บ่ายของวันเดียวกัน คณาภัทรโดนเรียกตัวกลับมาที่บ้านใหญ่เป็นการด่วน ไม่ทันที่จะได้นั่งลงบนโซฟา หูเขาก็แทบจะขาดออกจากกัน
"โอ้ยแม่ครับ ทำอะไรผมเจ็บนะ!"
"เจ็บเหรอฮะ ฉันทำแค่นี้มันยังน้อยไปนะภัทร แกรู้หรือเปล่าว่าวันนี้ผู้หญิงคนนั้น มันมาแหกปากอยู่หน้าบ้านชวนให้ฉันอับอายผู้คนมากแค่ไหน ฉันบอกให้แกเลิกยุ่งกับมัน ทำไมแกถึงไม่เลิก!!"
คุณหญิงอมรรัตน์สะบัดแขนออกจากลูกชายสุดแรงทำเอาหูของคณาภัทรแทบจะหลุดออกจากกัน ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบใบหูเพื่อบรรเทาอาการเจ็บแสบ จ้องมองใบหน้าของมารดาที่แลดูโกรธเคืองเขามากอยู่เหมือนกัน
"แม่หมายถึงดาเหรอครับ เขามาหาแม่แล้วงั้นสิ?"
"เออ!!! เพราะมันมาที่นี่ไงฉันถึงได้รู้ว่าแกยังไปยุ่งเกี่ยวกับมันอยู่ไม่เลิก! แกทำแบบนั้นทำไมฮะภัทร แกแต่งงานมีเมียแล้วนะ หนูลันล์เขาออกจะดีเพียบพร้อมมากขนาดนั้น ถ้าเขารู้เรื่องนี้เข้าแกว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่มากแค่ไหนฮะ?"
คณาภัทรเดินไปนั่งลงบนโซฟา สีหน้าที่เคร่งขรึมแลดูเครียดหนักไม่ต่างจากมารดาเลยในตอนนี้
"แล้วแม่จะให้ผมทำยังไงครับ ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลยนะ ผมเคยรักดาก็จริง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้นแล้ว แต่ผมทิ้งเขาไม่ได้ไงครับแม่ เมื่อเช้าผมทะเลาะกับเขาเพราะผมคิดว่าผมจะให้เขาเอาเด็กออก"
"ใช่! นั่นมันเป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้แกรอด แกจะให้เด็กคนหนึ่งเกิดมาทำให้แกอับอายขายหน้า ทำให้แกเสียอนาคตดี ๆ ไปไม่ได้หรอกนะภัทร ผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรดีสักอย่าง แกควรจะเลิกยุ่งตั้งแต่วันที่แกตัดสินใจแต่งงานกับหนูลันล์แล้ว แล้วทำไมแกถึงยุ่งกับมันมาจนถึงทุกวันนี้ฮะ ในสมองแกมันคิดอะไรอยู่ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ฉันอุตส่าห์หาคนที่ดีพร้อมและเพียบพร้อมมาให้ ทำไมแกทำตัวแบบนี้ ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าแม่นั่นมันจะท้องเพื่อจับแกสักวัน แล้วตอนนี้มันเป็นยังไงฮะมันเป็นยังไง!"
เสียงต่อว่าด่าทอจากปากของมารดา ทำเอาคณาภัทรถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดหูของตัวเองทั้งสองข้างเอาไว้ เพราะทุกครั้งที่มารดาบ่นเขารู้ดีว่าคำด่าทอก็จะดังขึ้นอีกนานหลายสิบนาทีเลย
"คุณรัตน์ คุณเลิกพูดสักทีเถอะผมเองก็หนวกหูจะแย่อยู่แล้ว บ่นไปมันก็แค่นั้นแหละ คุณก็รู้ว่าลูกชายคุณเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา มันเคยฟังซะที่ไหนกัน" คุณไพศาลบอกกับภรรยา เพราะตัวเองก็ทนนั่งฟังภรรยาบ่นลูกชายไม่ไหว ไม่ได้เข้าข้างลูกแต่ก็ไม่ได้เข้าข้างภรรยาด้วยเหมือนกัน
"แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูหนูลันล์เข้าล่ะ มันจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมากแค่ไหนกัน ฉันละไม่อยากจะคิดต้องผิดใจกับบ้านนั้นใหญ่โตแน่ ๆ"
"จริง ๆ ลันล์เขาก็รู้เรื่องผมกับดานะครับแม่"
"อะไรนะ!" ทั้งพ่อและแม่ต่างถามขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน ตกใจกับคำบอกกล่าวนั้นของลูกชายที่ได้พูดออกมาเมื่อครู่นี้
"แล้วหนูลันล์เขาก็ไม่ว่าอะไรแกเลยงั้นเหรอภัทร?" คุณไพศาลถามลูกชายขึ้นอีกครั้ง
"เขาก็มีบ่น มีขอร้องให้ผมเลิกยุ่งกับดานั่นแหละครับพ่อ แต่ผมทำไม่ได้ ยิ่งตอนนี้มีเรื่องลูกในท้องเข้ามาเกี่ยวข้องผมยิ่งตีตัวห่างออกมายากขึ้นกว่าเดิมอีก ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดที่จะลดความสัมพันธ์กับดาลงนะพ่อ แต่ก็อย่างที่พ่อเห็นว่ามันมีเรื่องให้ผมต้องลำบากใจ ถ้าเขาเอาเรื่องนี้ไปบอกพวกนักข่าวล่ะ มันก็ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วเราต้องทำยังไงกันดีครับ?"
"ฉันกลัวมันจะไปถึงหูหนูลันล์ก่อนน่ะสิ คนพรรค์นั้นมันอยากเอาชนะจะตาย ทำไมแกไม่เคยเชื่อฟังฉันเลยฮะ ว่าแม่ผู้หญิงคนนี้มันไม่เหมาะสมกับแก มีแต่จะพาแกล่มจมไปหน้าน่ะสิไม่ว่า ถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อกับแม่ของหนูลันล์เข้า โปรเจกต์พันล้านที่เพิ่งผ่านที่ประชุมไปมันจะยังไงกันต่อฮะ บรรลัยกันไปหมดแล้ว แกก็รู้ว่าลำพังบ้านเราเราไม่ได้มีเงินมากพอพี่จะไปต่อยอดธุรกิจได้มากขนาดนั้น"
"ลันล์เขาไม่พูดหรอกครับแม่ ถ้าเขาจะพูดเขาพูดไปนานแล้ว เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมาผมก็ไม่เคยดีกับเขาเลยสักวัน"
"แล้วทำไมแกไม่ดี ทำไมแกไม่คิดจะรัก ทำไมต้องไปหลงแม่นั่นหัวปักหัวปำไม่มีวันจบสิ้นแบบนี้ด้วยฉันไม่เข้าใจ!"
"ความรู้สึกผมมันก็เริ่มเปลี่ยนนะแม่ มันไม่ใช่ว่ามันไม่เคยเปลี่ยน ผมอยู่กับเขาผมก็รู้สึกผูกพันด้วย แม้มันจะไม่ได้รักเต็มหัวใจ แต่ผมก็รู้ว่าเขาดีกับผม เขารักผม ผมถึงอยากพยายามที่จะตีตัวออกห่างจากดา เพราะหัวใจผมมันรู้สึกไม่เหมือนเดิม ผมรู้แค่นี้เลย"
คุณไพศาลและคุณอมรรัตน์หันไปมองหน้ากันและกันอีกครั้ง ต่างคนก็ต่างมีสีหน้าที่เคร่งเครียด คิดหนักและว้าวุ่นกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าครอบครัวของลันล์ลลิตจะล่วงรู้ถึงปัญหานี้ แม้ว่าลูกสะใภ้จะไม่พูดไม่อยากมีปัญหาและเห็นแก่สามี แต่สำหรับบิดามารดาของลันล์ลลิตด้วยแล้วฝ่ายนั้นก็คงจะไม่ยอมให้ลูกสาวต้องกลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาสามีแบบนี้แน่ ๆ
"ฉันว่าแกควรเอาเงินฟาดหัวแม่นั่น ให้มันออกไปจากชีวิตของแกจริง ๆ จัง ๆ สักที" คุณไพศาลเสนอทางออกของปัญหานี้ขึ้นอีกครั้ง
"แต่ดาเขาไม่ได้เห็นแก่เงินขนาดนั้นนะครับพ่อ"
"ไม่ได้เห็นแก่เงินขนาดนั้น หรือเงินที่แกให้มันไม่มากพอที่จะซื้อแม่นั่นต่างหาก?" คุณอมรรัตน์ถามลูกชายกลับ ทั้งลูกชายและสามีต่างมองจ้องหน้านางอย่างพร้อมเพรียงกัน
"เสนอมันไปสิสัก 10 ล้าน ขี้คร้านมันจะรีบรับ ถ้าแกไม่กล้าทำร้ายเด็ก บอกให้มันหนีไปคลอดที่ไหนก็ได้ ถ้ามันอยากจะเก็บเด็กไว้ก็ให้มันเก็บไป แต่อย่ามายุ่งวุ่นวายอะไรกับครอบครัวเราอีก ถ้าแกมั่นใจว่าเด็กคนนั้นมันเป็นลูกของแกนะ ถ้าแกมั่นใจว่านังญาดานั่นมันท้องจริง ๆ"
"ผมก็ว่าจะพาเข้าไปตรวจเมื่อเช้า แต่ทะเลาะกันก่อนน่ะแม่ มันก็เลยยังไม่ถึงโรงพยาบาล ผมก็เห็นแค่ที่ตรวจครรภ์ที่เขาเอามาให้ผมดูนั่นแหละ แต่ผมอยากเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรยืนยันด้วยเหมือนกัน ถ้ามันจริงผมค่อยจะคิดหาทางออกนี้"
"งั้นก็พามันไปตรวจที่โรงพยาบาลซะ เอาใบรับรองแพทย์มายืนยัน แล้วถามมันให้แน่ใจว่าจะเอายังไงต่อ ถ้าแกไม่กล้าพูดฉันจะเป็นคนจัดการให้เอง หรือว่าแกอยากเลิกกับหนูลันล์?"
"ไม่ครับแม่ ผมไม่ได้อยากเลิกกับลันล์ อย่างที่ผมบอกแม่ไปนั่นแหละว่าผมมีความรู้สึกบางอย่างกับเขาไปแล้ว 2 ปีแล้วนะแม่ผมก็ต้องผูกพันกับเขา อย่างที่แม่บอกนั่นแหละว่าเขาเป็นคนดีแต่ผมแค่มองยังไม่เห็นในตอนนั้น"
"แล้วตอนนี้แกเห็นแล้วว่างั้นเถอะ?"
"ครับ"
สองสามีหันกลับไปมองจ้องหน้ากันอีกครั้ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาให้กันและกันได้เห็น เพราะถ้าลูกชายได้เป็นลูกเขยของบ้านนั้นทุกอย่างก็จะดีตลอดไป ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นปัญหาด้วยกันอีก แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้ให้มันผ่านพ้นไปได้แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
โรงพยาบาล
หลังจากที่ไปโวยวายที่บ้านของคณาภัทรเสร็จ ญาดาก็ถือโอกาสนี้เดินทางมาที่โรงพยาบาล เพื่อทำการตรวจการตั้งครรภ์เอาใบรับรองแพทย์ไปยืนยันกับบิดาและมารดาของคณาภัทร เพราะเธอรู้ดีว่าลำพังเพียงคำพูดของเธอไม่สามารถทำให้พ่อและแม่ของชายหนุ่มเชื่ออะไรได้เลยสักนิด ยิ่งฝ่ายนั้นไม่ชอบหน้าเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แผนกสูติฯ
ฝ่าเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ถึงกับต้องหยุดชะงัก เมื่อสายตาจับจ้องมองไปเห็นหญิงสาวคนที่คุณหน้าคุ้นตากำลังนั่งรอตรวจอยู่ที่หน้าห้องเหมือนกัน ญาดาถึงกับต้องรีบแอบอยู่มุมต้นเสา คำถามที่เธอนึกได้ตอนนี้คือ 'ลันล์ลลิตมาตรวจครรภ์เหมือนกันหรือเปล่าหรือว่ามาทำธุระอย่างอื่นกัน?'
ลันล์ลลิตถูกเรียกให้เข้าไปภายในห้องตรวจก่อน ยิ่งทำให้ญาดาอยากรู้กับสิ่งที่หญิงสาวมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ถ้าหากว่างลันล์ลลิตกำลังตั้งครรภ์อยู่จริง ความฉิบหายของชีวิตเธอก็ยิ่งมาเยือนเร็วกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก ยิ่งตอนนี้คณาภัทรเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ถ้ารู้ว่าภรรยาแต่งกำลังจะมีลูก แล้วเธอล่ะจะกลายเป็นคนไร้ตัวตนมากสักแค่ไหน เธอจะไม่ยอมเป็นคนที่พ่ายแพ้ จะไม่ยอมสูญเสียคณาภัทรไปให้กับลันล์ลลิตอย่างแน่นอน
ไม่ถึง 5 นาทีหลังจากนั้น ลันล์ลลิตก็เดินออกมาจากห้องตรวจด้วยสิหน้าที่ยิ้มแย้มมีความสุขมาก ฝ่ามือเรียวยกขึ้นลูบไล้สัมผัสกับหน้าท้องที่แบนราบของตัวเองไปมาเบา ๆ กระดาษในมือถูกยกขึ้นมองอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนหน้าปรากฏให้เห็น จนคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย...
ญาดาที่กำลังจ้องมองอยู่ได้แต่รู้สึกโกรธเคือง สิ่งที่เธอกำลังหวาดกลัว สิ่งที่เธอหวาดระแวงมาตลอดมันเกิดขึ้นมาจนได้
"คงเป็นของขวัญครบรอบแต่งงาน 2 ปีที่ดีที่สุดเลย ก่อนกลับบ้านเราแวะไปหาซื้อกล่องของขวัญ แล้วก็ทำของเซอร์ไพรส์คุณพ่อกันดีกว่านะคะ"
ลันล์ลลิตพูดขึ้นด้วยหัวใจที่พองโตและมีความสุขมาก แค่คิดถึงสิ่งที่เธอกำลังจะทำ แค่คิดถึงหน้าของสามีที่ต้องรับรู้ข่าวดีนี้ เธอก็อดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ คณาภัทรจะรู้สึกแบบไหนนะ จะดีใจกับของขวัญชิ้นนี้ของเธอหรือเปล่า เพราะเขาบอกว่าถ้ามีจริง ๆ เขาถึงจะให้คำตอบได้ เธอก็จะรอฟังคำตอบนั้นจากปากของเขาเช่นกัน
ลันล์ลลิตเดินผ่านญาดาที่ยืนแอบอยู่ข้างต้นเสาใหญ่ไปอย่างไม่รู้ตัว ลับหลังของหญิงสาวไป ญาดาก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้าที่อาฆาตแค้นอย่างไม่อาจปกปิดเอาไว้เลยในตอนนี้
"แกคิดจะแย่งภัทรไปจากฉันงั้นสิ! แกคิดจะเอาลูกมาผูกมัดเขาไว้งั้นสิ! แกฝันไปเถอะนังลันล์ ฉันจะทำให้แกไม่สมหวังกับสิ่งที่แกหวังเอาไว้ ฉันสาบาน!"