วันต่อมา
“อื้อ~” เสียงในลำคอดังเล็ดลอดออกมาเบาๆ ท่ามกลางแสงแดดยามสายที่ส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องกระทบกับเปลือกตาของคนที่ยังซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ไมอาค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ
เธอขยี้ตาเบาๆ อย่างคนที่ยังไม่ตื่นเต็มที่ อาการปวดศีรษะทำให้เธอรู้ว่าเมื่อคืนดื่มไปไม่น้อย มือเล็กยกขึ้นนวดขมับตัวเองพลางถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาเขี่ยเล่นเหมือนที่ชอบทำเป็นชีวิตประจำวัน
เมื่อคืนเธอมีสติ รู้ว่าธีสิสมาส่งที่คอนโด แต่เธอไม่ได้เก็บมาคิดเพราะเขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับเธอ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เธอเหลือบขึ้นมองข้างบนสุดของหน้าจอแล้วพบว่าเป็นเบอร์ของคุณพ่อที่โทรเข้ามา เธอชะงักลงไปชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย
“ค่ะคุณพ่อ…”
เสียงของเธอเบาลงโดยอัตโนมัติ ความรู้สึกตึงเครียดก่อตัวขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
(แกเตรียมตัวรึยัง)
“ค่ะ หนูเตรียมตัวแล้ว” จริงๆ เธอยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยด้วยซ้ำ “ผู้ชายคนนั้นที่หนูต้องไปเจอเป็นใครคะ”
(แกไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง)
“ทำไมดูเป็นความลับจังเลยคะ”
(เขาไม่ให้ฉันบอกแก และแกก็เลิกเซ้าซี้ได้แล้ว)
“ค่ะ…” เธอตอบเสียงแผ่ว ไม่นานคุณพ่อก็ตัดสายทิ้งอย่างไม่ไยดี เธอยกโทรศัพท์ออกจากหูแล้ววางลงข้างๆ สายตามองเพดานอย่างเลื่อนลอย
นี่เธอ…กำลังถูกยกให้คนอื่นจริงๆ ใช่ไหม
เธอเม้มริมฝีปากแน่น ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับเธอได้ขนาดนี้ ชาติก่อนทำกรรมอะไรไว้นักหนา ชาตินี้ถึงต้องเจออะไรแบบนี้ ทุกครั้งเวลาเรื่องเข้ามาทำให้รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลเธอมักนึกถึงแม่เสมอ ถึงแม้ว่าตอนนี้ท่านจะไม่อยู่แล้วก็ตาม
หยุดคิดเรื่องนี้แล้วลุกดึงตัวเองขึ้นจากเตียงนอน พอหัวไม่อยู่กับหมอนรู้สึกมึนจนอยากอาเจียน เธอรีบพุ่งตรงไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว นั่งเกาะขอบชักโครกปลดปล่อยทุกอย่างที่ถูกดันขึ้นมากองรวมตรงคอหอยออกจนหมด
แฮงก์จนได้…
เธอเดินช้าๆ ไปยังเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเพื่อบ้วนปาก พอเงยหน้าขึ้นจึงมองตัวเองในกระจก คนนี้น่ะเหรอที่ใครต่อใครต่างอิจฉาอยากเกิดมาเป็น ‘ไมอา’ ทุกอย่างมันก็แค่ภาพลักษณ์จอมปลอมที่คุณพ่อยัดเยียดให้เธอดูดีในสายตาคนอื่น หากแต่ในความเป็นจริงทุกอย่างกลับสวนทางโดยสิ้นเชิง
ติ้งต่อง
เสียงออดที่ดังขึ้นทำให้เธอเดินไปส่องตาแมวเล็กๆ ดูว่าใครมา พอเห็นเป็นเลขาของคุณพ่อจึงเปิดออก
“คุณณกรให้เอาชุดที่คุณหนูต้องใส่ไปพบคนสำคัญ มาให้ครับ”
เธอพยักหน้าแล้วรับถุงกระดาษจากเลขาคุณพ่อมาโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะปิดประตูลงแล้วก้าวเดินไปหย่อนตัวนั่งลงโซฟา สายตามองถุงกระดาษตรงหน้าแล้วลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
คนๆ นั้นคงมีอิทธิพลมากพ่อถึงลงทุนขนาดนี้ แต่มันใช่เรื่องที่เอาลูกสาวไปเป็น ‘ของกำนัล’ หรือเปล่า เธอคงเป็นความหวังเดียวของพ่อในตอนนี้สินะ ต่อให้มันจะเป็นการสร้างบาดแผลไว้ให้ลูกสาวก็คงไม่สนใจ
•••
รถหรูของณกรที่ส่งมารับไมอา แล่นอยู่บนถนนมุ่งหน้าสู่จุดหมายที่คนนั่งเบาะหลังไม่รู้ชะตากรรมชีวิตของตัวเองว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ไมอานั่งนิ่งอยู่ที่เบาะหลัง มือเรียวกำชายกระโปรงแน่น รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในเขาวงกตที่ไม่มีทางออก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะไปพบใคร หรือชีวิตของเธอหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ
รถเคลื่อนผ่านประตูทางเข้าขนาดใหญ่ที่มีสัญลักษณ์บางอย่างประดับอยู่ เธอเงยหน้าขึ้นมอง มันเป็นคลับเฮาส์ส่วนตัวที่ดูหรูหราและเงียบสงบเกินกว่าจะเป็นสถานที่นัดพบทางธุรกิจทั่วไป
“ถึงแล้วครับคุณไมอา” เสียงคนขับปลุกให้เธอกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง
ประตูรถถูกเปิดออก ไมอาลงจากรถแล้วพบว่ามีชายชุดดำสองสามคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“เชิญครับ”
เธอเดินตามลูกน้องเหล่านั้นไปตามทางเดินหรูหรา หัวใจเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม ความเงียบของสถานที่นี้ยิ่งทำให้บรรยากาศกดดันไปหมด ในที่สุดเธอก็ถูกพาไปหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง
ไมอามองลูกน้องเหล่านั้นอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นชาไร้อารมณ์ของพวกเขาเธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปข้างใน
กลิ่นบุหรี่จางๆ ลอยอบอวลในอากาศ ไมอามองเห็นเงาสูงของใครบางคนยืนอยู่ริมหน้าต่าง แผ่นหลังกว้างนั้นทอดยาวด้วยท่วงท่าผ่อนคลายแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ
“มาช้าสิบนาที” เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นทำให้หัวใจเธอกระตุกวูบ
เสียงนี้…
ร่างสูงค่อยๆ หมุนตัวกลับมา เผยให้เห็นใบหน้าของชายที่เธอไม่คิดว่าจะมาเจอที่นี่
“พี่ธีสิส…”