“สีดาเข้ามาคุยกับพี่หน่อย”
สีดาขยับตัวลุกขึ้นหลังจากที่วางสายพี่วรรณีหัวหน้าใหญ่ของแผนกบัญชีและการเงิน ห้องทำงานของพี่วรรณีอยู่ด้านในสุดของชั้น ภายในห้องมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ตู้เก็บเอกสารแบบติดผนัง และโต๊ะประชุมขนาดหกที่นั่งซึ่งเอาไว้คุยงานกับลูกน้องในแผนก
“พี่จะให้สีดาดูแลเรื่องการเบิกจ่ายของโครงการ” สีดาคืออีกหนึ่งคนที่ทำให้เธอรู้ว่าอายุและจำนวนปีในการทำงานไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าคนๆนั้นจะทำงานได้ดี ความตั้งใจและการเรียนรู้ต่างหากที่เป็นพื้นฐานของความสำเร็จ
“สำนักงานที่กำลังจะสร้างนี่คะ” บริษัทกำลังจะสร้างสำนักงานใหม่ ซึ่งมีแผนที่จะย้ายในกลางปีหน้า
“ทางผู้รับเหมาจะเข้ามาเริ่มงานอาทิตย์หน้า ซึ่งทางเราต้องจ่ายเงินงวดแรกก่อน”
“ดีลักซ์ คอนสตรัคชั่น?” สีดาทวนชื่อบริษัทผู้รับเหมาที่อยู่บนเอกสาร ดีลักซ์คือตัวท็อปของวงการก่อสร้าง โครงการใหญ่ๆทั่วกรุงเทพก็อยู่ในมือบริษัทนี้
“ปกติดีลักซ์ไม่รับงานที่มูลค่าไม่ถึงห้าร้อยล้าน”
“เปลี่ยนโพลิซีเหรอคะ?” สีดาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าราคาที่อยู่ในสัญญาคือสามร้อยยี่สิบสองล้าน
“พี่ก็ไม่แน่ใจนะว่าดีลักซ์เปลี่ยนนโยบายการรับงานหรือเปล่า แต่เห็นว่าคุณวาทิศรู้จักกับหัวหน้าวิศวะกรของที่นั้น เห็นว่าเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เรียนโทด้วยกันที่อังกฤษ” วาทิศคือหนึ่งในผู้บริหารของที่นี่ เพราะเหตุผลนี้ทำให้เธอเรียกสีดาเข้ามาคุย เธอไม่อยากให้มีปัญหาเรื่องการเบิกจ่าย
“ถ้าติดปัญหาอะไรก็บอกพี่ได้ตลอด พี่ไม่อยากให้การเบิกจ่ายมีปัญหา”
“ได้ค่ะ”
สีดาพยักหน้ารับก่อนจะหอบแฟ้มเอกสารกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เธอใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการอ่านสัญญาและตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารการเบิกจ่ายสำหรับเงินงวดแรกที่จะต้องออกเช็คให้ดีลักซ์ภายในวันพุธนี้
คนที่กำลังยุ่งกับการเตรียมเอกสารถึงกับทำหน้าเบื่อหน่ายเมื่อเห็นข้อความที่โชว์อยู่บนหน้าจอ
หมอตรัย : พี่กำลังจะออกจากคลินิกครับ
หมอตรัย : อีกครึ่งชั่วโมงน่าจะถึงบริษัทน้องสีดา
หมอตรัย : วันนี้เราไปทานข้าวเย็นกันนะครับ
ถึงเธอจะเป็นคนอนุญาตให้ตรัยส่งข้อความหรือโทรหาได้ แต่มันก็ไม่ใช่ทุกวันแบบนี้
ตรัยยังทำเหมือนกับว่าเราสองคนยังเป็นคนคุยกัน ไม่ใช่สถานะพี่น้องอย่างที่ตกลง จากตอนแรกที่คิดจะปฏิเสธ ทำให้เธอเปลี่ยนใจตอบตกลง
Sida_Jin : ค่ะ
เธอจะต้องพูดกับตรัยให้ชัดเจนในเรื่องสถานะนี้
ตรัยมารับเธอที่บริษัทในเวลาครึ่งชั่วโมงอย่างที่บอกเอาไว้ ซึ่งก็เป็นเวลาเลิกงานของเธอพอดี
เพราะเป็นเวลาเลิกงานทำให้ถนนหน้าบริษัทของเธอมีรถวิ่งเข้าออกตลอดเวลา รถของตรัยที่กำลังวิ่งเข้ามาจึงไม่เป็นที่สนใจ
ตรัยขับรถพาเธอไปยังร้านอาหารอิตาเลี่ยนใกล้กับโรงพยาบาลที่เธอเคยนัดกับเพื่อนที่ร้านกาแฟครั้งก่อน บรรยากาศของร้านค่อนข้างดี ราคาอาหารก็น่าจะแพงไม่น้อย ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจ รู้ดีว่าการมาทานข้าวกับเขาครั้งนี้เพราะอะไร
“เพื่อนพี่แนะนำมา บอกว่าอาหารร้านนี้อร่อยมาก”
“ค่ะ” สีดาพยักหน้ารับ ไม่ได้ตื่นเต้นกับคำโมษณาของเขา
“อ้าวตรัย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
คำเอ่ยทักตรัยทำให้สีดาต้องหยุดเดิน ดวงตาเบิกกว้าง
เธอไม่ได้ชะงักเพราะเสียงทักทาย แต่เธอชะงักเพราะผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างคนที่เอ่ยทักตรัย
เขาคือผู้ชายที่เธอเจอบนรถไฟฟ้าเมื่อหลายวันก่อน ผู้ชายหลงตัวเองที่บอกว่าเธอมองหน้าเขา เธอจำเขาได้ และเธอก็มั่นใจว่าเขาเองก็จำเธอได้เหมือนกัน
เพราะสายตาของเขาที่กำลังมองมาที่เธอมันบอกแบบนั้น
“หวัดดีครับพี่รัญชน์ สบายดีนะครับ” ตรัยเอ่ยทักทายรุ่นพี่ร่วมสถาบัน ซึ่งเคยทำงานร่วมกันอยู่ช่วงหนึ่งก่อนที่ตัวเองจะลาออกไปเปิดคลินิก
“สบายดี แล้วนี่?” รัญชน์หมายถึงสีดาผู้หญิงที่ตัวเองกับเพื่อนบังเอิญรู้จักชื่อ เขาจำเธอได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นหน้า การแต่งตัวของเธอไม่ต่างจากครั้งก่อนที่เขาเจอ ยังคงคอนเซ็ปต์ของสาวสวยที่ดูปราดเปรียว เสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกระโปรงทรงกระบอกเอวสูงที่มีความยาวเหนือเข่าเป็นชุดที่เหมาะกับเธอมาก
“สีดาครับ แฟนผม” ตรัยเอ่ยแนะนำ “นี่พี่รัญชน์ครับ รุ่นพี่พี่เอง เราเคยทำงานด้วยกันอยู่พักหนึ่ง ส่วนนี่...”
สีดาถึงกับหน้านิ่ง รู้สึกไม่พอใจที่ตรัยแนะนำตัวเองออกไปแบบนั้น ตั้งใจจะมาคุยกับเขาให้รู้เรื่อง แต่อีกฝ่ายกับสร้างความยุ่งยากให้เธอมากขึ้นไปอีก
และไม่ใช่สีดาคนเดียวที่แปลกใจรัญชน์กับรามิลเองก็หันไปมองหน้ากันทันที
เรื่องที่เคยได้ยินเมื่อหลายวันก่อน กับสิ่งที่ได้ยินวันนี้ไม่เหมือนกันสักนิด
“อ่อ...นายรามิลน่ะ เพื่อนสมัยมัธยมของพี่” รัญชน์เอ่ยขึ้น รับรู้ถึงบรรยากาศอึมครึมที่เริ่มเปลี่ยน
“ถึงว่าไม่เคยเห็นหน้าเลย ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณรามิล”
“ครับ” รามิลพยักหน้ารับ มุมปากยกยิ้ม รู้ได้ทันทีว่ารุ่นน้องของเพื่อนไม่ได้ยินดีที่จะรู้จักตัวเองอย่างที่พูด
‘หวงก้าง’ คือสิ่งที่รามิลนึกออก
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ไว้คุยกัน” รัญชน์เอ่ยขอตัว พยักหน้าให้รามิลเดินเข้าไปที่โต๊ะด้านใน
“ครับ”
“ทำไมพี่ตรัยพูดแบบนั้นคะ เราสองคนไม่ได้เป็นแฟนกัน พี่ตรัยบอกรุ่นพี่ตัวเองแบบนั้นได้ไง” สีดาเอ่ยขึ้นทันทีที่รัญชน์กับรามิลเดินห่างออกจากโต๊ะ
ตรัยทำให้เธอโมโห เขาทำเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
“แต่พี่ชอบน้องสีดาจริงๆนะครับ พี่อยากคบกับเราจริงๆ”
“พี่ตรัย...” สีดาเรียกอีกฝ่ายเสียงเรียบ “สีดาว่าเราคุยเรื่องนี้กันชัดเจนแล้วนะคะ”
ก่อนจะเป็นคนคุย ก็ตกลงกันชัดเจนแล้วว่าถ้ามันไม่ใช่เราก็จะไม่ฝืน พร้อมที่จะลดสถานะกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนกันเหมือนเดิม
ซึ่งตรัยเองก็ตกลง
แต่สุดท้ายเขากับไม่เข้าใจ ยังทำเหมือนว่าเรื่องระหว่างเรายังเหมือนเดิม ทั้งที่มันไม่ใช่ หรือต่อให้มันเหมือนเดิม ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาก็ไม่ถึงขั้นแฟน
เธอกับเขาไม่เคยตกลงเป็นแฟนกัน
“พี่ขอโทษครับ ถ้าน้องสีดาไม่ชอบพี่จะไม่พูดอีก อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่สัญญาต่อไปจะไม่พูดอีก”
“ไม่ใช่แค่ไม่พูดค่ะ แต่สีดาอยากให้พี่ตรัยเข้าใจด้วยว่าเราสองคนเป็นแค่พี่น้องกัน” สีดาเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
“สีดาขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
รู้ว่าตัวเองใจร้าย และรู้ด้วยว่าถ้าเธอใจอ่อนแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น
แน่นอนว่าอาหารมื้อนี้ คงเป็นอาหารมื้อที่กร่อยที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา
ด้านรัญชน์เองก็อดไม่ได้ที่จะแซวเพื่อน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสาเหตุที่ตรัยแนะนำผู้หญิงคนนั้นว่าเป็นแฟนส่วนหนึ่งก็มาจากเพื่อนของตัวเอง
“ไหนว่าไม่สนใจ?”
ก็เล่นไปมองผู้หญิงนิ่งขนาดนั้น ใครบ้างมันจะไม่หวง ถึงจะยังไม่มีสิทธิอย่างน้อยก็ขอกันซีนคนอื่นไว้ก่อน
“อะไร?”
“มึงเล่นมองน้องสีดาตาค้างแบบนั้น ไอ้ตรัยมันก็หวงสิวะ” ไม่ใช่แค่หวงธรรมดา แต่หวงมากด้วย
“กูก็มองปกติ”
“ปกติห่าไร!” คุณหมอหนุ่มมองเพื่อนอย่างไม่เชื่อ “แต่ก็ไม่แปลกว่ะ ผู้หญิงทั้งสวยทั้งน่ารักเป็นกูก็หวง”
รามิลไม่เถียงว่าสีดาเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง ส่วนน่ารักถ้าเป็นลุคที่เขาเจอเมื่อหลายวันก่อนก็น่าจะใช่
ลุคนั้นของเธอไม่ต่างจากเด็กมหา’ลัย
“อาการนอนไม่หลับของมึงเป็นไงบ้าง”
“ดีขึ้น ช่วงนี้กูก็กินบ้างไม่กินบ้าง” หมายถึงยาที่เพื่อนจัดให้ ช่วงแรกเขาก็กินทุกวัน แต่หลังจากที่มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น ได้ออกกำลังกายบ้างในบางวัน ทำให้เขานอนหลับเองโดยไม่ต้องพึ่งยา
“ดีแล้ว ยากลุ่มนั้นกินมากไม่ดี”