กลิ่นและสถานที่คุ้นเคย

2305 Words
๑.๐๒ แม่ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่มัธยมต้นจนจบมหาวิทยาลัย จึงออกจะติดวัฒนธรรมการกินแบบชาวตะวันตก อาหารเช้าของผมจึงเรียบง่าย เช่น ซีเรียล สารพัดชนิดไข่ควบคู่กับแฮม หรือเบคอน หรือไส้กรอกพร้อมขนมปังปิ้งหรือไม่ก็แพนเค้ก ที่ขาดไม่ได้เลยคือนมสดที่แม่บังคับให้ดื่มหมดแก้วทุกครั้ง ส่วนมื้อเที่ยงก็จืดชืดแบบอาหารเด็กเล็กทั่วไปที่โรงเรียน แต่มื้อเย็นแม่จะจัดอาหารหนักประเภทเนื้อ หมู ไก่ ปลา สไตล์ยุโรปหรืออเมริกันให้เสมอ ผมทานอาหารฝีมือแม่หมดทุกครั้งเพราะอยากเอาใจแม่ มีบ้างที่บ่นอยากกินแกงกะทิน่องไก่เข้มข้น น้ำพริกอะไรก็ได้ที่เผ็ดหน่อย หรืออาหารรสชาติไม่จัดจ้านนักก็เต้าหู้ทรงเครื่อง แปลกตรงที่ผมไม่เคยทานอาหารดังกล่าวมาก่อน เคยเห็นแต่ภาพผุดขึ้นมาในสมองเท่านั้น ผมทานอาหารฝรั่งแล้วควรจะอ้วนท้วนดีใช่ไหม แต่ตรงข้ามกลับผอมเอามาก ๆ เช้านี้เช่นกัน แม่ทำชีสออมเล็ต แฮมหนาโตหนึ่งชิ้น นมสดหนึ่งแก้ว ดูผมทานจนหมด และคุยเช่นปกติบนโต๊ะอาหารทุกเช้าก่อนส่งผมไปโรงเรียน ...เช้านี้แม่บอกผมว่า “คุณเสาวลักษณ์แม่ของชาช่าจะเอาน้องชาช่าเข้าโรงเรียนเดียวกับลูกนะจ้ะ” “แต่โรงเรียนโต้เป็นโรงเรียนนานาชาตินะฮะแม่ น้องเค้าจะเข้าใจภาษาอังกฤษหรอ” ผมถามซื่อ ๆ ประสาเด็ก “เด็กเรียนรู้ภาษาได้เร็วจ้า” แม่ตอบพร้อมยิ้มหวานให้ “ถ้าได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน คุณแม่ชาช่าอยากฝากโตโต้ช่วยดูแลน้องด้วย ...ได้ไหมจ้ะ” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ไม่เคยดื้อกับแม่อยู่แล้ว กลัวแม่ร้องไห้เสียใจ “อ้อ... พรุ่งนี้วันหยุดราชการ แม่ของชาช่าชวนเราไปบ้านเขาที่สามพรานนะ เห็นบอกจะพาไปหาของอร่อย ๆ กินกัน” แม่ยิ้มที่เห็นผมพยักหน้า กล่าวต่อ “แม่ตอบตกลงไปแล้วเพราะพรุ่งนี้โตโต้ไม่ต้องไปเรียนซ้อมกอล์ฟ” ผมได้แต่ฉีกยิ้มกว้างเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี คุณเสาวลักษณ์จ้างคนขับรถส่วนตัวชื่อสมาน เพราะต้องเดินทางไปกลับกรุงเทพ-สามพรานทุกวัน ผมพอจะเข้าใจเลา ๆ ได้ว่า ทำไมคุณเสาวลักษณ์ไม่ขับเส้นทางนี้ เพราะชาช่าเคยบอกว่าพ่อและพี่ชายตายขณะขับรถเข้ากรุงเทพฯ และเช้าวันหยุดราชการนี้ คุณเสาวลักษณ์ใจดีส่งคุณสมานมารับพวกเราถึงบ้าน “วันหยุดถนนโล่งอย่างนี้ไม่เกินสี่สิบนาทีก็ถึงครับ” เป็นประโยคแรกที่คุณสมานชวนแม่คุย “คุณสมานพอทราบไหมคะ ว่าวันนี้คุณเสาวลักษณ์จะพาพวกเราไปไหนบ้าง” “เห็นว่าจะหามื้อเที่ยงทานกันที่ตลาดน้ำ ก่อนซื้ออาหารสดกลับไปทำทานมื้อเย็นกันครับ” “วิ่งเส้นพุทธมณฑลใช่ไหมคะ ได้ยินว่าถนนดี รถยังไม่มาก” ก่อนคุณสมานจะตอบ ผมตาโตหันขวับใส่แม่ทันควันที่ได้ยินคำว่าพุทธมณฑล ...เหมือนเคยได้ยินมาก่อนแต่จำไม่ได้ ผ่านมาได้ครู่ใหญ่ คุณสมานพูดกับแม่ “ถึงแยกศาลายาแล้ว อีกไม่เกินยี่สิบนาทีก็จะถึงบ้านคุณนายเสาวลักษณ์แล้วครับ” ห้านาทีต่อจากนั้น ผมนั่งกระสับกระส่าย สติล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตัวสั่นสะท้านเหมือนไม่สบายมีไข้ อยากไขกระจกลงให้ได้อากาศบริสุทธิ์เพราะรู้สึกหายใจลำบาก แม่สังเกตเห็นจึงเอามือแตะหน้าผากเพื่อวัดไข้ สัมผัสว่าอุณหภูมิร่างกายปกติ จึงดึงตัวผมไปกอดด้วยคิดว่าสั่นเพราะหนาว ผมซบแนบอกแม่ กอดเอวแม่แน่น อยากบอกว่า “ผมกลัว” แต่พูดไม่ออกเพราะไม่รู้ว่ากลัวอะไร เหลือบตาขึ้นทีไรเห็นคุณสมานแอบมองผ่านกระจกมองหลังทุกครั้ง จากนั้น ผมหลับตาพริ้มบนอ้อมอกแม่ หายใจโล่งเพราะกลิ่นกายแม่หอมมาก สักพักอาการเหมือนมีไข้หายเป็นปลิดทิ้ง ผมมั่นใจว่ารถกำลังเลี้ยวเข้าบ้านแม่ชาช่าที่อาณาบริเวณกว้างขวางมาก มีต้นไม้ร่มครึ้มเต็มไปหมด บ้านตึกสองชั้นเพิ่งทาสีใหม่ดูสวยสดใส “อืม! บ้านน่าอยู่จัง เอ... เหมือนที่ไหนสักที่นะ” แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก คุณเสาวลักษณ์และชาช่าออกมารับพวกเราตรงประตูเข้าบ้าน “เดินทางราบรื่นดีไหมคะ” คุณเสาวลักษณ์ทักถามแม่ “เรียบร้อยค่ะ รถไม่ติดเลย” แม่หันมาทางผม “โตโต้ สวัสดีป้าเสาวลักษณ์ก่อนสิลูก” ผมยกมือไหว้ป้าเสาวลักษณ์ที่จ้องตาผมไม่หยุดก่อนก้มตัวลงกอดผมเบา ๆ จากนั้นดุนตัวผมออกจากอ้อมกอดและจ้องตาผมเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ดึงกลับเข้ากอดอีกครั้งอย่างแน่น หลังป้าเสาวลักษณ์คลายกอด ผมเอามือเสยผมเพราะเขินนิด ๆ แต่รู้สึกชอบและมีความสุขในอ้อมกอดเมื่อกี้จัง “ดูสิ... ท่าเสยผมเหมือนเทวเนตรเปี๊ยบเลย” ป้าเสาวลักษณ์เอามือทาบอก ละสายตาจากผมหันไปมองแม่ “เทวเนตรตอนอายุเจ็ดขวบเท่าโตโต้ เวลาเขินอายก็ชอบเสยผมแบบนี้แหละค่ะ” เทวเนตรเป็นใครเหรอ? เฮ้อ... จะเป็นใครก็ช่าง! ผมไม่ขอรับรู้ดีกว่า ชาช่าเดินมาไหว้สวัสดีแม่ผม “สวัสดีค่ะน้าศรีรัตน์ หนูพาพี่โตโต้ไปห้องเด็กเล่นนะคะ” แม่พยักหน้ายิ้ม ชาช่าจึงจูงมือผมเดินเข้าบ้าน ภายในบ้านผมได้กลิ่นบางอย่างที่คุ้นเคย แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นกลิ่นอะไร และเคยได้กลิ่นนี้จากไหนมาก่อน ทันใดนั้น ต้องตะลึงต่อภาพแขวนชายในชุดสูทสากล โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมลากเสียงยาวตะโกนลั่น “พ่ออออ” “ใช่ พ่อช่าเอง แล้วทำไมพี่โตโต้ต้องถามซะดังเชียว” ชาช่าเงยหน้ามองผมด้วยความสงสัย เงียบแทนตอบเพราะมึนไปหมด ผมชี้ไปยังรูปเด็กหนุ่มหน้าค้น ๆ ที่ตั้งโชว์อยู่ ถาม “แล้วคนนี้ใครอ้ะ” “พี่ชายช่าไง ...รูปนี้พี่เทวเนตรอายุสิบสี่” จากนั้นชาช่าชี้ไปยังอีกรูป “ดูรูปพี่เทวเนตรตอนเจ็ดขวบสิ หน้าคล้ายพี่โตโต้เนอะ” ใจคิดกับตัวเอง “นิดหน่อย ก็แค่ตาโตเหมือนกัน แต่ถ้าเราอายุสิบสี่แล้วหล่อเหมือนเทวเนตรก็เจ๋งดิ” ในใจก็เห็นด้วยนะ ว่าเด็กในรูปถ่ายกับผมหน้าตาเหมือนกันจริง แต่บอกชาช่าว่า “ขอดูรูปพวกนี้ก่อน เจอกันที่ห้องเด็กเล่นเลยนะ” ผมจ้องเด็กชายในภาพถ่าย รู้สึกสับสนเหมือนทุกรูปเคยเห็นมาก่อนแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จากนั้นเดินไปห้องเด็กเล่นถูกได้อย่างไรไม่รู้ เปิดประตูห้องเข้าไปก็ประหลาดใจ ต้องเบิ่งตาโตเลิกคิ้วถาม “ชาช่า... ของเล่นพวกปืนกะรถหายไปไหนหมดอ้า” ก็บางอย่างในตัวผมบอกเคยมีนี่นา! “แม่เอาไปบริจาคที่มูลนิธิเด็กบ้านทานตะวันหมดแล้ว แม่บอกทำใจไม่ได้” ชาช่าพูดใสซื่อที่ผมไม่แน่ใจว่าน้องเข้าใจสิ่งที่พูดไปหรือเปล่า ...ทำใจไม่ได้เรื่องอะไรหรือ ผมล่ะสงสัยจริง แต่บ้านทานตะวันเคยได้ยินมาก่อนนี่นา! ใจนึกอยากเดินสำรวจบ้านขึ้นมาเฉย จึงบอกน้องชาช่า “ในนี้มีแต่ตุ๊กตากะของเล่นผู้หญิง เดี๋ยวพี่มานะ ขอเข้าห้องน้ำก่อน” พูดเสร็จผมเดินไปห้องน้ำโดยไม่ต้องมีใครบอกว่าไปทางไหน ขามันพาก้าวเดินเองเหมือนคนละเมอกลางวันมากกว่า เปิดประตูห้องน้ำดูเห็นสะอาดสะอ้านดี ก็ปิดกลับเข้าที่เพราะไม่ได้ต้องการใช้จริงหรอก อีกครั้งที่ขาก้าวนำความคิดพาขึ้นบันไดยังชั้นสอง เดินผ่านห้องโถงตรงไปเปิดประตูห้องที่สองขวามือ สายตาสอดส่องทั่วห้อง เห็นชุดโต๊ะเรียนหนังสือก็เดินไปนั่ง สายตากวาดต่อ เห็นกีตาร์วางอยู่บนเตียงเกิดนึกอยากเล่นขึ้นมาเฉย จึงล้มตัวลงนอนหยิบกีตาร์มาคลำเล่น รู้สึกคุ้นกับกีตาร์ตัวนี้ยังไงพิกล! หลงรักมันมากและอยากได้จัง! สักพักได้กลิ่นคุ้นเคยโชยมา คราวนี้ต้องใช้มือเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมาไม่รู้ตัว ผมล้มตัวลงนอน ไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น มาสะดุ้งรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินป้าเสาวลักษณ์พูดเสียงอ่อนโยนว่า “โตโต้ ไปตลาดน้ำกินข้าวเที่ยงกันลูก” ป้าเสาวลักษณ์เห็นผมนอนอยู่จึงนั่งลงบนเตียง เห็นน้ำตาอาบสองแก้มก็ใช้สองมือปาดน้ำตาให้ จากนั้นอุ้มผมนั่งตักกอดแน่น ขณะที่ผมใช้สองมือโอบกอดคอป้าเสาวลักษณ์กลับ ...ใจอยากอยู่อย่างนี้นาน ๆ ผมได้ยินเสียงป้าเสาวลักษณ์สะอื้นดัง จึงผละตัวเองจากอ้อมกอด เบิ่งตาโตจ้องหน้าป้า ป้าเสาวลักษณ์รีบหอมแก้มผมฟอดใหญ่ดับพิรุธ พูด... “ห้องนี้เป็นห้องนอนเทวเนตรค่ะ อ้อ! โตโต้เข้าห้องน้ำแล้วยังลูก” “ฮะ” ผมตอบ ใจสัมผัสอะไรได้บางสิ่ง เหมือนอารมณ์กึ่งเศร้ากึ่งดีใจของป้าเสาวลักษณ์ละมัง ป้าจูงมือผมเดินออกนอกห้องไม่พูดอะไรอีก ส่วนผมรู้สึกงงไปหมด ครั้นถึงห้องเด็กเล่น เห็นแม่และชาช่ารออยู่แล้ว แม่พูดพลางยิ้มให้ผม “โตโต้เข้าห้องน้ำนานจังนะลูก” ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้นทำให้ผมตอบแม่ตะกุกตะกัก “คะ...คะ...คร้าบบ” ป้าเสาวลักษณ์พูดแทรกขึ้นทันใด “คงหิวกันแล้ว ชาช่าชอบทานอาหารฝรั่ง” จากนั้น ป้าเสาวลักษณ์หันมาทางผม ถาม “โตโต้ล่ะ... ชอบไหมคะ” ผมยิ้มสบตาป้าเสาวลักษณ์ ตอบตะกุกตะกักอีกแล้ว “ชอ... ชอ... ชอบคร้าบบ” จริง ๆ ชอบฝีมืออาหารฝรั่งฝีมือแม่มากกว่า แต่ทำไมตอบครั้งนี้เหมือนไม่มั่นใจ รู้สึกทำตัวไม่ถูก สับสนตัวเองจัง! สิบห้านาทีต่อมา... พวกเราเดินทางโดยรถตู้ที่ป้าเสาวลักษณ์ขอยืมจากพี่ชายชื่อลุงปรีชา เพื่อไม่ต้องนั่งเบียดเสียดกันในรถเก๋งคันเมื่อเช้า แต่เพราะชาช่าและผมใจตรงกันอยากทานพิซซ่า ป้าเสาวลักษณ์จึงบอกให้คุณสมาน แวะห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครปฐมเพื่อทานพิซซ่ากัน หลังอิ่ม พวกเราเดินเล่นย่อยอาหารในห้าง ผมเดินจูงมือน้องชาช่าที่พูดเจื้อยแจ้วให้เพลิดเพลินได้ตลอด ขณะที่ผมได้แต่ยิ้มแต่ใจคิดอยากมีน้องสาวน่ารักแบบนี้บ้างจัง ส่วนโปรแกรมเที่ยวตลาดน้ำเป็นอันต้องยกเลิกเพราะไม่มีเวลาพอ คุณสมานจึงขับรถส่งพวกเราที่ตลาดซื้ออาหารสดไปทำมื้อเย็นทานกัน ถึงบ้านป้าเสาวลักษณ์ ชายมีอายุกับหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งรออยู่ก่อนแล้วในห้องรับแขก ป้าเสาวลักษณ์แนะนำชายทั้งสองแก่แม่ “พี่ปรีชาเป็นพี่ชายเสาวลักษณ์และเอกพจน์ลูกชายพี่ปรีชาค่ะ” แม่ยกมือไหว้ลุงปรีชาและรับไหว้เอกพจน์ในเวลาเดียวกัน จากนั้นหันมาสะกิดผม “สวัสดีคุณลุงกะพี่เค้าก่อน โตโต้” ผมไหว้ลุงปรีชาแต่กลับยกมือทักทายเอกพจน์ ...ไม่รู้ว่าทำไม! “อืม! ลูกชายตาเหมือนเทวเนตรจริง ๆ ด้วย” ลุงปรีชาบอกแม่พร้อมเอามือขยี้หัวผมเล่น “ผอมเหมือนไอ้ก้างด้วยนะพ่อ” เอกพจน์เสริมพร้อมหันมาทักผม “ว่าไงก้าง” ผมฉีกยิ้มกว้าง ...แปลกใจไม่รู้สึกโกรธที่ถูกล้อว่าก้างเลยสักนิด “ทานข้าวเย็นด้วยกันนะพี่ ลักษณ์ซื้อมาเยอะเลย” ป้าเสาวลักษณ์บอกลุงปรีชา “คงไม่ล่ะ ต้องรีบมาเอารถตู้ไปขนของให้เอกพจน์เข้าหอที่มหาลัยเย็นนี้” พวกเรายกมือไหว้ล่ำลากัน แต่กับเอกพจน์ผมเพียงยิ้มโบกมือให้แทน กุ้งอบวุ้นเส้น เต้าหู้ทรงเครื่อง น้ำพริกลงเรือ และแกงเขียวหวานน่องไก่รสชาติจัดจ้าน คือรายการอาหารมื้อเย็นเหมือนภาพในสมองไม่ผิดเพี้ยน ทุกอย่างถูกปากผมทำให้ทานได้มากเป็นพิเศษ และไม่รู้ตัวมาก่อนว่าทานเผ็ดได้ กระทั่งได้เวลากลับเพราะจวนจะหกโมงเย็นแล้ว ก่อนป้าเสาวลักษณ์จะเดินไปส่งเราสองแม่ลูกที่รถ ป้าหันไปคว้ากีตาร์ที่เตรียมไว้ก่อนหน้า ยื่นส่งให้ผม “น้องชาช่าชอบเล่นเปียโนมากกว่า ป้าเลยไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมให้รกห้อง โตโต้เอาไปฝึกเล่นละกันนะลูก” ผมตาลุกโต ก้มหัวยกมือไหว้ป้าเสาวลักษณ์ พูดออกไปใครได้ยินก็ทราบว่าผมได้ของเล่นสมใจอยาก “ขอบคุณป้ามาก ๆ ก๊าบบบ” ผมรับกีตาร์มาดีดเกาเล่น นิ้วมันพาไปเองเป็นเพลงอะไรก็ไม่รู้ เงยหน้าขึ้นเห็นป้าเสาวลักษณ์น้ำตาคลอ ก่อนถึงพุทธมณฑล กม. ๒๕ ได้ยินเสียงซ้ำ ๆ ก้องในหูว่า “ขอพ่อกอดอีกครั้ง... ขอพ่อกอดอีกครั้ง” ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่โผเข้าซบอก กอดเอวแม่ พูดเสียงสะอื้นเบา ๆ ในลำคอ “โต้... โต้... โต้คิดถึงพ่อฮะ” สิ่งเดียวที่รู้ตัวตอนนั้นคือผมพูดตะกุกตะกักอีกแล้ว ไม่ทราบว่าแม่ได้ยินหรือไม่ แต่แม่กอดผมแน่น คืนนั้น เราสองคนแม่ลูกถึงบ้านเกือบทุ่ม ผมเข้านอนตอนสามทุ่มและฝันว่า ร้องไห้ล่องลอยตามหาแม่ในบรรยากาศเวิ้งว้างกว้างใหญ่ไพศาล ฝันนี้เศร้าเกินจนไม่อยากจำเอาเสียเลย! **********
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD