“ยะ หยางอ๋อง ขอประทานอภัยเพคะ”
นางพูดเสียงสั่นเมื่อคิดว่าตัวเองได้สร้างความรำคาญใจให้อันตงหยางอีกแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะดิ้นรนขออยู่ที่นี่ต่อแต่นางก็สำนึกแล้วว่าไม่ควรเอาชีวิตผู้คนไปต่อรอง และไม่ควรขู่อันตงหยางผู้เป็นอ๋องและปกครองดินแดนแถบนี้
“อ๊ะ!?”
ไม่ทันที่นางจะพูดอะไรมากกว่านั้นอันตงหยางก็ก้มหน้าลงใช้ปากงับยอดปทุมถันผ่านเนื้อผ้าทำเอาร่างบางสะดุ้งเฮือกกับการจู่โจมกะทันหัน แขนแกร่งโอบกอดร่างนางบังคับให้แอ่นกายเพื่อที่ตนจะได้เชยชิมทรวงอกของนางได้ถนัด
แม้จะเป็นการสัมผัสผ่านเนื้อผ้าแต่ก็สร้างความกระสันให้กับนาง ตอนนี้นางกำลังสับสนว่าควรทำเช่นไร ในเมื่ออันตัวหยางไล่นางกลับเมืองหลวง นั่นหมายความว่าปลดนางจากตำแหน่งหวางเฟยแล้ว กระนั้นการกระทำนี้ถือว่าไม่เหมาะสม นางสามารถปฏิเสธได้ใช่หรือไม่?
“ยะ หยางอ๋องเพคะ อ๊ะ!?”
เอวบางถูกปล่อยออกจากวงแขนแกร่งทำให้นางผวาโอบกอดรอบลำคอของอีกฝ่ายแน่น อันตงหยางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะผละออกจากทรวงอกของนาง โอบกระชับเอวบางแล้วพานางขึ้นไปยังฝั่ง
จางลี่ซือดีใจเนื้อเต้นเมื่อได้สัมผัสผืนดิน ขณะที่นางกำลังจะลุกขึ้นก็ถูกอันตงหยางจับข้อเท้าเล็กรั้งเอาไว้
“จะไปไหน?”
“ยะ หยางอ๋อง!”
รีบดึงข้อเท้าหนีด้วยกลัวถึงความไม่เหมาะสม อันตงหยางยอมปล่อยแต่โดยที่เปลี่ยนเป็นวางมืไว้ด้านข้างนางแทน ทำให้ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากนางถูกเขากักขัง
“เดี๋ยวก็ขออยู่ เดี๋ยวก็ขอไป จิตใจเจ้าช่างโลเลยิ่งนัก”
“หม่อมฉันมิได้โลเล เพียงแต่มิบังอาจสร้างความเดือดร้อนให้หยางอ๋องไปมากกว่านี้แล้วเพคะ”
อันตงหยางไม่ได้พูดอะไรออกไปเพียงแต่ใช้สายตาดุจ้องมองนางนิ่ง
“ข้าได้ยินเรื่องที่เจ้ารักษาทหารของข้าแล้ว เจ้าทำได้ดีมาก”
“…เรื่องนั้น หะ หามิได้เพคะ…”นางไม่อยากให้อันตงหยางเห็นว่านางทำไปเพราะหวังผลเลยสักนิด
“ข้าจะตบรางวัลให้ หากเจ้ามีสิ่งที่ต้องการหรือไม่”
“จะ จริงหรือเพคะ!?”
จางลี่ซืออุทานเสียงดังอย่างลืมตัว นางยกมือขึ้นปิดปาก ดวงตาเป็นประกายด้วยความหวัง
“เห็นอ๋องอย่างข้าเป็นคนโป้ปดหรืออย่างไร?”
“หามิได้เพคะ หม่อมฉันแค่ดีใจยิ่งนักเพคะ”นางหุบยิ้มไม่ได้เลยและกำลังเรียบเรียงคำพูด”หม่อมฉันขออยู่ที่ตำหนักเหนือต่อไปได้หรือไม่เพคะ?”
“…”เมื่ออันตงหยางเงียบนางก็เริ่มร้อนรนใจว่าสิ่งที่นางขอนั้นมันมากเกินไปหรือเปล่า ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้พูดต่อด้วยความหวัง
“เป็นเรือนท้ายตำหนักหลังเล็ก ๆ ก็ได้เพคะ หม่อมฉันอยู่ได้หมดเพคะ ละ แล้วก็หม่อมฉันจะถวายตัวรับใช้หยางอ๋องทุกเรื่องเลยเพคะ”
ได้ยินประโยคนี้อันตงหยางก็กระตุกยิ้มราวกับราชสีห์เตรียมตะครุบเหยื่อ ในคราแรกที่พบกันเห็นว่านางก็ไม่ต่างอะไรไปจากสตรีทั่วไปที่มีมารยา แต่แค่เพียงไม่กี่วันนางก็ทำให้เขามองนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย
…ก็แค่สตรีไร้พิษสง หากเก็บไว้ใกล้ตัวก็ไม่น่าเสียดาย อีกอย่างหากมีสตรีข้างกาย ฮองเต้ก็ไม่น่าส่งสตรีใดมาให้เกิดความน่ารำคาญขึ้นอีก …
“ข้าอนุญาต”
“ขอบพระทัยเพคะ!”
“เจ้าจะได้อยู่ในฐานะหวางเฟย อย่างน้อยก็อยู่ในตำแหน่งที่ฮองเต้ส่งเจ้ามาน่าจะเหมาะสมกว่า”
“ขอบพระทัยเพคะหยางอ๋อง!”
จางลี่ซือดีใจจนเนื้อเต้น ยิ้มไม่หุบ ทว่าในตอนนั้นเองร่างของนางก็ถูกอันตงหยางดึงลงน้ำอีกครั้ง นางกรีดร้องด้วยความตกใจรีบยกแขนขึ้นโอบกอดอันตงหยางไว้แน่น
“หากอยู่ในตำแหน่งหวางเฟยแล้ว เจ้ารู้หน้าที่ของเจ้าหรือไม่?”
ประโยคนั้นแอบแฝงไปด้วยความต้องการของบุรุษ แค่เพียงได้แนบชิดกายกับนางแก่นกายของเขาก็กระตุกขึ้นมาแล้ว จางลี่ซือพยักหน้าเบา ๆ แทนคำตอบ
แขนแกร่งคว้าเอวบางแนบชิดกายจนรู้สึกถึงตัวตนของบุรุษที่อยู่ใต้น้ำ พวงแก้มแดงระเรื่อ นางเม้มริมฝีปากแน่นแล้วก้มหน้าด้วยความเขินอาย ฝ่ามือหยาบกร้านข้างหนึ่งยกขึ้นมาประคองคางของนางแล้วบีบเบา ๆ ให้ริมฝีปากอวบเผยอออกแล้วแนบริมฝีปากของตัวเองเข้าไปแนบชิด
บดเคล้าแนบแน่นลดมือลงเลื่อนไปรั้งท้ายทอยให้แหงนหน้ารับจูบโดยไร้การขัดขืน อีกทั้งวงแขนแกร่งยังโอบเอวบางกระชับแนบแน่นอีกด้วย เรียวลิ้นสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากหวานฉ่ำ เกี่ยวเรียวลิ้นพัวพันอย่างย่ามใจ สัมผัสหนักแน่นแอบผ่อนปรนเล็กน้อยเมื่อสตรีในอ้อมกอดคล้ายจะหมดลมหายใจ เสี้ยววินาทีก็บดริมฝีปากลงไปใหม่ราวกับจะกลั่นแกล้ง
กดริมฝีปากแน่นแล้วออกแรงดูดจนกลีบปากอวบห่อเข้าหากัน เข้าหอคืนแรกของจางลี่ซือนั้นเต็มไปด้วยราคะ หามีความอ่อนโยนหรือเสน่หาไม่ แม้แต่จุมพิตก็ถือว่านี่เป็นจุมพิตแรกของนาง เมื่อผละริมฝีปากออกเพื่อให้นางได้สูดอากาศหายใจก็ไม่ปล่อยให้สตรีในอ้อมกอดได้พักเลย
ก้มหน้าลงจรดริมฝีปากที่ซอกคอยาวระหง อ้าปากดูดเนื้อขาว ๆ ฝากฝังรอยกลีบเหมยกุ้ยไว้เป็นวงกว้าง สตรีตัวน้อยสั่นสะท้าน รู้สึกเจ็บแสบเล็กน้อยตรงบริเวณนั้น นางเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อระงับเสียงน่าอายที่อาจสร้างความรำคาญใจให้อีกฝ่ายได้
ระหว่างนั้นอาภรณ์ของนางถูดปลดออกอย่างง่ายดายจนร่างกายเปล่าเปลือย ความเย็นของน้ำส่งผลให้ร่างบอบบางสั่นสะท้าน
อันตงหยางผละริมฝีปากจากซอกคอเรียวระหงแล้วก้มมองสตรีตัวน้อยซึ่งตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของตน นึกย้อนไปถึงคืนเข้าหอก็พอเข้าใจนางได้เพราะเขารุนแรงตามอารมณ์ความกำหนัดของบุรุษ อีกอย่างในตอนนั้นเห็นว่านางไม่ต่างอะไรกับนางบำเรอที่ฮ่องเต้ส่งมาเอาใจจึงไม่มีใจเมตตาให้แก่นาง เพราะนางยอมรับและทำตามหน้าที่เช่นเดียวกับตัวเขา
หากทว่าตอนนี้กลับรู้สึกสงสารในสตรีตัวน้อยอยู่บ้าง นางก็ตัวเท่านี้แต่ตนกลับกระทำรุนแรงโดยขาดการเตรียมพร้อม
“เจ้ากลัวข้าหรือ?”
ไม่มีเสียงตอบรับจากสตรีในอ้อมกอด นางเพียงแต่ก้มหน้าซบกับแผงอกกว้างของเขาเท่านั้น
“นะ ในบางครั้ง หยางอ๋องก็ดูน่ากลัวสำหรับสตรีเช่นหม่อมฉันเพคะ”
เป็นเรื่องปกติที่อิสตรีจะหวาดกลัวอันตงหยาง แต่เขากลับคิดว่าสตรีนางนี้อาจจะหวาดกลัวอย่างอื่นมากกว่าภาพลักษณ์ภายนอกของตนก็ได้ เขาเองก็ไม่ใช่คนใจยักษ์ใจมารกับคนใต้ปกครอง
“กอดข้า”
ดวงตากลมช้อนขึ้นมองอันตงหยางด้วยความสงสัยแต่สุดท้ายก็ทำตามต้องการ และทันทีที่นางโอบแขนกอดรอบลำคอแกร่งด้วยท่าทางเงอะงะ นิ้วแกร่งก็ถูกสอดเข้าไปในช่องรักทันที จางลี่ซือเม้มริมฝีปากกลั้นเสียงและความเจ็บปวดแม้จะเคยเสียตัวมาแล้วแต่ก็ยังถือว่าเป็นแผลใหม่อยู่ แค่เพียงนิ้วเดียวก็สร้างความเจ็บให้กับนางได้
“อ้าขา”
เสียงเย็นกระซิบข้างหูของนาง ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความสับสนแต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งของผู้เป็นอ๋องได้ อย่างไรในตอนนี้นางก็เป็นหวางเฟยแล้ว การปรนนิบัตรสามีนั้นถือเป็นเรื่องอันสมควร แม้นางจะอายก็ตาม
สองขาเรียวค่อย ๆ แยกออกจากกันเป็นโอกาสให้นิ้วแกร่งสามารถสอดเข้าไปด้านในกายสาวได้ถนัด ในตอนแรกมันคือความเจ็บจนแทบน้ำตาไหล ต่อมาก็ถูกแทนที่ด้วยความเสียวซ่านเกินห้ามใจ ฝ่ามือเล็กจิกเข้าหากันจนเป็นรอยเล็บ
เมื่อนิ้วแกร่งถูกถอนออกก็ถูกแทนที่ด้วยแก่นกายของบุรุษเพศ ร่างบอบบางสะดุ้งเฮือกผวากอดอันตงหยางแน่น วงแขนแกร่งโอบรัดเอวบางเพื่อไม่ให้นางถดถอยหนี สะโพกแกร่งกระแทกอยู่สองสามทีจนสามารถเข้ามาได้จนสุด อันตงหยางแช่เอาไว้เช่นนั้นเพื่อให้ร่างกายของนางเคยชินกับตัวตนของเขา
“เกี่ยวเอวข้า”
ทำตามอย่างว่าง่ายแล้วเวลาต่อมาแก่นกายก็ถูกดึงเข้าและออกอย่างเชื่องช้าแม้ไม่อ่อนโยนเหมือนบุรุษอื่นแต่นี่ก็ถือว่าเขาได้เมตตานางมากแล้ว เมื่อกายนางปรับตัวจนเคยชินกับตัวตนของเขา อันตงหยางก็จับตัวนางพิงขอบสระแล้วกระแทกแก่นกายไม่ยั้ง ผืนน้ำกระเพื่อมตามการเคลื่อนไหวที่รุนแรงของบุรุษ
“อย่ากัดปาก”คางของนางถูกฝ่ามือที่เป็นดั่งเหล็กกล้าบีบให้เผลอปากออกก่อนจะกระแทกแก่นกายอย่างรุนแรงจนนางต้องครางเสียงหวานออกมา กระนั้นฝ่ามือก็ยังไม่ปล่อย บีบคางนางแล้วถ้าโถมร่างกายใส่แบบนั้นอยู่หลายที
อายจนไม่รู้จะทำอย่างไร อยากจะกลั้นเสียงครางนั่นแต่ก็ทำไม่ได้ มันเป็นปฏิกิริยาของร่างกายอยู่แล้ว
บุรุษหนุ่มจับขอบสระแน่นพร้อมทั้งโหมกระหน่ำร่างกายใส่สตรีตัวเล็กซึ่งโอบแขนกอดบุรุษเอาไว้แน่น ร่างของนางกระตุกรับพร้อมกันกับที่แก่นกายปลดปล่อยพุ่งเข้าใส่ในกายนาง เสียงครางกระเส่าของทั้งคู่ดังประสานกัน
องครักษ์ด้านนอกลอบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเจียวลู่ผู้ที่ผลักดันให้อันตงหยางมีสตรีเคียงข้างกาย สตรีนางนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านางอื่นเลย อีกทั้งยังมีความใสซื่อของสตรีวัยเยาว์อีกด้วย หากอันตงหยางถูกใจนางก็ถือเป็นเรื่องดี
จางลี่ซือตัวอ่อนยวบยาบไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะโอบกอดอันตงหยางเพื่อพยุงตัวเองไว้ น้ำเย็นเฉียบ ร่างกายนางไร้อาภรณ์ แถมยังเป็นสระน้ำกลางแจ้งอีกต่างหาก มิหนำซ้ำยังโดนอันตงหยางจับกินอย่างดุดันแล้วนางจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหน?
วงแขนแกร่งโอบร่างบอบบางขึ้นมาจากน้ำ ดึงผ้าคลุมของตนมาพันรอบตัวนางแล้วจัดการใส่อาภรณ์ของตนเอง ก่อนจะช้อนตัวร่างบางที่พยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น พานางขึ้นมาจนถึงห้องส่วนตัวแล้วจัดการบทรักเร่าร้อนอีกหนึ่งรอบจนจางลี่ซือถึงกลับเพลียหลับไประหว่างนั้น