๑.๐๘
หนึ่งปีต่อมา
ชาช่าสอบ Trinity ผ่านเกรด ๑๒ อันเป็นระดับสูงสุดของเปียโนเมื่ออายุเพียงสิบสองขวบ นัยน์ตาชาช่าดูคมขึ้นมากจากใบหน้าและรูปร่างที่ผอมลง เป็นเด็กสาวแรกรุ่นสวยโดดเด่นที่สุดในโรงเรียน
แต่สำหรับผม น้องชาช่าเป็นเด็กน่ารักต้องรับผิดชอบดูแล ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับแม่และป้าเสาวลักษณ์ แต่ความจริงแล้ว จิตใต้สำนึกบอกผมว่ามีมากกว่านั้นครับ!
หลังสงกรานต์ปีนี้ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพแข่งขันชิงตำแหน่ง “แชมป์เปียนเปียโนเอเชีย/แปซิฟิก” ระหว่างวันพุธที่ ๑๕ ถึงศุกร์ที่ ๑๘ เมษายน ที่หอประชุมห้างสรรพสินค้าหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ งานนี้มีผู้เข้าร่วมแข่งขันกว่าสามสิบคนจากสิบหกประเทศทั่วทวีปเอเชียและออสเตรเลีย
ประเทศไทยส่งผู้เข้าแข่งขันสองคน ...ชาช่าเป็นหนึ่งในนั้น
ผลผู้เข้ารอบห้าคนสุดท้าย ชาช่าติดหนึ่งในห้า และศุกร์พรุ่งนี้ที่ ๑๘ เมษายน จะเป็นการแข่งรอบสุดท้ายเพื่อประกาศผลผู้ชนะเลิศ
ปกติโรงเรียนนานาชาติจะปิดเทอมภาคฤดูร้อนไม่ตรงกับโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาฯ ดังนั้น วันตัดสินผู้ชนะเลิศพรุ่งนี้จึงเป็นวันเรียนปกติของพวกเรา แต่ผมรู้ว่าต้องไปเชียร์น้องชาช่าให้ได้
หลังอิ่มอาหารเที่ยงวันนี้ กลุ่มเราทั้งห้านั่งคุยกัน ผมเริ่มการสนทนาก่อน
“เราจะโดดเรียนไปเชียร์น้องชาช่าพรุ่งนี้ ใครเอากะเรามั่ง”
ผมถามไปงั้นแหละทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว และไม่แปลกใจเลยเมื่อเห็นทั้งสี่พยักหน้าเอาด้วย
“เย้... ได้โดดร่มครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นจังว่ะ” สุรเดชกล่าวลอย ๆ
“จะโดดร่มโดดเรียนต้องระวังสารวัตรนักเรียนด้วยนา ถูกจับได้ล่ะเป็นยุ่ง” ธีรยุทธ์เพื่อนตัวโตเตือนสติ
“ฮ่า ฮ่า ไอ้ยุทธ์ปอดแหก ชุดนักเรียนพวกเราเป็นกางเกงขายาวนะ สารวัตรนักเรียนไล่จับแต่พวกนุ่งขาสั้น” โชติมาแย้ง
“เออ ๆ เอ็งเก่ง” ธีรยุทธ์จนปัญญาสวนกลับ
“ไอ้แห้ง นายสรุปเรื่องโดดร่มพรุ่งนี้อีกทีได้ไหมวะ” จักรพันธ์สีหน้าจริงจังหันมาถามผม
ผมตอบยังกะเป็นเซียนโดดร่มหนีเรียนว่า
“พรุ่งนี้พวกนายเตรียมเสื้อไปรเวทใส่เป้มาคนละตัว พวกเราจะโดดข้ามรั้วตรงห้องครัวบ้านน้องปนัดดา จากนั้นต้องไปให้ถึงหอประชุมห้างสรรพสินค้าก่อนสิบโมงเช้า”
ผมสะดุ้งพรวดทันทีที่พูดจบ สายตาดำมืดมิดแต่สมองกลับเห็นภาพสว่างจ้า ว่า...
“เด็กวัยรุ่นผมสั้นทรงนักเรียนห้าคนถูกวัยรุ่นอันธพาลสิบคนรุมตี แต่กลับสู้ไม่ถอยจนวัยรุ่นสิบคนนั้นสะบักสะบอม ...เตลิดหนีกระเจิง”
ภาพวัยรุ่นห้าคนหัวเราะร่วนหลังถูกตีหน้าเสาธงโรงเรียน คือภาพสุดท้ายให้ผมสะบัดหน้าเพื่อให้ตื่นจากภวังค์
วันรุ่งขึ้น เราห้าคนแอบซุ่มหลังห้องน้ำบ้านน้องปนัดดา พอสิ้นเสียงเพลงเคารพธงชาติ ผมคว้าเก้าอี้พลาสติกวิ่งนำพรรคพวกไปยังเป้าหมาย ใช้เก้าอี้เป็นตัวช่วยปีนข้ามรั้วโดดลงยังอีกฝั่งนอกพื้นที่โรงเรียน จากนั้นวิ่งฝ่าทุ่งทะลุซอยตรงไปยังถนนใหญ่
ในเมืองรถติดมาก กว่าแท็กซี่จะฝ่าจราจรถึงหอประชุมศูนย์การค้าก็ปาเข้าไปกว่าสิบโมงเช้าแล้ว พวกเราต้องรีบเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อที่เตรียมมา โดยเฉพาะผมที่บรรจงเลือกเสื้อลวดลายสีสดใส ตัวทันสมัยและสวยที่สุดเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
จากนั้น พวกเรากึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังหอประชุมเพราะรู้ว่าสายมากแล้ว แต่โชคดีมาทันชาช่าที่เป็นคนที่สามโชว์ทักษะเปียโน
ชาช่าได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราวเมื่อจบการแสดงรอบก่อนชิงชนะเลิศ แต่ผมว่าไม่มีใครตบมือดังและยาวนานเท่าผมนะ
หลังผู้แข่งขันคนที่ห้าซึ่งเป็นคนสุดท้ายจบการแสดง ก็เป็นการประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบสามคนสุดท้าย เพื่อหาผู้ชนะเลิศและรองชนะเลิศอีกสองตำแหน่งต่อไป
พวกเราเฮลั่นโดยเฉพาะผมที่กระโดดตัวลอย เมื่อพิธีกรประกาศชื่อชาช่าเป็นคนที่สองเข้ารอบชิงชนะเลิศ
เพลงประกวดรอบชิงชนะเลิศ ชาช่าเลือกเล่นเพลง Gaspard de la Nuit อันเป็นเพลงติดท๊อป ๑๐๐ เล่นยากสุด
เพลงเริ่มต้นด้วยท่วงทำนองช้า ...ชาช่าแสดงสีหน้าอ่อนพลิ้วหลับตาด้วยสุนทรียภาพ ครั้นทำนองเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น นิ้วชาช่าก็ดีดระรัวประวิงตามจังหวะแสดงอารมณ์ศิลปิน สะกดกรรมการและผู้ชมทั่วห้องโถงเหมือนต้องมนต์ จบลงด้วยเสียงโห่ร้องปรบมือดังสนั่น
ไม่แปลกใจหรือขัดสายตาใครเลย เมื่อพิธีกรประกาศชื่อผู้ชนะเลิศแชมป์เปียโนเอเชีย/แปซิฟิก คือ
“SHA-SHA FROM THAILAND”
ผมลืมตัว กระโดดตัวลอยชูกำปั้น ตะโกนดังสนั่น “YES! YES! YES!” หารู้ไม่ว่า มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่
พวกเรารีบออกจากหอประชุมไม่รอดูพิธีมอบถ้วยรางวัล เพราะต้องรีบกลับโรงเรียนก่อนผู้ปกครองจะมารับกลับบ้าน ระหว่างทางไปห้องน้ำใกล้ประตูทางออกที่จอดรถอันห่างไกลผู้คน เพื่อเปลี่ยนเสื้อกลับเป็นชุดนักเรียนนั้น ปรากฏกลุ่มวัยรุ่นหกคนที่เดินตามหลังพวกเราเริ่มแสดงตัวตน หนึ่งในวัยรุ่นร่างกำยำปราดเข้าหาผมทำสีหน้าขมึงตึง พูดเชิงข่มขู่ว่า
“เสื้อเอ็งสวยดี ขอเหอะ”
ผมงงมาก ทำได้เพียงยิ้มเจื่อน ๆ วัยรุ่นนั้นจึงพูดสำทับอีกครั้ง
“จะให้ดี ๆ หรือต้องให้ใช้กำลังวะ”
สิ้นคำขู่ พวกเขาอีกห้าคนตีวงล้อมกรอบผมทันที ส่วนเพื่อนผมสี่คนยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ จึงตอบคนที่พูดขู่ผมว่า
“ไม่เอาทั้งสองอย่างแหละพี่”
ผมตอบสไตล์ใสซื่อ คือคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น วัยรุ่นคนนั้นจึงหมายมั่นจะถอดเสื้อผมด้วยตัวเอง
ผมต้องใช้มือปกป้องปัดมือเขาออกจากตัวหลายครั้ง ทันใดนั้น หมัดหนึ่งพุ่งตรงมายังครึ่งปากครึ่งจมูกผมอย่างจังจนหงายล้มก้นกระแทกพื้น
ไม่รู้ว่าเอาทักษะมวยมาจากไหน ผมกระโดดลุกขึ้น ปล่อยหมัดพุ่งสวนยังวัยรุ่นร่างยักษ์นั้นที่คาดไม่ถึงว่าผมจะฮึดสู้ หมัดนี้เข้าปลายคางเขาอย่างจัง ตามติดประชิดด้วยเตะเข้าชายโครงจนร่างนั้นล้มทรุดหน้าเบ้ ...มือกุมซี่โครง
ผมสะบัดหน้า กลับงุนงงเสียเองในพลังเตะอันหนักหน่วงทั้งที่ชาตินี้ไม่เคยเรียนมวยมาก่อน
ความชุลมุนเกิดขึ้นเมื่อผมถูกรุมสะกรัม แต่ไม่ผิดหวังในตัวเพื่อนทั้งสี่เลย เมื่อธีรยุทธ์ จักรพันธ์และสุรเดชโดดเข้าร่วมวงต่อสู้ ขณะที่โชติมาเข้ามายื้อยุดฉุดกระชากกลุ่มวัยรุ่น ปากร้องโหวกเหวกขอความช่วยเหลือลั่น
ภายในไม่เกินห้านาที ผมเห็นเจ้าหน้าที่ รปภ. ร่วมสิบคนเป่านกหวีดดังสนั่นวิ่งกรูมายังที่เกิดเหตุ กลุ่มวัยรุ่นจึงผละจากพวกเราหนีไปยังลาดจอดรถแต่ก็ถูก รปภ. ไล่กวดตาม คงเหลือ รปภ. คนหนึ่งสั่งพวกเราห้ามหนีและอยู่คุมไม่ให้ไปไหน
ผมและจักรพันธ์ปากแตก เลือดกำเดาไหลไม่หยุดมีโชติมาคอยซับเช็ดให้ ส่วนธีรยุทธ์ตาบวมเป่ง พรุ่งนี้คงระบมและเขียวคล้ำแน่ ส่วนสุรเดชไม่วายบ่นว่าปวดไปทั้งตัว
แปลกใจมากที่เห็นแม่และป้าเสาวลักษณ์วิ่งหน้าตื่นมายังพวกเรา พอเห็นแม่ร้องไห้ก็ทราบว่าผมคือต้นเหตุ แต่ไม่รู้ร้องไห้เพราะสาเหตุโดดเรียนหรือเพราะเห็นเลือดบนใบหน้าผม
“ขอโทษฮะแม่” ผมเดินเข้าไปกอดแม่ที่ตาแดงกล่ำปนเสียงสะอื้น รู้สึกแย่มาก ๆ จึงยกมือไหว้กราบอกแม่ พูดซ้ำอีกครั้ง “โต้ขอโทษ... โต้จะไม่หนีเรียนอีกฮะ”
“แม่เขาแค่ห่วงโตโต้น่ะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องหนีเรียนหรอกจ้ะ”
ป้าเสาวลักษณ์กล่าวแทนแม่ที่นิ่งเฉย จากนั้นเดินเข้ามาใช้สองมือโอบกอดผม
ผมรู้สึกดีขึ้นทันควัน อดไม่ได้ต้องใช้สองมือโอบกอดคอป้าเสาวลักษณ์กลับ พอคลายกอด กลายเป็นว่าทั้งแม่และป้าเสาวลักษณ์ร้องไห้เช็ดน้ำมูกซับน้ำตาทั้งคู่ ...ผมล่ะไม่เข้าใจพวกเขาจริง ๆ
ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุในอีกสิบห้านาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ รปภ. ไล่กวดจับวัยรุ่นได้ห้าคน ส่วนอีกคนหนีไปได้
เพราะเราทั้งห้าไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ ตำรวจจึงให้ไปสอบปากคำภายหลัง และอนุญาตให้แม่ส่งพวกเรากลับโรงเรียน
ภาพเด็กผู้ชายหัวเกรียนห้าคนถูกตีก้นหน้าเสาธงชาติ โผล่แวบเข้าสมองอีกครั้ง เมื่อผมถูกตัดคะแนนความประพฤติ ๒๐ คะแนน ฐานเป็นผู้ชักชวนให้เพื่อน ๆ กระทำผิด ส่วนเพื่อนโดนหักคนละ ๑๐ คะแนน
ภาพคุ้น ๆ หลังเดินออกมาจากห้องครูใหญ่ว่าพวกเราหัวเราะชอบใจ ไม่มีใครโทษผมสักนิดว่าทำให้พวกเขาโดยหักคะแนน
เย็นนี้แม่อยู่รอผมจนเลิกเรียน ต้องอดเล่นบอลเพราะเริ่มปวดตามตัวจากการต่อสู้ ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน เห็นแม่สีหน้าไม่สู้ดีทำให้ผมต้องถามด้วยใจหดหู่
“ยังไม่หายโกรธโต้เหรอแม่ โต้ขอโทษอีกครั้งที่หนีเรียนนะฮะ”
“แม่ไม่ได้โกรธโตโต้เรื่องหนีเรียนหรอกลูก”
“แล้วทำไมแม่ยังดูเศร้าฮะ”
“แม่ไม่รู้ ...แม่บอกไม่ถูก”
“เป็นเพราะโต้เจ็บตัวเหรอฮะ”
แม่หันมามองผม “ก็ไม่ใช่อีกแหละลูก”
“แล้วทำไมตอนนี้แม่ร้องไห้ฮะ”
“แม่บอกไม่ได้” เสียงแม่สั่นเครือ
ผมไม่เข้าใจ แม่มีอะไรปิดบังหรือ! ผมไม่เคยมีอะไรปิดบังแม่เลยนะ! เอ่อ ยกเว้น...
**********