ลำบากก็ไปหาพ่อมาดูแล

1357 Words
หญิงสาวร่างบางเหม่อมองใบหน้าที่อยู่ในกระจกตู้เสื้อผ้าใบเก่า มองแล้วมองอยู่แบบนั้น ก่อนที่จะรีบสลัดความคิดบางอย่างออกจากหัวให้เร็วที่สุด “คิดมากไปแล้ว” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง ตั้งแต่เมื่อวานที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เธอเองก็คิดวกวนไปมา แต่คิดอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าข้างตัวเองได้จริง ๆ เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจ พอทำแบบนั้นไปแล้วก็คงตกใจใช่น้อย บางครั้งอาจจะนึกถึงลูกเมียเขา “เฮ้อ~~” ท้ายสุดแล้วเธอก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะรีบแต่งตัวให้เสร็จเพื่อเข้าไปในเมือง วันนี้เธอจะไปซื้อของกินของใช้ และจะไปลองหางานดูเผื่อได้ หญิงสาวสวมรองเท้าผ้าใบสีขาว แม้จะเป็นคู่เดียวตั้งแต่ที่เธอเรียนอยู่ก็ตาม แต่เพราะได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจึงยังเหมือนใหม่อยู่ วันนี้เธอสวมกางเกงขายาว บวกกับเสื้อแขนยาวสีขาวดูสุภาพเรียบร้อย จูงมอเตอร์ไซด์คันเก่าออกมาและสตาร์ทเครื่อง ช่างเป็นใจเหลือเกินเพราะครั้งนี้เจ้ารถคันเก่าไม่ได้งอแงทำเธอเสียเวลา น้ำค้างสวมหมวกกันน็อคเรียบร้อย เธอขับรถออกมาตามถนนท่ามกลางแดดในช่วงสาย คนในหมู่บ้านที่เจอเธอต่างก็ส่งยิ้มให้และเอ่ยทักทาย “เข้าเมืองเหรอน้ำค้าง?” “จ้า ไปซื้อของจ้ะป้า” เสียงใสตอบกลับก่อนจะขับผ่านไป เธอขับรถออกจากหมู่บ้านมาราว ๆ 10 กิโลเมตร กว่าจะถึงเมืองได้ก็เล่นเอาเหงื่อตก เธอตระเวนสมัครงานตรงนู้นทีตรงนี้บ้าง ส่วนมากไม่อยากได้ผู้ชายก็พนักงานเต็ม หาจนท้อ ก้มดูเวลาในโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าหน้าจอพัง ๆ ก็เป็นเวลาบ่ายกว่า ๆ แล้ว เธอจึงรีบไปซื้อของกินของใช้ เพราะเดี๋ยวบ่ายสามก็ต้องไปรับต้นไผ่อีก “สาธุ ถ้าลูกมารอบหน้าขอให้ลูกได้งานด้วยเทอญ” เธอถึงขั้นต้องรบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะเธออยากมีงานและมีรายได้ที่มั่นคง เพราะตอนนี้ค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว อีกหน่อยต้นไผ่ก็จะเข้าเรียนอนุบาลแล้ว ชุดนักเรียนก็ต้องซืื้อใหม่ น้ำค้างขับรถกลับมายังหมู่บ้าน ทั้งข้าวของพะลุงพะลัง แดดช่วงบ่ายก็ร้อนเผาหัว จู่ ๆ รถมอไซด์ก็ส่งเสียงแปลก ๆ เอาแล้ว ๆ อย่าบอกนะว่าจะพังอีกแล้ว!! เธอเพียงแค่นึกเท่านั้น แต่รถคันเก่าคู่ใจนี่ก็เหมือนได้ยินเสียงในหัว อยู่ ๆ ก็กระตุกและเครื่องดับไป โถ~~ นี่เธอต้องเข็นรถไปเกือบกิโลเลยนะกว่าจะถึงบ้านตัวเอง แค่คิดก็เหงื่อตกแล้ว “เฮ้อ~~~” เสียงถอนหายใจยาวเหยียด วันนี้เธอทั้งเดินหางาน ทั้งยังต้องมาเข็นรถที่ขยันพังนี่อีก ขี่ปุ๊บพังปั๊บ เงินจะเติมน้ำมันก็ว่าหายากแล้ว เงินซ่อมนี่นึกแล้วยังเครียดไม่หายเลย “น้องครับ ๆ หมู่บ้านวังหนานไปทางไหนเหรอครับ? พอดีพี่มาตามจับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แก้มขาว ๆ คนหนึ่ง” จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซด์คันโตขับมาข้าง ๆ เธอพร้อมกับถามทาง น้ำค้างหันไปมองเจ้าของเสียงก็ยิ้มให้อีกฝ่ายทั้งเหงื่อไหลเต็มกรอบหน้า “พี่ชัยอย่าแกล้งหนูสิ” คุณตำรวจที่ขับรถมาแกล้งถามเธอก็คือ ‘ชัย’ คนหมู่บ้านเดียวกับเธอนั่นเอง เขาเป็นรุ่นพี่เธอ เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับพี่กล้าและพี่ก้องด้วย เธอจึงรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี “ก็น่าแกล้งตลอดนี่” ก็เธอทั้งน่ารัก แก้มขาว ๆ ราวกับสาวน้อยแรกรุ่น เป็นใครจะไม่เอ็นดู “หนูน่าแกล้งตรงไหน?” เธอหยุดเดินจูงรถ ก่อนจะหันมายืนคุยกับอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “ก็ทุกตรงนั่นแหละ รถเสียอีกแล้วเหรอ?” ชัยรีบเปลี่ยนเรื่องแต่ทว่าหน้าก็ยังยิ้มอยู่ “ใช่จ้ะ ขยันพังจริง ๆ ” เธอพูดเชิงตัดพ้อ ก็พังบ่อยจริง ๆ นี่นา กว่าเธอจะเดินไปถึงบ้านปั่นจักรยานไปรับลูกต่อก็คงเหนื่อยจนหอบเป็นแน่ “ให้พี่ไปส่งนะ” “ไม่เป็นไรจ้ะพี่ ของมันเยอะน่ะ อีกอย่างหนูกลัวด้วย” เธอกลัวที่จะนั่งซ้อนท้ายรถคันใหญ่ของเขานั่นแหละ ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อยที่เขาอาสาไปส่งเธอ แต่เธอก็ปฏิเสธทุกครั้ง “เดือนหน้าพี่จะไปออกรถใหม่แล้วแหละ เผื่อน้ำค้างจะยอมนั่งกับพี่บ้าง” ชัยเอ่ยด้วยความเสียดาย เขายังไม่ทันพูดอะไรต่อก็โดนรถกระบะที่ขับตามหลังมาบีบแตรไล่ และเปิดกระจกลงมาด่า “เป็นตำรวจแบบไหนวะขับรถกลางถนน เดี๋ยวกูชนแม่งให้ตายห่า” คนที่ปากหาเรื่องขนาดนี้ทั้งหมู่บ้านทั้งตำบลก็คงมีคนเดียวนั่นแหละ ไอ้คนปากวอนตีน! “ไอ้กล้า กลับบ้านมาก็ปากดีเลยนะมึง” ชัยจอดรถเข้าข้างทางเพื่อหลบให้รถกระบะคันใหญ่ ก่อนจะยืนเท้าเอวเตรียมด่าเพื่อนสมัยเรียนสักหน่อย “มาขึ้นรถ” “…” “หูหนวกเรอะ!” เขาเริ่มเสียงดัง เป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ มาถึงก็หัวร้อน “พี่พูดกับหนูหรือจ๊ะ?” คะนิ้งทำหน้างง ๆ พร้อมกัับชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “ก็ถ้าไม่ใช่ว่าพูดกับเธอแล้วจะให้ฉันพูดกับแมวที่ไหน” เขาเปิดประตูรถลงมาด้วยท่าทีหงุดหงิด ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็ถือวิสาสะดึงเอาถุงทั้งของกินของใช้ที่ห้อยอยู่หน้ารถเธอไปไว้หลังรถกระบะ น้ำค้างมองอึ้ง ๆ ก่อนจะได้สติ “มะ ไม่เป็นไรจ้ะพี่ นี่ก็ใกล้จะถึงบ้านแล้ว หนูจูงอีกนิดก็จะถึงบ้านแล้วจ้ะ” เธอเดินตามเขาแต่มีหรือที่เขาจะสนใจ “ไอ้ชัยมึงยกรถขึ้นดิ๊” เขาออกคำสั่งไม่สนใจว่าเพิ่งเจอกันเลยสักนิดเดียว “เอ้าไอ้ห่านี่! มึงสั่งกูยกรถมึงเป็นพ่อกูหรือไง?” “งั้นน้ำค้างก็ไปยก” “หา!!?” “มึงบ้าหรือวะ! เออ ๆ มามึงกับกูมายก” ชัยจำใจต้องไปยกรถขึ้นอย่างงง ๆ แต่ก็ทำจนเสร็จ เขาคิดว่าเพราะเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันและเคยรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กล่ะมั้ง แถมกล้าช่วงสมัยเรียกล้าก็ยังแอบชื่นชมและเหมือนจะจีบ ๆ น้ำค้างอยู่ ก็คงเห็นว่าคุ้นเคยกันกล้าจึงเข้ามาช่วย แม้คำพูดคำจาจะไม่น่าฟังก็เถอะ “เสร็จแล้ว งั้นกูฝากมึงเอาไปส่งที่บ้านน้ำค้างด้วยนะ เดี๋ยวกูไปส่งน้องเอง น้ำค้างนั่งแป๊บเดียวได้ใช่ไหม? ไม่กลัวหรอกเนอะ” ชัยเองก็สองมาตรฐานจริง ๆ พูดกับกล้าเหมือนจะฆ่าให้ตาย พูดกับน้ำค้างล่ะก็เอาอกเอาใจขั้นสุด “ใครจะให้ไปกับมึงไอ้คุณตำรวจ” เขายืนกอดอกเสียงแข็ง น้ำค้างต้องขึ้นรถไปกับเขาเท่านั้น “โห ขนาดนี้มึงอย่าเรียกกูคุณเลยว่ะ” “ก็ได้ ไอ้ชัย” ขอมาเขาก็ไม่ขัด “ขะ ขอบคุณพี่ทั้งสองคนมากเลยนะจ๊ะ แต่ฉันเกรงใจจริง ๆ พวกพี่ไปกันเถอะจ้ะ” “เธอจะเดิน?” กล้าหันไปถามคนตัวเล็กที่สูงยังไม่ถึงไหล่เขาด้วยซ้ำ “ใช่จ้ะ หนูจะแวะไปซื้อของร้านหน้าหมู่บ้านน่ะ” เธอพูดแบบนั้นเพราะเกรงใจคนทั้งสองต่างหาก แค่เขาช่วยยกรถยกของให้ก็ดีแล้ว เธอไม่กล้ารบกวนอะไรมากไปกว่านี้แล้ว “ขึ้นรถไปเลยไป เดินตากแดดตากลมมาทั้งวันเดี๋ยวก็หน้ามืดชิแหงแก๋ลงตรงนี้ ลูกเธอคงต้องเอาไปไว้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าล่ะมั้ง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD