“พี่ธีสิส…”
ไม่จริงใช่ไหม…
เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาเลยว่าคนที่พ่อยกให้เป็น ‘ของกำนัล’ คือ ธีสิส ผู้ชายที่เธอรู้จักในฐานะเพื่อนสนิทของสามีคะนิ้งกับมิลิน แถมยังเป็นคนที่เธอเพิ่งนั่งดื่มด้วยเมื่อคืน
ทำไมถึงเป็นเขา?
ถามตัวเองซ้ำๆ ในใจ เธอพูดอะไรไม่ออก ทุกคำพูดหายออกไปจากหัวจนว่างเปล่า ทั้งที่เขารู้อยู่แล้วแต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อคืนพูดคุยกับเธอตามปกติอย่างแนบเนียนไม่หลุดเรื่องนี้เลยสักนิด
‘คนนี้ของกู’
คำพูดเมื่อคืนของเขาผุดเข้ามาในหัวอีกครั้ง เธอไม่ได้เอะใจกับประโยคนั้นเพราะคิดว่าเขาคงช่วยเธอเอาตัวรอด แต่จริงๆ แล้ว…เขาได้บอกเธอทางอ้อมไปแล้ว
“เป็นไปไม่ได้…” เธอพึมพำเสียงสั่น
ธีสิสยกยิ้มมุมปาก สายตามองหญิงสาวอย่างเจ้าเล่ห์
“ตื่นจากฝันได้แล้วไมอา นับจากวันนี้เป็นต้นไป…เธอเป็นของฉัน”
คำพูดนั้นทำให้ไมอารู้สึกเหมือนกำลังจะหายใจไม่ออก เธอส่ายหน้าถอยหลังไปช้าๆ
“ไม่จริง…” เธอยังคงพึมพำเสียงสั่นในขณะที่แววตากำลังสั่นระริก ไม่คิดว่าจะเป็นคนใกล้ตัวมากขนาดนี้ หรือจริงๆ เธอกำลังฝัน?
“มันคือความจริง” เขาก้าวเข้าไปยืนใกล้ๆ ไมอาจนได้กลิ่นหอมที่ทำเขา ‘ติดใจ’ ตั้งแต่เมื่อคืน และวันนี้เธอก็ใช้น้ำหอมกลิ่นเดิมราวกับนี่เป็นกลิ่นประจำตัวของเธอ
“ทะ…ทำไมพี่ธีสิสไม่เคยบอกไมอา”
“แบบนี้ตื่นเต้นดีออก” เขาพูดแล้วพลางใช้มือลูบคางตัวเองเบาๆ สายตาพิศมองไมอาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสนใจ
ไมอาสวมชุดเดรสเกาะอกสีขาวอวดผิวพรรณขาวผุดผ่องจนเขาอยากลอง ‘สัมผัส’ ไม่ไหวแล้ว เห็นไมอาเวลาไปกับเมียพวกไอ้ดีแลนกับเซอร์เวย์บ่อยๆ ตอนนั้นไม่ได้สนใจเพราะไม่อยากเอาคนใกล้ตัว แต่พอณกรยื่นของเล่นราคาแพงมาให้ถึงที่ขนาดนี้ มีหรือที่คนอย่างเขาจะปฏิเสธ
“ทำไมต้องเป็นไมอาคะ?”
“เรื่องนี้คงต้องไปถามพ่อเธอเอาเองนะ”
เธอกัดฟันกรอดพร้อมกับกำมือแน่น ทั้งที่ทำใจมาแล้วแต่พออยู่ในสถานการณ์จริงกลับรับความจริงไม่ได้ เธอสะดุ้งเฮือกเมื่อมือเย็นเฉียบเลื่อนมาลูบไล้กรอบหน้าก่อนจะเชยคางเธอขึ้นให้สบตาด้วย
“แต่ตอนนี้เธอเป็นของฉันแล้ว”
ผลัก!
เธอปัดมือของเขาออก จ้องมองเขาด้วยแววตาโกรธจัดบวกกับผิดหวังที่คนที่พ่อส่งเธอมาให้ดันเป็นเขา
“ไมอาจะไม่ยอมเป็นของพี่ธีสิส!” เธอหันหลังแล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที
“หึ ก็สมกับที่พ่อเธอพูดไว้จริงๆ คนแบบนี้สิถึงจะเหมาะสมเอามาประดับไว้ข้างๆ ฉัน” เขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะหันไปคว้าขวดน้ำเมาบนโต๊ะมาเปิดดื่มอึกใหญ่ ใช้หลังมือเช็ดคราบของเหลวตรงปากออก สายตามองตามไมอาที่กำลังวิ่งออกจากกรงทองผ่านกระจกใส ที่มองเห็นวิวข้างนอกชัดเจน โดยมีคนของเขาวิ่งไล่ตาม
ไมอาพยายามวิ่งหนีชายชุดดำที่วิ่งไล่ตามสุดชีวิตบนส้นสูงไม่กี่เมตร แต่แล้วส้นสูงก็พาล้มลงไปดื้อๆ ทว่าเธอก็ไม่สนใจลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อท่ามกลางความเจ็บตรงข้อเท้าที่กดความเร็วของฝีเท้าลงเรื่อยๆ
ปึก!
ร่างเล็กชนเข้ากับแผ่นอกกว้างของใครบางคนเต็มแรงบวกกับความเจ็บตรงข้อเท้าจึงทำให้ล้มลง ไมอาเงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วแทบหยุดหายใจ เธอเบิกตากว้างในขณะที่หัวใจเต้นรัวเมื่อเห็นคนที่ตัวเองเพิ่งวิ่งหนีมายืนอยู่ตรงหน้า
“จะไปไหน?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามราบเรียบ ทว่ากลับทำให้ร่างของไมอาสั่นสะท้าน
เธอกำมือแน่น พยายามมองหาทางหนีทางอื่น แต่ก็รู้ว่าคงหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วเพราะชายชุดดำที่ไล่ตามมาได้ล้อมรอบเธอไว้เรียบร้อย
“กลับไปดีๆ ในตอนที่ฉันยังใจดีกับเธออยู่”
“มะ…ไม่ไป พี่ธีสิสไม่มีสิทธิ์บังคับไมอา!” เธอส่ายหน้ารัว ดวงตาสั่นระริก
ธีสิสถอนหายใจสั้นๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้เธอทีละก้าว ขณะที่เธอถดตัวออกห่าง ดวงตาคมเข้มคู่นั้นของเขาดูอันตรายขึ้นทุกที
“ไม่มีสิทธิ์?” เสียงทุ้มของเขากดต่ำกว่าเดิม “พ่อเธอเซ็นยกเธอให้ฉันแล้ว ตรงไหนที่บอกว่าไม่มีสิทธิ์? ฉัน…มีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวเธอ ไมอา”
นี่คงเป็นตัวตนของเขาสินะ…
การเจอเขาครั้งนี้มันทำให้เธอมองเขาเปลี่ยนไปจากเดิม ธีสิสไม่ใช่ผู้ชายที่เธอเคยพูดกับคะนิ้งและมิลินว่า ‘ดูเป็นคนดี’
“ไมอาไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่ของๆ พี่!”
ธีสิสมองเธอด้วยแววตานิ่งสนิทก่อนจะกระตุกยิ้มเล็กๆ ราวกับกำลังมองเด็กดื้อที่เถียงข้างๆ คูๆ
“งั้นเหรอ?” เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ไมอามากขึ้น ปลายนิ้วเย็นเฉียบไล้ไปตามกรอบหน้าของเธอเบาๆ ราวกับกำลังหยอกเย้า “เธอคิดว่าเธอมีสิทธิ์เลือกงั้นเหรอ?”
เสียงของเขาอ่อนโยนขึ้น แต่กลับทำให้เธอรู้สึกหนาวเยือกจนขนลุก
“พี่ธีสิส…” ไมอาสะกดกลั้นความกลัว “ไมอาขอร้อง…ปล่อยไมอาไปเถอะนะคะ”
คำวิงวอนของเธอทำให้ธีสิสหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่เพียงเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“เธอคิดว่าขอร้องแล้วฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆ เหรอ?”
ไมอาสูดลมหายใจลึก พยายามสะกดกลั้นความหวาดหวั่นในใจ เธอไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกไปต่อหน้าเขา
“จะกลับไปดีๆ หรือจะให้ฉันลากเธอกลับไป?”
“มะ…ไม่…” เธอส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตา
“ฉันถือว่าบอกเธอแล้วนะ”
หมับ!
“อ๊ะ!” เธออุทานร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขากระชากแขนขึ้นแล้วลากให้เดินตามทั้งที่เธอกำลังเจ็บข้อเท้าอยู่
“พี่ธีสิสปล่อยไมอานะ!” ไมอาพยายามบิดแขนออกจากมือหนา แต่แรงเธอกับเขามันเทียบกันไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ข้อมือเล็กถูกบีบแน่นจนรู้สึกเจ็บ เธอเดินกระเผลกไปตามแรงลากของเขาเพราะข้อเท้ายังเจ็บอยู่
“อย่าเดินเร็วได้ไหมคะ ไมอาเจ็บข้อเท้า” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
ธีสิสหยุดเดินชั่วขณะก่อนจะก้มลงมองเธอ ดวงตาคมเข้มจับจ้องใบหน้าหวานที่แดงก่ำด้วยความโกรธและความหวาดกลัว ก่อนจะตวัดแขนช้อนร่างเธอขึ้นมาแนบอกอย่างง่ายดาย
“ว๊าย! ปล่อยไมอาลงนะคะ!” เธอตกใจสุดขีด จู่ๆ ธีสิสก็อุ้มเธอขึ้นในท่าเจ้าสาว เธอดิ้นสุดแรงเกิด แต่เขากลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น
“หุบปากซะไมอา” เสียงทุ้มเย็นชาทำให้เธอชะงัก เธอกลั้นหายใจแล้วมองใบหน้าคมที่แทบจะไร้ความรู้สึกของเขา ไม่ว่าจะดิ้นหรือโวยวายแค่ไหน เขาก็ยังไม่สะทกสะท้าน
“ทำไมต้องเป็นพี่…” เธอพึมพำออกมาเสียงแผ่วเบา
ธีสิสไม่ตอบ ขาเรียวยาวก้าวกลับไปยังคลับเฮาส์ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ หากแต่ในใจเริ่มคุกรุ่นด้วยโทสะเพราะความพยศเกินไปของไมอาจนทำให้เขาเกิดความหงุดหงิด
ตุ้บ!
เสียงร่างของเธอถูกโยนลงเตียงนอนหนานุ่ม แต่ทว่าก็ยังคงทำให้รู้สึกจุกและเจ็บได้เลยทีเดียว เธอหันไปมองเขาอย่างหวาดกลัว ธีสิสยืนอยู่ปลายเตียงมองมาที่เธอด้วยแววตายากคาดเดา
เธอไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้มาก่อนเลย…
“พี่ธีสิสจะทำอะไรคะ” เธอถามเสียงแผ่วเบา
“ไม่น่าถาม”
“พี่ธีสิสอย่าลืมนะว่าไมอาเป็นเพื่อนของเมียเพื่อนพี่”
“แล้วยังไง?” เขาเลิกคิ้วถามไมอาอย่างไม่สนใจ “เพื่อนของเมียเพื่อน แล้วฉันจะจับทำเมียบ้างไม่ได้รึไง?”