ไม่ทันที่ลันล์ลลิตจะได้เดินไปไหนไกล ร่างสูงก็เปิดประตูห้องทำงานเดินตามออกไปติด ๆ
"ไม่ต้องกลับหรอก อยู่ที่นี่แหละ ตอนเย็นต้องไปงานเลี้ยงต่อด้วยกัน เดี๋ยวเสร็จงานจะพาไปหาซื้อชุดแล้วก็ไปเลย"
สองสามีภรรยาออกมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเลขาหน้าห้อง ญาดาได้แต่มองจ้องหน้าคนทั้งคู่ด้วยความไม่พอใจ
ลันล์ลลิตหันกลับไปมองจ้องหน้าสามีอีกครั้ง พยายามขับไล่ไม่ให้หยาดน้ำตามันรินไหลออกมาให้ใครได้เห็น
"เดี๋ยวลันล์ไปเองค่ะ ถึงเวลานัดลันล์ไม่ลืมหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น"
ร่างสูงของคณาภัทรเดินเข้าไปใกล้กับภรรยาพร้อมกับโอบกอดรอบเอวภรรยาสาวเอาไว้เล็กน้อย เพราะนอกจากเลขาที่อยู่หน้าห้อง ก็ยังมีคนอื่น ๆ อีกมากมายที่นั่งทำงานกันอยู่ การละครเป็นหนึ่งก็เห็นจะเป็นคณาภัทรที่ไม่อยากให้ใครล่วงรู้ถึงปัญหาภายในที่เกิดขึ้น
แม้ว่าญาดาจะรับรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาก็เถอะ แต่หญิงสาวก็ไม่มีสิทธิ์พูดให้คนอื่นได้รับรู้ เพราะคำสั่งของเขาสำคัญยิ่งกว่าอะไร ถ้าเธอไม่เชื่อฟังหรือทำไม่ได้ความสัมพันธ์ของเธอและเขาก็ต้องจบสิ้นลง แล้วใครจะกล้าแลกกับสิ่งนั้นที่จะตามมากัน
"อย่างอนได้ไหมครับ ขอโทษเมื่อกี้พูดแรงไปหน่อย กลับเข้าห้องด้วยกันเถอะนะ เห็นไหมพนักงานทุกคนเขามองจ้องมาเป็นตาเดียวกันหมดแล้ว"
ลันล์ลลิตหันไปมองตามที่สามีบอกกล่าว สายตานับ 10 คู่จ้องมองมาที่พวกเธอเป็นตาเดียวกันทั้งหมดเลย ก่อนที่หญิงสาวจะหันกลับไปมองจ้องหน้าสามี เขากำลังส่งยิ้มให้เล็กน้อย มองสบตากับเธอ อ้อมแขนของเขากำลังโอบรอบเอวเธอเอาไว้ เป็นความรู้สึกดีที่ชวนให้หัวใจเต้นแรงได้เสมอ แต่รู้ว่าสิ่งที่เขาแสดงออกอยู่ในตอนนี้ก็เพราะกำลังเล่นละครตบตาคนอื่นอยู่ เพียงเพราะไม่อยากให้เธอต้องกลับบ้าน กลัวว่าเธอจะไม่ไปงานเลี้ยงด้วยคืนนี้แน่ ๆ เลยสินะ
ใบหน้าหล่อก้มลงไปใกล้พร้อมกับเสียงกระซิบข้างหูเบา ๆ
"อย่าทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม ฉันบอกให้เดินเข้าไปในห้องด้วยกันก็ทำตามสิลันล์ลลิต!"
ลันล์ลลิตหันไปมองหน้าเลขาของสามี ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองหน้าเธอไม่พอใจจนเห็นได้ชัด พอได้ทีลันล์ลลิตก็โอบรอบเอวของสามีบ้าง พร้อมกับแนบใบหน้าลงบนอกแกร่ง แสดงให้อีกคนได้เห็นว่าถึงอย่างไรเธอก็สำคัญกับชายหนุ่มมากกว่าอยู่ดี ก่อนที่คนทั้งคู่จะพากันเดินกลับเข้าไปภายในห้องทำงานอีกครั้ง เสียงซุบซิบนินทาลับหลังจากเหล่าพนักงานก็มีมาให้ได้ยิน
"เขาทะเลาะอะไรกันนะ ดูท่านประธานสิง้อเมียได้น่ารักเว่อร์ ทำเอาคนโสดแบบฉันเขินแทนคุณลันล์เลยอ่ะแก!"
"เขาสองคนเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกแหนะ เมื่อไหร่เขาสองคนจะมีลูกด้วยกันนะ ฉันอยากเห็นหน้าเด็กน้อยที่จะเกิดมาโชคดีคนนั้นจังเลยอ่ะฟ้าใส" พนักงานอีกคนพูดขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ชวนให้ตื่นเต้นตามไปด้วย
"งอนกันแบบนี้ เดี๋ยวท่านประธานก็ง้อเมียหนักแน่ ๆ เลยอ่ะแก คงมีลูกหัวปีท้ายปีเร็ว ๆ นี้แหละฉันว่า น่ารักอ่า มองกี่ครั้งก็น่ารัก เป็นคู่ที่เหมาะสมมาก เหมาะสมยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกอีก เหมาะกว่าคนแถวนี้ที่พยายามอ่อยทั้งที่รู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว แต่ก็ไม่เจียมตัวอ่ะนะ"
เสียงของเหล่าพนักงานที่พูดคุยกันอยู่ ญาดาที่ได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ไหนคณาภัทรบอกกับเธอว่าไม่ได้สนใจเมียแต่งมากมายเท่าไหร่นัก แต่ดูทีท่าที่แสดงออกก็เหมือนจะแคร์กันมากอยู่เหมือนกัน ยิ่งได้ยินพนักงานพูดถึงเรื่องลูก ก็ยิ่งรู้สึกเคืองหูเข้าไปใหญ่ แต่คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้แน่ ๆ เพราะเธอเองก็คอยเอาอกเอาใจเขา ทำให้เขาเหนื่อยเพลียจนไม่มีแรงที่จะกลับไปทำอะไรกับคนที่บ้านได้แบบนั้นและมั่นใจว่าตัวเองเด็ดมากพอ มีอะไรดีมากกว่าลันล์ลลิตหลายเท่า ถ้าใครจะท้องคนนั้นมันต้องเป็นเธอสิไม่ใช่ลันล์ลลิตอย่างแน่นอน!!!
งานเลี้ยง
ตั้งแต่ทะเลาะกันมา ลันล์ลลิตก็พยายามปั้นหน้าฝืนยิ้มตลอดเวลา ตอนนี้มาอยู่ภายในงานเลี้ยงที่มีแต่แขกคนรู้จักของครอบครัวยิ่งแสดงอาการอะไรออกมาไม่ได้
"เมื่อไหร่จะกลับกันสักทีคะ ลันล์ขี้เกียจปั้นหน้าแล้วนะ"
อ้อมแขนของสามีหนุ่มยังคงโอบกระชับรอบเอวบางเข้ามาแนบชิด แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตลอดเวลา เพื่อให้ทุกคนในงานเห็นว่าเขาและภรรยามีความสุขและรักกันมากมายเหลือเกิน ใบหน้าหล่อจึงโน้มลงไปใกล้ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ข้าง ๆ ใบหู
"อีกสักพัก ฉันต้องรอคุยธุระสำคัญกับลูกค้าคนสำคัญก่อน"
"แล้วทำไมไม่ให้ลันล์กลับก่อนคะพี่ก็อยู่คุยไปสิ"
"บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ เพราะที่ทำอยู่ตอนนี้ก็เพื่อธุรกิจของครอบครัวเรา แค่เล่นละครตบตาคนอื่นมันจะไปยากอะไร"
"แต่ลันล์ไม่ใช่พี่นะคะ ที่จะยืนยิ้มปั้นหน้าได้อย่างไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่แต่ละคำที่พี่พูดกับลันล์ออกมาวันนี้มันบาดลึกไปทั้งหัวใจของลันล์แล้วรู้หรือเปล่า!"
เสียงต่อว่ากันไปมาเบา ๆ ดังขึ้นให้ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น แต่ลันล์ลลิตกลับทำอะไรไม่ได้ เพราะยิ่งขยับตัวให้ออกห่างเขาก็ยิ่งโอบรัดรอบเอวบางแรงขึ้นกว่าเดิม
"หยุดบ่นสักทีเถอะ ทำตามที่ฉันต้องการมันง่ายกว่าไหม ถ้าอยากชวนทะเลาะกลับถึงบ้านก่อนแล้วค่อยพูด ตอนนี้ยิ้มเข้าไว้ ฝืนก็ต้องทนยิ้ม ขนาดฉันต้องแต่งงานกับเธอฉันยังต้องฝืนทนเหมือนกัน"
กว่าจะผ่านไปได้แต่ละนาทีของงานเลี้ยง ทำเอาคนที่ไม่ชอบออกงานสังคมเป็นทุนเดิมอยู่แล้วรู้สึกเบื่อหน่าย ไหนจะต้องปั้นหน้ายิ้ม ไหนจะต้องดื่มแอลกอฮอล์ที่เวลามีคนมาชักชวนให้ดื่มอีก
"ดื่มไม่เป็นยังอยากจะดื่มทุกแก้วที่มีคนเอามาให้ จะบ้าหรือเปล่าฮะ!"
เสียงบ่นให้ในขณะที่เดินตามทางเดินที่กำลังพยุงตัวให้คนเมาได้เดินกลับไปขึ้นรถ สภาพของหญิงสาวชวนให้ต้องส่ายหน้าให้หลายต่อหลายครั้ง
"ดื่มแก้เบื่อไงคะ เบื่อทั้งงาน เบื่อทั้งผัว ไม่มีอะไรได้เรื่อง ไม่มีอะไรได้ใจเลยสักอย่าง" เสียงลากยานของคนเมาตอบกลับ พร้อมกับสภาพที่เดินแทบไม่ไหว กลับผลักไสไม่ให้อีกคนต้องพยุงตัวเองให้เดิน
"ไปไกล ๆ เลยไอ้ผู้ชายเฮงซวย!"
"เออ!! ปากเก่งปากดีนัก งั้นก็หาทางกลับเองเลยก็แล้วกัน อย่าหาว่าฉันใจร้ายนะลันล์ลลิต!"
"ต่อหน้าคนอื่นก็ทำเป็นคนดี ทั้งที่ลับหลังก็เหมือนซาตานไม่มีหัวใจ ลันล์ไม่น่ามาแต่งงานกับพี่เลย ลันล์ไม่น่าตกหลุมรักผู้ชายแบบพี่เลย อย่าให้ลันต์ได้หลุดพ้นนะ ลันล์จะไม่มีวันหวนกลับคืน"
"คิดว่าเธออยากเลิก อยากหย่าคนเดียวงั้นสิ ถ้ามันทำได้ เธอคิดว่าฉันจะทนอยู่แบบนี้หรือยังไงฮะลินล์!"
ฝ่ามือหนาใหญ่จับเข้าที่ต้นแขนของหญิงสาวอย่างแรง ดวงตาคมจับจ้องมองหน้าด้วยแววตาที่โกรธจัด แม้จะทะเลาะเบาะแว้งกันแทบจะเป็นกิจวัตรประจำวันของชีวิตไปแล้วก็ตามแต่
"ฮึก ฮืออ ลันล์ไม่ดีตรงไหนนะ ลันล์รักพี่ ทำไมลันล์ต้องรักผู้ชายแบบนี้"
ตุบตับ ๆ ๆ
เสียงกำปั้นน้อย ๆ พยายามทุบอกแกร่งของเขาหลายต่อหลายที อาการเมามายที่แทบจะคุยไม่รู้เรื่องทำให้คณาภัทรอยากเดินออกจากตรงนั้นไปให้ไว
"คุณภัทร ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่าครับนั่น" เสียงเพื่อนนักธุรกิจก็ดังขึ้น ทำให้เขาต้องหันหน้าไปมองและยิ้มกว้าง พร้อมกับเข้าไปช่วยโอบกอดภรรยาเอาไว้อีกครั้ง
"ลันล์เมาครับ เมาแล้วไม่อยากกลับบ้าน เลยโมโหที่ผมจะพากลับเร็ว คุณวิบูลย์จะกลับแล้วเหรอครับเนี่ย?"
"ครับ พอดีพรุ่งนี่ผมต้องเดินทางไปฮ่องกงแต่เช้า งั้นผมไม่รบกวนคุณสองคนแล้วนะครับ เชิญตามสบายเลย"
เมื่อตรงนั้นเหลือเพียงคณาภัทรและภรรยาอีกครั้ง คนที่โวยวายเมื่อครู่นี้เงียบจนไม่ปกติ แต่พอหันไปมองหญิงสาวกลับนอนคอพับคออ่อนหลับไปแล้วเสียงั้น สุดท้ายคณาภัทรก็ต้องอุ้มพาภรรยากลับไปขึ้นรถโดยเร็ว เป็นทั้งภาระและหน้าที่เขาจะปฏิเสธอะไรได้