บทที่ 16 เอาอกเอาใจ

1762 Words
หลายวันต่อมาขณะกลับจากลาดตระเวน อันตงหยางเหลือบสายตามองลูกปีศาจเสือที่จางลี่ซือเอ็นดูนักหนาอยู่ครู่หนึ่ง มันกำลังวิ่งเล่นอยู่กับลูกเสือปีศาจด้วยกันอย่างสนุกสนาน บุรุษเตรียมจะขึ้นม้าเพื่อกลับทว่าอะไรบางอย่างก็ตกจากเอวของเขา เมื่อก้มหน้ามองดูก็พบว่าเป็นถุงหอมที่ปักลวดลายเสือขาว ก้มลงหยิบมันขึ้นมา กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยเตะจมูกพาให้นึกถึงเรือนร่างของสตรีตัวน้อยซึ่งเวลานี้โดนกักบริเวณให้อยู่แต่ในเรือน คงจะเงียบเหงาไม่น้อย จากรายงานของเจียงฮุ่ยหวงที่อันตงหยางให้รับหน้าที่ดูแลจางลี่ซือชั่วคราวนั้นนางไม่ต้องการสิ่งใดเลย และไม่ได้ทำสิ่งอื่นใดนอกจากกิน นอน และนั่งเหม่อไปวัน ๆ …ลงโทษนางหนักไปหรือเปล่านะ?... มัดถุงหอมผูกติดกับเอวเช่นเดิมก่อนจะกระโดดขึ้นมาและควบกลับไปยังตำหนักเหนือ ทว่า…เรือนของอันตงหยางคือเรือนไท่หยาง เห็นไดบุรุษถึงความม้ามาจนถึงเรือนโม่ลี่ฮวาได้กัน? แม้แต่ทหารที่ติดตามมาด้วยเพราะรู้สึกแปลกใจไม่น้อย …ข้ามัวแต่ใจลอยคิดถึงแต่นางอย่างนั้นหรือ?... รีบหันกลับไปทันที ทว่ากลับมีเสียงหนึ่งเรียกบุรุษอย่างสดใส เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นว่าเป็นจางลี่ซือที่โบกไม้โบกมือ เมื่อเห็นว่าเขาหันกลับไปมองก็ยกแขนขึ้นประสานมือโค้งการนับอย่างนอบน้อมทันที “เพิ่งกลับมาจากลาดตระเวนหรือเพคะ?”นางเอ่ยปากทักทายอยู่บนชั้นสองของเรือนด้วยรอยยิ้มบางเบาเคล้าไปด้วยความเศร้าหมองเล็กน้อย เห็นแล้วช่างดูน่าสงสารยิ่งนัก ไม่มีเสียงใดเอื้อนเอ่ยออกมา เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ เท่านั้น “แล้วเหตุใดจึงเคลื่อนกองกำลังมาที่นี่กันเพคะ?” “อะแฮ่ม ข้าต้องไปแล้ว” “อ่า เพคะ”นางยกแขนขึ้นประสานแล้วโค้งคำนับอย่างนอบน้อมเป็นการบอกลา ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นก็ตาม เมื่อลับสายตาของอันตงหยาง จางลี่ซือก็คอตกตามเดิม… …ดูเหมือนว่าหยางอ๋องจะยังคงขุ่นเคืองข้าอยู่… แบบนี้แผนการออดอ้อนให้เกิดความเอ็นดูจะต้องพับเก็บหรือเปล่านะ? ทว่าอันตงหยางก็ค่อนข้างที่จะใจดีกับนางมากขึ้นแล้ว จางลี่ซือสับสนว่าควรเลือกทางไหนดี วันพรุ่งนี้ก็สิ้นสุดบทลงโทษที่นางได้รับแล้ว เจียวลู่ก็จะกลับมานางคงต้องขอโทษเจียวลู่ดี ๆ เสียแล้ว แม้ว่าเจียงฮุ่ยหวงจะทำงานได้ดีไม่มีขาดตกบกพร่อง อีกทั้งยังไม่เคยแอบอู้เหมือนเจียวลู่ แต่สำหรับเจียวลู่แล้วเป็นสลายและเป็นผู้ที่ดูแลนางมาตั้งแต่ต้น เป็นธรรมดาที่นางจะสะดวกใจกับเจียวลู่มากกว่า พลบค่ำนางรีบเข้านอนเพื่อให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้เร็ว ๆ แล้วเมื่อเช้าวันใหม่มาถึงเจียวลู่ก็เป็นคนเอาน้ำสำหรับล้างหน้ามาให้นางด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ ราวกับไม่ถือโทษโกรธนางที่เป็นต้นเหตุทำให้ตนถูกลงโทษ “เจียวลู่ ข้าขอโทษนะ”นางพูดและร่ำไห้ไปด้วย ทำเอาเจียวลู่ลอบยิ้มบางเบาก่อนจะเอ่ยปากว่า… “ขอโทษสิ่งใดกันซือหวางเฟย ข้ารับโทษถูกแล้ว เพราะกระหม่อมปล่อยปะละเลยท่านเกินไป อย่าได้ร่ำไห้เลยซือหวางเฟย เช้านี้หยางอ๋องมีนับสั่งให้ท่านร่วมรับสำรับด้วยกัน โปรดรีบเถอะพะยะค่ะ” น้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟังบอกกับนางด้วยสายตาอ่อนโยนการไปฝึกตนนั้นเป็นการลงโทษที่ไม่หนักหนาเลย การอยู่คนเดียวโดยห้ามรับความช่วยเหลือจากผู้ใดนั้นหมายถึงว่าให้ผู้กระทำผิดนั้นได้ทบทวนและสำนึกผิดในการกระทำของตนเอง อีกทั้งยังเป็นการฝึกความอดทนและฝึกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของร่างกายภายในตัวด้วย และบุรุษรู้ดีว่านางคงจะเหงาที่ต้องอยู่แต่ในเรือน ในตำหนักแห่งนี้ อายุของนางอย่างน้อยควรได้เที่ยวเล่นสักเดือนละสองสามครั้ง “แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งที่กระหม่อมจะกราบทูลนั่นก็คือแต่นี้ต่อไปเจียงฮุ่ยหวงจะมารับหน้าที่เป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ร่วมกับกระหม่อมพะย่ะค่ะ” “แค่เจ้าก็เพียงพอแล้วนี่?” “เป็นรับสั่งมาจากหยางอ๋องพะยะค่ะ อีกทั้งในไม่กี่วันต่อจากนี้จะได้เดินทางไปเมืองหลวงจึงอยากเพิ่มคนคุ้มกันให้กระมังพะย่ะค่ะ” “อืม…ก็ได้”นางพยักหน้ารับไปเพราะถึงอย่างไรก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของอันตงหยางผู้เป็นอ๋องได้”ว่าแต่เมืองหลวงอย่างนั้นหรือ? ข้าต้องไปด้วยหรือ?” “หยางอ๋องทรงมีคำสั่งให้จัดทำรถม้าให้ซือหวางเฟยพะยะค่ะ” ได้ออกไปข้างนอกสำหรับนางนั้นก็ดีอยู่หรอกแต่ว่านางไม่อยากเดินทางไปที่เมืองหลวงเลยสักนิด… จางลี่ซือถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะจัดการแปลงโฉมเพื่อเข้ารับสำรับพร้อมกับอันตงหยาง เมื่อมาถึงเรือนไท่หยางก็เห็นว่ามีแคร่ขนาดกลางที่สองคนสามารถนั่งนอนได้สบาย ๆ แทนที่แคร่อันเดิม อีกทั้งยังมีชิงช้าที่ทำจากแผ่นไม้ร้อยด้วยเชือกคล้องกับกิ่งก้านของต้นไม้ดูแข็งแรง สำรับถูกนำมาวางไว้เมื่อนางมาถึง จางลี่ซือยกแขนขึ้นประสานคำนับย่างนอบน้อม มอบรอยยิ้มกว้างแต่ดูไร้เรี่ยวแรงจนอันตงหยางขมวดคิ้วยุ่ง “ขอบพระทัยที่ทรงเชิญหม่อมฉันมาร่วมรับสำรับด้วยเพคะ” “นั่งเถอะ” “ขอบพระทัยเพคะ” หย่อนกายนั่งลงแล้วร่วมรับสำรับ ระหว่างนั้นไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ มีแต่ชำเลืองมองกันและกันเพื่อสังเกตท่าทีจนรู้สึกอึดอัด เมื่อรับสำรับร่วมกันเสร็จเรียบร้อยจางลี่ซือก็ผุดลุกขึ้นก่อนจะย่อกายลงคำนับลงพื้นหัวแทบหลังมือ กิริยานั้นของนางสร้างความตกอกตกใจให้กับข้าราชบริวารอีกทั้งยังอันตงหยางที่ไม่คาดคิดว่านางจะกระทำเช่นนี้ ก่อนที่บุรุษจะได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมาจางลี่ซือก็เอ่ยปากออกมาก่อนว่า… “หม่อมฉันขอประทานอภัยสำหรับความผิดพลาดที่ผ่านมาเพคะ แต่นี้ต่อไปหม่อมฉันจะสำรวมและอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเพคะ” “ลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่ติดใจเอาความอะไรแล้ว อีกอย่างหนึ่งตอนนี้เจ้าก็สำนึกผิดแล้วด้วยนั่นแหละเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” อันตงหยางเดินเข้าไปประคองร่างบางให้ลุกขึ้นก่อนจะโอบกอดไว้แนบกาย การกระทำที่แสนอ่อนโยนและนุ่มนวลนั้นทำให้สตรีตัวน้อยในอ้อมกอดหัวใจเต้นระรัว …จู่ ๆ หยางอ๋องก็โอบกอดข้าต่อหน้าบริวาร!... เป็นเรื่องที่นางไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดขึ้น แต่ทว่า…ความรู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาดนั้นก็เกิดขึ้นภายในหัวใจดวงน้อย “อะ เอ่อ หยางอ๋องเพคะ”นางพยายามดันแผงอกกว้างออกด้วยความอับอายสายตาของบริวาร แต่บุรุษช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน โอบกอดร่างนางเสียแทบจมลงอกกว้าง “มีบัตรเชิญจากเมืองหลวงให้ไปร่วมงานวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ เจ้าอยากไปด้วยหรือไม่?”ก้มหน้าลงเอ่ยถามสตรีในอ้อมกอด จางลี่ซือมีท่าท่างลังเลใจ จากที่นางได้รู้มานั้นอันตงหยางได้สั่งให้คนทำรถม้าเพื่อให้นางเดินทางไปเมืองหลวงพร้อมกัน อีกอย่างการมีบัตรเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงวันฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพเช่นนี้ไม่มีทางที่นางจะปฏิเสธได้เลย ทว่าการถามเช่นนี้เป็นการลองใจหรืออย่างไรกัน หากนางตอบไปว่าไม่อยากไปเมืองหลวงแล้วอันตงหยางจะทำเช่นไร “ว่าอย่างไร หากเจ้าไม่อยากไปก็อยู่เฝ้าตำหนักเหนือแห่งนี้ย่อมได้ ข้าจะให้อำนาจในการจัดการทุกอย่างแก่เจ้า” ดวงตาใสซื่อมองอันตงหยางแล้วเผยรอยยิ้มกว้าง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่สิ่งนี้ก็แสดงให้นางเห็นว่าอันตงหยางนั้นมีใจเอ็นดูนางขึ้นมาแล้ว …ท่านเตรียมให้คนจัดทำรถม้าขึ้นมาเพื่อข้าแล้ว แต่กลับมาถามข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้าหากข้าปฏิเสธกลับไปท่านจะทำอย่างไรเล่า… “ทรงกล่างเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ หม่อมฉันเป็นถึงหวางเฟยของท่านนะเพคะ จะไม่ไปร่วมงานวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้พร้อมกับท่านได้เช่นไร” “ถึงกระนั้นหากจะลำบากใจที่จะไปเยือนเมืองหลวง อยากอยู่เฝ้าตำหนักเหนือแห่งนี้ย่อมได้” ประโยคที่แสนเอาอกเอาใจราวกับว่ายอมทุกอย่างที่นางต้องการ แม้จะต้องผิดใจกับฮ่องเต้ก็ตาม “หากหยางอ๋องเสด็จไป หม่อมฉันก็จะเสด็จตามไปด้วยเพคะ” นางส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะออกมสเบา ๆ ก่อนจะพูดโดยใช้หลักเหตุและผสมกับลูกอ้อนเล็กน้อยเพื่อเอาอกเอาใจบุรุษ “ดี งั้นเจ้าเตรียมตัวเถอะ ไปถึงแล้วข้าจะให้คนหานางกำนัลมาให้เจ้าสักหลายคน” “จริงหรือเพคะ?” “อืม อยู่เช่นนี้ลำบากเจ้าแย่” “หามิได้เพคะ หม่อมฉันอยู่สุขสบายดีเพราะความเมตตาจากหยางอ๋องเพคะ” อันตงหยางหัวเราะเบา ๆ กับการประจบประแจงของนางที่ออกจะชัดเจน จะมีสตรีนางใดที่ประจบประแจงได้เช่นนางกัน นางไม่ปิดบังแม้แต่นิดเดียว “ไปที่เมืองหลวงแล้วข้าอาจจะยุ่งจนมิได้เจอหน้าเจ้าบ่อยนัก หากขาดเหลืออะไรก็ให้บอกกับเจียวลู่ อย่าได้เกรงใจหรือแอบหนีออกไปข้างนอกผู้เดียว อย่างที่เจ้าบอกว่าเจ้าคือหวางเฟย ทุกคนต้องเคารพเจ้าไม่ต่างจากเคารพข้า” เอ่ยว่าพลางยกมือขึ้นลูบหัวนางอย่างเอ็นดู ดวงตาคู่นั้นฉายความอ่อนโยนชัดเจน “ขอบพระทัยเพคะ หยางอ๋อง” ว่าแล้วนางก็ซุกใบหน้าเข้ากับแผงอกกว้างอย่างออดอ้อน อีกทั้งยังยกแขนขึ้นโอบกอดร่างหนาผู้เป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวของนาง อยากให้บุรุษเกิดความเอ็นดูในตัวนางมากกว่านี้ มากจนนางไม่ต้องหวาดกลัวเมืองหลวงอีกต่อไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD