หลังจากทำข้อตกลงกันเรียบร้อย แสนก็พาวราลินกลับไปเก็บของที่คอนโด โดยมีเพื่อนๆ ตามมาส่ง ที่โรงแรมด้วยแต่ก็ขึ้นไปบนเพ้นเฮาส์ไม่ได้ เลยได้แต่เดินสำรวจอยู่ที่คาสิโนและผับ
"โห้ว! อย่างหรูกูเคยเห็นแต่ในข่าวว่าที่นี่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไม่คิดว่าจะได้เข้ามาเหยียบแถมจะได้ทำงานที่นี่อีก"
ต้นกล้าพูดขึ้นพร้อมกับตั้งท่าจะถ่ายรูป แต่ก็ถูกชิตขวางไว้ซะก่อน
"ห้ามถ่ายรูป ถ่ายได้เฉพาะโซนอื่น แขกที่นี่ต้องการความเป็นส่วนตัวจำไว้"
"เออใช่ ไอ้กล้าคนที่มาเล่นบางทีก็แอบมาเล่นไม่มีใครอยากให้คนอื่นรู้หรอก"
ดินพูดขึ้น ทำให้กล้าต้องรีบเก็บมือถือลงใส่กางเกง หลังจากเดินดูทุกแผนกแล้ว ก็ถึงห้องทำงานของคนที่เป็นเจ้านาย ชิตพาหนุ่มสาวทั้งสี่คนเดินเข้าไปรายงานตัว ภายในห้องทำงานของนายใหญ่เหมราช
โซฟาตัวยาวเป็นรูปตัว U มีเหล่าเพื่อนๆ ของเหมราชนั่งรวมอยู่ด้วยสองคน เมฆา พยัคย์ศา หรือเมฆเพื่อนที่คบหากับเหมราชมาตั้งแต่มัธยม ส่วนเพื่อนอีกคน กรณ์ณภัทร พิพัฒน์ไพบูลย์พงษ์ นั่งอยู่ฝั่งขวา ทุกคนต่างหันมายังเด็กหนุ่มสาวที่ก้าวเดินเข้ามาในห้อง
"มากันแล้วเหรอ เป็นไงคิดว่าไหวไหม"
เหมราชถามคนที่นั่งตัวติดกับเพื่อน แม้จะรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ต้องนิ่งไว้ เขาจะไม่ทำให้อีกคนรู้ตัวว่าเขาจ้องจะกินเธออยู่
"ได้ค่ะ ดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร ถ้ามีก็ตามแก้เอาก็น่าจะได้"
วราลินตอบออกไปพร้อมกับยิ้มน่ารักส่งให้เจ้านายเธอ ทำเอาณภัทรถึงกับอึ้งกับรอยยิ้มนี้ เขาเลยรีบทักทายคนตัวเล็กทันที
"พี่ชื่อณภัทรนะครับ แล้วน้องชื่ออะไร"
"สวัสดีค่ะคุณอาณภัทร วราลินค่ะ เรียกรินก็ได้ค่ะ"
กรณ์ณภัทรหน้าถอดสีทันทีที่ถูกเรียกแบบนี้ ส่วนเพื่อนอีกสองคนกลับนั่งขำอยู่เงียบๆ เหมราชยกยิ้มอย่างพอใจ ที่วราลินเรียกเพื่อนเขาเหมือนที่เรียกตัวเอง เพราะนั่นหมายถึงเธอเองก็ไม่ได้สนใจเพื่อนเขาเช่นกัน
"แล้วพวกนายล่ะ จะไม่แนะนำตัวเองหน่อยเหรอ"
เมฆหันมาถามคนที่นั่งอยู่ข้างเขา
"ผม ดินส่วนนี้ไอ้กล้า และนั่นนทีครับ เราเป็นเพื่อนรินตั้งแต่ประถม พึ่งกลับมาเจอกันอีกทีเมื่อสามปีที่แล้ว"
"หมายความว่าเป็นเพื่อนกันนานแล้วอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมถึงพึ่งมาเจอกันล่ะ หรือว่าเรียนคนละที่"
ณภัทรถามขึ้นอย่างสงสัย ต้นกล้าเลยเล่าให้ฟังพร้อมกับดื่มไปด้วย
"รินมันย้ายตามแม่ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่ ม.สี่แล้วครับ พึ่งกลับมาตอนเรียนมหาลัยนี่แหละ"
"แบบนี้เองเหรอ แล้วรินมีแฟนหรือยังครับ"
ณภัทรยังไม่หยุดที่จะขายขนมจีบใส่ผู้หญิงคนเดียวในห้อง ทำให้เหมราชถึงกับส่งเสียงออกมาทันที
"อ่ะแฮ่ม!"
ทุกคนต่างมองไปยังที่มาของเสียง เหมราชเลยต้องแกล้งพูดขึ้น
"สาวๆ มานั่นแล้ว อย่ามายุ่งกับพนักงานกู"
ณภัทรยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าเพื่อนตัวเองกำลังหวงก้าง วราลินเห็นว่ามีสาวๆ เข้ามาเลยขอตัวออกจากห้องไป ทิ้งให้พวกเพื่อนนั่งอยู่ในห้องดื่มกินกับเจ้านายที่อนุญาตให้อยู่ต่อได้ มีเพียงต้นกล้าที่เดินตามออกมา
"เป็นไรมึงตกลงคิดจะทำงานที่นี่จริงๆ ใช่ไหม"
"อืม ไม่ทำจะเอาไรกินล่ะ ดีที่กูฉลาดก่อนมาไทยเอาบัตรไปรูดทองไว้หลายบาท ก่อนที่คุณแม่จะตัดกูออกจากกองมรดก ไม่งั้นตายแน่"
สองหนุ่มสาวออกมายืนที่ระเบียง วราลินหันหน้าออกด้านนอก ส่วนต้นกล้าก็ยืนพิงระเบียงหันเข้ามาด้านใน วราลินเอนหัวซบลงที่ไหล่เพื่อน
"ใครจะปล่อยให้มึงอดตาย ยังมีกูอยู่ทั้งคน"
วราลินยิ้มออกมา เธอรู้ดีว่าเพื่อนทั้งสามไม่ยอมให้เธออดตายหรอก ยิ่งเป็นต้นกล้าด้วยแล้ว มันแทบจะยอมถวายชีวิตให้ด้วยซ้ำ
เพราะตอนเด็กวราลินเคยช่วยชีวิตจากการจมน้ำ ถ้านับเรื่องจูบทั้งคู่ก็เป็นจูบแรกของกันและกันเลยด้วย เพราะวราลินผายปอดให้ต้นกล้าจนฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
"ขอบใจนะมึง แล้วไม่เข้าไปสนุกกับไอ้สองตัวนั้นเหรอ สาวๆ มีแต่สวยๆ"
"ไม่เห็นมีใครสวยสู้มึงได้สักคน"
"อึยย นี่มึงชมกู ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดว่ามึงชอบกูแหละ"
"เออ ก็ไม่แน่นะถ้ากูเปลี่ยนรสนิยม ฮ่าฮ่า"
วราลินมองหน้าเพื่อนที่หัวเราะชอบใจออกมา เธอรู้ว่าต้นกล้าชอบผู้ชาย แต่เธอไม่รู้ว่าเพื่อนจะรู้หรือเปล่าว่าดินชอบเขา ทั้งคู่ต่างก็ไม่เคยแสดงท่าทีให้อีกฝ่ายรู้ ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่แสนก็เดินเข้ามาหาทั้งคู่
"คุณรินครับนายเรียกให้ไปพบที่ห้องครับ"
"ห้องไหนคะ" วราลินถามออกไป เพราะจู่ๆ มาตามเธอทั้งที่กำลังอี๋อ๋อกับสาวเนี่ยนะ
"ตามผมมาครับนายรออยู่ ส่วนต้นกล้านายก็เข้าไปดื่มกับเพื่อนหรือจะกลับเลยก็ได้นะ"
แสนหันมาบอกคนที่ยืนทำหน้างงอยู่ วราลินเดินตามแสนไปจนเข้าลิฟท์ เธออดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่ไม่ได้เข้าลิฟท์ที่ขึ้นไปยังห้องพัก
"ไม่ได้กลับห้องด้านบนเหรอคะ"
"เปล่าครับ นายให้ไปที่ห้องที่นายใช้ปลดปล่อย"
"อ่อ ห๊ะ! ห้องที่ใช้ปลดปล่อย แล้วพารินไปทำไมคะจะปลดปล่อยกับรินเหรอ"
แสนชัยถึงกับหัวเราะออกมาจนลั่นลิฟท์ วราลินได้แต่ยืนขมวดคิ้วกับท่าทางของอีกคน
"ไม่ใช่หรอกครับ นายแค่อยากให้คุณจำไว้ว่าห้องไหนที่นายใช้ไว้ทำเรื่องนี้ เผื่อพวกผมไม่ว่างคุณรินก็ทำหน้าที่แทน"
"อ๋อ แบบนี้เองแต่ทำไมต้องเป็นรินล่ะคะ"
"อันนี้คุณรินต้องถามนายดูเองนะครับ ถึงแล้วครับชั้นเจ็ดตามมาครับ"
แสนชัยพาวราลินมาหยุดที่หน้าห้องที่ดูจะใหญ่เป็นพิเศษ ด้านหน้ามีเก้าอี้ตัวหนานุ่มหนึ่งตัว คงมีไว้ให้ลูกน้องเฝ้าหน้าห้องนั่นแหละ
"นายอยู่ด้านใน แต่ยังเข้าไปตอนนี้ไม่ได้ นั่งรออยู่ตรงนี้นะครับ ถ้าผู้หญิงออกมาก็เอาซองนี้ให้เธอ แล้วเดี๋ยวนายจะเรียกคุณรินอีกที"
วราลินรับซองมาถือในมือมันหนาพอดูทีเดียว ก่อนที่จะเงยหน้ามองคนที่ยิ้มให้อย่างเอ็นดู เธอยิ้มแห้งพร้อมกับถามขึ้น
"เอาจริงเหรอคะ แล้วเสียงมันดังออกมาไหม"
"ไม่เท่าไหร่ครับแล้วแต่ว่านายจะถูกใจแค่ไหน ผมต้องไปทำงานต่อแล้ว เสร็จจากตรงนี้คุณรินก็ขึ้นไปพักได้เลยนะครับ พรุ่งนี้ยังมีเรียนอีกไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ค่ะ ขอบคุณนะคะ ไม่ได้พกหูฟังมาด้วยสิ พี่แสนพอจะมีไหมคะ"
"ไม่มีครับ ทนเอาสักวันนะครับ ผมไปล่ะ"
วราลินมองตามร่างสูงที่เดินเข้าลิฟท์ไปแล้ว ในใจก็ลุ้นระทึกว่าจะได้ยินอะไรต่อจากนี้หรือเปล่า มือเล็กที่กำซองอยู่คิดในใจว่าในนี้คงไม่ต่ำกว่าหมื่นแน่
"อืม คืนเดียวได้เป็นหมื่น เราทั้งเดือนสองหมื่นเอง เห้อ!"
วราลินนั่งพิงเก้าอี้อย่างใจจดใจจ่อ ภาวนาขออย่าให้เสียงเล็ดลอดออกมา แต่เหมือนพระลงโทษคำขอเธอไม่เป็นผล
"อ๊าา คุณเหมอื้ออ แรงๆ ค่ะ อ๊าา นุตาเสียว"
วราลินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ไม่คิดว่าจะต้องมานั่งฟังอะไรแบบนี้เลยในชีวิต นานนับชั่วโมงที่วราลินเดินไปเดินมา พร้อมกับเปิดเพลงจนสุดลำโพงในมือถือ เก้าอี้ที่มีให้นั่งเธอก็ไม่นั่ง แต่ไปนั่งคุดคู้หรือยืนบ้างในอีกมุมที่ห่างออกมา
จนดูเหมือนเสียงในห้องจะเงียบไปแล้ว วราลินเลยเดินย่องกลับมาที่หน้าห้องพร้อมกับนั่งรอดูว่าจะมีใครออกมาหรือเปล่า และไม่นานเกินรอสาวสวยเซ็กซี่ก็เปิดประตูออกมา วราลินยื่นซองให้ผู้หญิงตรงหน้าทันที
"นี่เธอเป็นใครน่ะ มาทำหน้าที่แทนคุณแสนเหรอ"
"มีอะไรได้เงินแล้วก็ไปสิ มายุ่งอะไรกับพนักงานฉัน ไปซะ!"
วราลินยืนนิ่งเพราะไม่คิดว่าเหมราชจะดุคนที่ตนพึ่งทำรักไปหมาดๆ สาวสวยรีบเดินออกไปทันที เหมราชยกยิ้มจ้องคนที่ยังคงมองไปที่ลิฟต์ มือก็ค้ำอยู่หน้าประตู อีกข้างจับลูกบิดไว้ วราลินหันกลับมาหาคนที่ยืนมองอยู่
ใบหน้าของหญิงสาวเห่อร้อนขึ้นมาทันที เพราะคนตัวโตมีเพียงผ้าขนหนูที่ผูกไว้อย่างหมิ่นเหม่ ไรขนขึ้นเป็นแพยาวลงมามันสะกดสายตาเธอได้ไม่ยาก จนลืมมองหน้าอีกคนที่ยิ้มร้ายมองอยู่
"จ้องขนาดนี้ฉันชักกลัวแล้วสิ"
"คะ ใครจ้องอะไรคุณอาแต่งตัวไม่เรียบร้อยเอง มีตาก็ต้องมองไหมล่ะอาหารตาทั้งนั้น เจอผู้หญิงนุ่งแค่ผ้าขนหนูคุณอาจะไม่มองหรือไง"
วราลินเถียงไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทำให้เหมราชอดที่จะขำไม่ได้ แต่เขาก็ยังพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบ ที่ทำเอาวราลินหน้าแดง
"มองสิเป็นใครจะไม่มอง ขนาดถอดเองกับมือยังมองอยู่ตั้งนาน"
วราลินถลึงตาใส่อีกคนทันที
"พอเลยจะพูดทำไมเนี่ย ตกลงมีอะไรอีกไหมคะรินจะขึ้นห้อง"
"ไม่มีแล้วบอกแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องก็พอ เผื่อฉันมีอารมณ์อีก"
เหมราชพูดขึ้นเพื่อกวนอีกคนเท่านั้น เพราะอันที่จริงเขาให้วราลินมานั่งที่นี่เพราะจะได้เห็นหน้าตอนที่เขากำลังทำเรื่องนี้อยู่ ยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งมีอารมณ์จนเขาเริ่มคิดว่าตัวเองเป็นโรคจิตไปแล้ว
"รินทำความสะอาดให้ก็ได้ค่ะ"
"ไม่ต้องบอกแล้วไงว่าหน้าที่มีอะไรบ้าง ไปได้แล้วฉันจะไปตรวจงานสักพักก็จะขึ้นห้องเหมือนกัน ฉันตื่น 9 โมงเช้าถ้ามีเรียนก็ไม่ต้องทำอาหารไปเรียนได้เลย"
"ค่ะ งั้นรินขึ้นห้องเลยนะคะ"
เหมราชเพียงแต่พยักหน้าเท่านั้น เขาจะให้เธอเข้าห้องได้ไง ในเมื่อทีวีที่เชื่อมต่อกล้องหน้าห้องยังเปิดอยู่ ตอนที่เห็นวราลินเดินไปมาเขาหงุดหงิดไม่น้อย เพราะเห็นหน้าอีกคนไม่ชัด
"ทำไมตั้งแต่เจอเธอฉันถึงดูโรคจิตแบบนี้นะ"
เหมราชพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินกลับห้องไปจัดการตัวเองแล้วกลับออกมา ในหัวก็คิดหาวิธีที่จะทำให้คนตัวเล็กตกหลุมพลาง เข้ามาใกล้ตัวเองทีละนิด โดยที่ไม่รู้ว่าคนที่กำลังจะตกหลุมกลับเป็นเขาเองต่างหาก
เพราะวราลินไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด ด้วยความที่เติมโตมาทามกลางความเปลี่ยนแปลงของใจคน ตอนที่พ่ออยู่ก็เจ้าชู้ประตูดิน แต่ยังดีที่พ่อไม่เคยลืมเธอ ส่วนแม่พอพ่อตายก็รีบแต่งงานใหม่ ให้เหตุผลเพียงว่าต้องหาคนเลี้ยงดู
เธอเลยเบื่อหน่ายและหนีมาที่นี่ ยังดีที่มีเงินฝากของพ่อที่ฝากไว้ให้ และสามารถถอนได้ตอนอายุ 18 เธอเลยหนีกลับมาที่นี่โดยไม่บอกใคร เธอคิดว่าแม่เธอน่าจะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน แต่เพราะคงไม่อยากบังคับเรื่องแต่งงาน ถึงได้ปล่อยให้ใช้ชีวิตลำพังแบบนี้
"ก็สนุกดีนะ ที่ที่อันตรายที่สุด น่าจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุด แม่คงคิดไม่ถึงว่าเราจะอยู่ในความปกครองของอาเหม อาบน้ำนอนดีกว่า"
วราลินเปลี่ยนชื่อและนามสกุลโดยใช้นามสกุลของคุณย่าแทน สิ่งสำคัญที่ทำให้วราลินหนีมาก็คือ การบังคับให้เธอแต่งงานกับลูกชายของคู่ค้าบริษัทพ่อเลี้ยง
เป็นสิ่งที่วราลินรับไม่ได้ เธอไม่อยากเป็นเหมือนแม่ที่แต่งงานเพราะเงิน และยังต้องกลายเป็นเมียรองของผู้ชายเจ้าชู้อีก