรายยังไม่แต่งงานค่ะ” ริมฝีปากกระจับเม้มแน่นแทบพูดไม่ออก
เธอมองก็รู้ภวัฒน์ตั้งใจปั่นป่วนเพื่อเผยความจริงหรือไม่ก็หวังให้อรนิชาช่วยซักไซ้ต่อ ทว่าเจ้าสาวคนงามไม่ตามเกม หล่อนมัวแต่เพ่งพิศสนใจชุดเจ้าสาวมากกว่าใคร่รู้เรื่องพนักงานธรรมดา เรื่องส่วนตัวของปรายดาวไม่สลักสำคัญสำหรับอรนิชา แตกต่างจากภวัฒน์ เขาอยากรู้จนกลายเป็นหนูติดจั่น
“แล้วผู้ชายกับเด็กคนนั้น ?” ภวัฒน์ไม่รอช้า ชายหนุ่มโกรธแทบควันออกหูเมื่อเธอแสร้งลืมเลือน เขาจะเตือนความจำให้เอง
“เป็นอะไรกับคุณเหรอครับ” มือกำหมัดปรากฏเส้นเลือดปูดบวม อยู่แวดวงเดียวกันถ้าพลรบมีลูกชาย มันต้องเล็ดลอดถึงหู นอกเสียจากหมอนั่นตั้งใจซ่อนปรายดาวกับลูกไว้ลับ ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็อดสมเพชเธอไม่ได้!
“เขาไม่ใช่สามีฉันค่ะ” น้ำเสียงราบเรียบไม่ขยายใจความต่อ เธอหันมองทางอื่นราวต้องการหนีให้พ้นจากคนใจยักษ์
“งั้นดะ…”
“พอเถอะค่ะพี่ภาม จะถามอะไรนักหนาไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย” อรนิชาเฉยไม่ไหว หล่อนขัดจังหวะทันใด มือยกกอดก่อนไล่มองพนักงานสาวตั้งแต่หัวจดเท้า
“เรื่องของลูกจ้างไม่ใช่กงการอะไรที่เราต้องสนใจนะคะ”
นางแบบสาวเลือดขึ้นหน้าไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ครั้งก่อน คราแรกยอมรับว่าถูกชะตา แต่เห็นว่าที่เจ้าบ่าวให้ความสำคัญนักหนาเล่นเอาก้อนเนื้อในอกเดือดพล่านด้วยอาการริษยา
“คุณปรายคะ ทำหน้าที่ให้หน่อยได้ไหม นิชาอยากลองใส่ชุดกับรองเท้าคู่นั้น” หล่อนเหลือบสายตาออกคำสั่งไปในตัว
“เดี๋ยวหนูช่วยคุณนิชาเองดีกว่า” เด็กในร้านอาสาขึ้นทันควัน ทว่าอรนิชาโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“เร็วสิค่ะคุณปราย!”
หล่อนย้ำชัดอีกหนึ่งระลอก จนปรายดาวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นับหนึ่งถึงสิบบอกตนเองซ้ำ ๆ ว่ามันคืองาน สุดท้ายร่างบางย่อกายคว้าสิ่งที่หล่อนปรารถนา
เตรียมสวมมันให้ร่างเพรียวที่กอดอกจ้องมองอยู่ช้า ๆ ทว่าเสียงเข้มกลับแทรกขึ้นมา
“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมทำเอง!”
ภวัฒน์แย่งส้นสูงในมือสวมให้อรนิชาอย่างว่องไว
“ลุกขึ้นสิ เซ่ออยู่ทำไม”
เขาระบายลมหายใจหงุดหงิด นัยน์ตาคมฉุนกึกเพราะคน ตัวเล็กเชื่องช้าเกินทน
“พี่ภามน่ารักที่สุดในโลก”
เจ้าสาวคนงามแทบสั่นเทาเพราะโกรธจัด หล่อนแสร้งปั้นยิ้มหอมแก้มว่าที่เจ้าบ่าวทั้งยังชื่นชมอย่างแสนรัก อรนิชาเก็บความสงสัยไว้ภายใต้รอยยิ้มพิมพ์ใจ…
ทำไมนะ…ภวัฒน์ถึงได้ดูสนใจผู้หญิงคนนี้นักหนา แววตาที่เขาใช้มองพนักงานชั้นต่ำนั่นไม่เหมือนใคร บางครั้งหวานละมุนบางคราก็เศร้าโศกจนน่าตกใจ ความสงสัยก่อเกิดในใจอรนิชากระทั่งทั้งสามทำธุระเสร็จ
คล้ายฟ้าฝนไม่เข้าข้างคุณแม่ยังสาวเท่าไรนัก เพียงก้าว ขาออกจากหน้าร้านท้องฟ้าร้องครืดคราด ฝนเม็ดใหญ่พลันหล่นมาราวแกล้งกัน
“ให้ไปส่งหรือเปล่า”
ภวัฒน์ถามขณะประตูปิดลง ฝ่ายอรนิชาเพียงยิ้มหวานแต่มองปรายดาวคล้ายประหัตประหารจนเซนส์ผู้หญิงด้วยกันสัมผัสได้ หากตอบตกลงเมื่อไร…หายนะมาเยือนเป็นแน่ ทางที่ดีควรเลี่ยงทั้งสองไปให้ไกลสุดกู่!
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันรอได้”
“ไปเถอะค่ะพี่ภาม เดี๋ยวไม่ทันดินเนอร์คุณป้านะคะ”
หล่อนก้มดูนาฬิกาเรือนแพงระยับ จีบปากจีบคอพาดพิงถึงราณีเสมือนตอกย้ำนัดมารดาย่อมสำคัญเหนือคนอื่น
“คุณป้าอยากรู้แผนงานคร่าว ๆ น่ะค่ะ นิชาว่าเราอาจจะต้องคุยยาว ถ้าเสียเวลาตรงนี้แล้วผิดนัดผู้ใหญ่คงดูไม่น่ารัก”
น้ำเสียงทุ้มเจือหวานจับใจ แต่นัยน์ตาเลื่อนมองอีกฝ่ายเป็นระยะเชิงกดดัน
“คุณปรายเข้าใจนะคะ”
“ค่ะ” ท่าทีเรียบนิ่งดูไม่สะทกสะท้าน คงเป็นเพราะเจอคำพูดจิกกัดเสียจนชินและชา ปรายดาวไม่ถือสาหาความให้ขุ่นข้องหมองใจ ทั้งสองคือลูกค้าก็เปรียบดั่งพระเจ้าสำหรับพนักงาน จน ๆ อย่างเธอ
“แต่พี่ว่าเราควรไปส่งคุณปรายก่อน ฝนตกหนักขนาดนี้จะกลับได้ยังไง”
“พี่ภามอย่าดื้อสิคะ ก็เจ้าตัวบอกอยู่ว่าไม่เป็นไรรอได้ อีกอย่างเขามาทำงานให้เราไม่ใช่ฟรี ๆ ซะหน่อยเสียเงินจ้างมา”
“นิชาพอเถอะ”
“หรือจะให้โทรหาคุณป้า” หล่อนยกโทรศัพท์เครื่องบางหมุนไปมาพลางเลิกคิ้วถาม
“เชิญคุณทั้งสองคนเถอะค่ะ ปรายกลับได้จริง ๆ”
ประกายตาสองข้างเขม็งขึงแทรกขึ้นขัดจังหวะ ส่วนภวัฒน์เพ่งพิศใบหน้าหวานระอาความดื้อด้าน ปรายดาวยังเป็นคนเดิมเสมอไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเห็นความหวังดีของเขาอยู่ในสายตา เธอมักเลือกคนอื่นมากกว่า
“เดี๋ยวคุณจะไม่สบาย”
“ปรายกลับได้ค่ะ” หญิงสาวย้ำชัดอีกครั้ง หันหน้าหนีตัดขาดประหนึ่งตัดขาดทั้งสองออกจากโลก
“ชัดนะคะพี่ภาม!”
อรนิชากระแทกเสียงจิ๊จ๊ะ หงุดหงิดเสียเต็มประดา หล่อนแทบลากภวัฒน์ออกจากหน้าร้าน ความรู้สึกทุกอย่างหลั่งไหลเข้ามากระทั่งคนเป็นเจ้าสาวต้องวางกับดับใหญ่เพื่อไขความจริง
หล่อนต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าความรู้สึกที่คนรักมีให้ปรายดาวคืออะไรกันแน่!