วันนี้ก็เป็นอีกวันที่สีดาตื่นแต่เช้า เพราะรับปากมารดาเอาไว้ว่าจะเป็นลูกมือช่วยทำอาหาร ทำให้เธอต้องเร่งจัดการตัวเอง เพื่อที่จะลงไปช่วยงานมารดาที่ห้องครัว
บ้านของมารดาเป็นบ้านแฝดสองชั้น ซึ่งบ้านที่อยู่ติดกันเป็นบ้านของน้า ‘กิ่งมณี’ น้องสาวคนเดียวของมารดาที่ไปมาหาสู่ไม่ต่างจากครอบครัวเดียวกันแม้กระทั่งรั้วบ้านยังมีประตูเชื่อม เพราะเหตุนี้เธอเลยไม่กังวลที่ปล่อยให้มารดาอยู่บ้านคนเดียว
กิ่งมณีมีลูกสองคนคือ ‘เติมเต็ม’ ที่อายุมากกว่าเธอสองปี และ ‘พอดี’ ที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก ทั้งน้ากิ่งและมารดาของเธอต่างก็เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วยกันทั้งคู่ ต่างกันก็ตรงที่น้าสาวของเธอเป็นหม้ายเพราะสามีเสียชีวิต ส่วนมารดาของเธอเป็นหม้ายเพราะหย่ากับสามี
“ตื่นแล้วเหรอ” มารดาเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกสาวเดินเข้ามา
“ค่า” ส่งยิ้มให้มารดาก่อนจะเดินไปที่ซิงค์ล้างจานที่มีกะละมังผักวางอยู่
“มะระกับแตงกวาป้ายุพินเอามาให้”
คนที่กำลังหยิบมะระขึ้นล้างถึงกับย่นจมูก ไม่ได้รู้สึกยินดีกับความมีน้ำใจของเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
มนุษย์ป้ามีอยู่จริง...ก็ป้ายุพินที่บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามเธอนี่ไง
บ่อยครั้งที่อีกฝ่ายชอบเอาเธอไปเปรียบกับลูกสาวตัวเอง อย่างตอนที่ลูกสาวตัวเองจะซื้อบ้านก็โพทะนาไปทั่วว่าลูกสาวกู้ได้เยอะเพราะเครดิตดี ส่งเรื่องไปธนาคารไหนก็ผ่านหมด บ้านดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ มีกี่ห้องก็เล่ามาหมด พอถึงคราวเธอจะซื้อคอนโดกับมาพูดกับมารดาของเธอว่า ซื้อคอนโดมันไม่คุ้ม สู้ซื้อบ้านไม่ได้ มีพื้นที่ใช้สอย แถมขายก็ง่าย
“อะไรคะ?” สีดาเอ่ยถามเมื่อเห็นกล่องใส่อาหารที่ตั้งเรียงอยู่บนโต๊ะทานข้าว มีทั้งหมดสี่กล่อง ทุกกล่องถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา
“ก็พวกอาหารนั่นแหละ แม่ทำให้เราเอากลับไปกินที่คอนโด”
“เยอะขนาดนี้กี่วันจะกินหมด”
“กินไม่หมดก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้ จะกินก็เอาออกมาอุ่น” คุณแก้วกานดาเอ่ยกับลูกสาว ก่อนจะยื่นมือไปปิดแก๊สเมื่ออาหารที่กำลังปรุงสุกได้ที่
“พี่สีดา”
“หือ?” สีดาหันไปมอง พอดี ที่เดินยิ้มร่าเข้ามาในห้องครัว ในมือของอีกฝ่ายมีถ้วยกระเบื้อง ก็คงจะเป็นกับข้าวที่น้าสาวของเธอแบ่งมาให้
“พี่สีดากลับกี่โมงอะ” สาวน้อยวัยสิบแปดเอ่ยถาม
“เย็นๆแหละ” คนไม่มีธุระตอบ
“สอนเค้าแต่งหน้าหน่อยสิ เค้ายังแต่งหน้าไม่เป็นเลย”
“ได้สิ แล้วมีเครื่องสำอางยัง?”
“มีๆ เค้าเพิ่งไปซื้อกับเพื่อนมา”
สีดาพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปช่วยมารดาตักอาหารใส่จานเพื่อขึ้นโต๊ะ เมื่อเสร็จจากมื้อเช้าก็กลับขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะกลับลงมาที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกระเป๋าเครื่องสำอางของตัวเอง
“โห้! เครื่องสำอางโคตรเยอะ” พอดีที่นั่งดูคลิปสอนแต่งหน้าในโทรศัพท์ถึงกับตาโตเมื่อเห็นเครื่องสำอางที่อยู่ในกระเป๋าของญาติผู้พี่
“พวกนี้พี่ไม่ได้ใช้ เอาไปสิ” สีดาหยิบบรัชออน อายแชโดว์ และลิปสติกที่ยังไม่แกะกล่องส่งให้
“เอาๆ เค้าเอา”
สีดาเดินไปนั่งข้างอีกฝ่าย หยิบไอแพดมินิของตัวเองขึ้นมาเปิด “ช่องนี้สอนดี เน้นสไตล์ธรรมชาติเหมาะกับเรา”
ตอนที่ยังแต่งหน้าไม่เป็น เธอก็อาศัยดูคลิปของเหล่าบิวตี้ บล็อกเกอร์ ช่องนี้เป็นช่องที่เธอดูบ่อยที่สุด ทุกวันนี้ก็ยังเข้ามาดูตลอด
“ไอแพดมินิเค้าก็อยากได้ พี่เติมมันไม่ยอมซื้อให้ บอกแต่ให้รอโบนัส”
“นินทาอะไรพี่อีกแหละ” เติมเต็มที่เดินเข้ามาได้ยินคำพูดของน้องสาวเอ่ยถาม
“ไม่ได้นินทา พูดเรื่องจริง เค้าบอกให้พี่เติมซื้อไอแพดให้ พี่ก็ไม่ซื้อ”
“ก็บอกว่าโบนัสออกไง เดี๋ยวซื้อให้”
“เงินเดือนก็มี ทำไมต้องรอโบนัส” คนไม่เคยมีเงินเดือนเอ่ย หันไปพูดกับญาติผู้พี่เพื่อหาแนวร่วม “ใช่มะพี่สีดา สงสัยเอาเงินไปเปย์สาวหมด”
“เดี๋ยวพี่ออกให้ครึ่งหนึ่ง” สีดาเอ่ยขึ้น นานแล้วเหมือนกันที่เธอไม่ได้ซื้ออะไรเป็นของขวัญให้พอดี ครั้งล่าสุดก็น่าจะเป็นช่วงปีใหม่ ซึ่งก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว
“จริงอ่ะ” คนจะได้ไอแพดมินิถึงกับตาโต “พี่สีดาจะซื้อไอแพดให้เค้าจริงดิ”
“อืม ของขวัญวันเกิดล่วงหน้า”
“ว้าว! ว่าไงพี่เติม จะจ่ายครึ่งหนึ่ง หรือจะจ่ายคนเดียวทั้งหมดเลือกเอา แต่จ่ายครึ่งหนึ่งต้องจ่ายตอนนี้นะ”
“เออๆ เดี๋ยวโอนให้” จ่ายครึ่งกับจ่ายเต็ม เขาก็ต้องเลือกจ่ายครึ่งอยู่แล้ว
“ทำไมต้องเดี๋ยว แอพก็มีโอนตอนนี้ไม่ได้ไง” พอดีหน้างอ กลัวพี่ชายจะไม่โอนเงินให้ ส่วนสีดาเธอไม่กลัว เพราะอีกฝ่ายไม่เคยผิดคำพูด
“สีดาแกดูมัน มันน่าซื้อให้มั้ย” ถึงจะบ่นแต่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าหน้าแอพธนาคาร “ราคาเท่าไหร่ที่จะซื้อ”
“สองหมื่นสามพันจ้ะ”
“ไม่น่าเดินมาเลยกู”
“เข้าเรียบร้อยแล้วจ้า” พอดีถึงกับยิ้มกว้าง โชว์หน้าจอที่มีข้อความแจ้งเตือนรายการเงินเข้าบัญชีให้พี่ชายดู
“พี่โอนให้มันหมื่นสามแล้ว สีดาโอนให้มันอีกหมื่นเดียวก็พอ”
“อืม” สีดาพยักหน้าเข้าใจ ส่วนพอดีถึงกับบึนปากอย่างเสียดาย
“กลับกี่โมง?”
“น่าจะสี่โมง ไม่อยากออกเย็นมาก ขี้เกียจไปยืนเบียดกับคนอื่นบนบีทีเอส” ถึงจะเป็นวันหยุด แต่ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าในช่วงเย็นก็ยังหนาแน่น
“พี่จะเข้าไปหาเพื่อน เดี๋ยวแวะไปส่ง”
“ส่งคอนโดหรือบีทีเอส” คนที่มีแนวโน้มไม่ต้องขึ้นรถไฟฟ้ากลับคอนโดเอ่ยถาม
“คอนโดสิ”
คนที่ไม่ต้องขึ้นบีทีเอสกลับเองยิ้มกว้าง ถึงมันจะสะดวก แต่การที่มีคนขับรถไปส่งถึงหน้าคอนโดมันต้องดีกว่าอยู่แล้ว