“...” น้ำค้างถึงกับเงียบกริบ
“ปากมึงนี่มีหมาอยู่กี่ตัววะไอ้กล้า พูดจากับน้องมันดี ๆ หน่อยมึงจะตายหรือไงหา?”
ชัยเข้าปกป้องน้ำค้างสุดฤทธิ์ เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรกล้าที่เคยเอาอกเอาใจและพูดจาดีเฉพาะกับน้ำค้างคนสวย มาวันนี้กลับต่างกันลิบลับ หน้ามือหลังตีนยังว่าไกล แค่เขาไปเรียนตำรวจไม่กี่ปี กลับมาทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้วงั้นหรือ?
“ก็พูดจริง วูบแดดมึงว่าเรื่องล้อเล่นเหรอฮะ อยากเลี้ยงลูกจนโตก็ขึ้นรถ ขี่มอไซด์ไปกับมึงกว่าจะถึงก็ตากแดดอีก” เขาจริงจังทั้งน้ำเสียงและคำพูด ชัยเองก็คคิดว่าถูกของเขา น้ำค้างหน้าแดงก่ำแก้มขาวยิ่งแดงชัด น่าสงสารไม่ใช่น้อย
“อะ ๆ งั้นเดี๋ยวกูขี่ไปรอที่บ้านแล้วกัน จะได้ช่วยมึงยกรถลง” ชัยพูดจบก็เดินสตาร์ทรถขับล่วงหน้าไปก่อน
“ไปขึ้นรถ”
“…” น้ำค้างไม่ทำตามคำที่เขาบอก เธอเอาเเต่ยืนนิ่ง มือสองข้างบีบแน่นจนเหงื่อไหลซึม
“หรือเธอจะให้ฉันอุ้ม?”
“มะ ไม่จ้ะ ๆ หนูแค่เกรงใจพี่ เหงื่อหนูออกเยอะตัวก็เหม็น กลัวกลิ่นจะติดรถพี่เอาน่ะจ้ะ” เธอรีบละล่ำละลักตอบอย่างคนขี้เกรงใจ เธอกลัวกลิ่นเหงื่อและฝุ่นที่ติดตามตัวเธอจะทำรถคันใหม่ ๆ ของเขาแปดเปื้อนเอาน่ะสิ
“ไหน?”
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น จู่ ๆ เขาก็รั้งร่างเธอเข้าหา จนชนเข้ากับอกเขาเต็ม ๆ หญิงสาวตกใจจนตาเบิกโพลง แต่ทว่าสิ่งที่เขาทำต่อมายิ่งหนักกว่านั้น ทำเอาเธอไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจ นั่นเพราะเขาโน้มตัวลงสูดดมข้างแก้มเธอทั้งซ้ายขวา เขาทำแบบไม่ต้องคิดหนัก ไม่มีอาการเคอะเขิน มีเพียงเธอเท่านั้นที่ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
“ก็ไม่เหม็นนี่ ขอแค่ไม่เหยียบขี้มาฉันก็ให้นั่งหมดเเหละ” เขาพูดแบบนั้นด้วยน้ำเสียงและท่าทีเรียบเฉย
“ขึ้น” กล้าเห็นว่าเธอไม่ยอมทำตามที่เขาบอกก็เดินไปเปิดประตูรถให้ เป็นการกดดันอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน ครั้งนี้เธอเองก็ว่าง่ายมาหน่อยยอมเดินขึ้นรถแต่โดยดี เขาจึงปิดประตูและเดินอ้อมมายังฝั่งคนขับ
“…”
“…”
ภายในรถไม่มีเสียงพูดคุยใด ๆ ทำเอาบรรยากาศโดยรอบอึดอัดจนหายใจฝืดเคือง หางตาชำเลืองมองคนตัวเล็กข้างกายก็พบว่าเธอดูตัวเกร็งจนเขาเมื่อยแทน
“เกร็งอะไรขนาดนั้น เบาะมันกว้างก็นั่งพิงดี ๆ สิ” ครั้งนี้เขาไม่ได้เอ่ยเสียงดุสักหน่อย เขาน่ะเบาเสียงลงสุดชีวิตเลยนะ
“จ้ะ ๆ ” เธอรีบตอบเขา ก่อนจะทำตามอย่างที่เขาว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้นั่งรถยนต์คันใหญ่ขนาดนี้ ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ามันนั่งสบายเเละเย็นขนาดนี้ เธอได้แต่ยิ้มในใจ ไม่กล้าแสดงออกมาเพราะกลัวอีกคนจะต่อว่าเธอหรือไม่ก็หัวเราะ
แต่ถ้าลูกได้นั่ง ก็ต้องชอบมากแน่ ๆ
“เธอเข้าเมืองไปซื้ออะไร” จริง ๆ ก็รู้แหละเพราะเขาเป็นคนยกของขึ้นหลังกระบะเองนี่ แต่ที่ถามนี่ก็เพราะให้มีบทพูดกันบ้าง นั่งอมฟันอยู่ก็คงได้แค่นี้สิ
“อ๋อ ซื้อของสดไว้ทำกับข้าวให้ลูกจ้ะ พวกหมูพวกไก่ แล้วก็ซื้อนมให้ต้นไผ่ด้วยให้ลูกกินบำรุง” เธอดูลดอาการประหม่าลงได้บ้าง ทั้งยังเอ่ยด้วยเสียงสดใส แววตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงหนุ่มน้อยที่เป็นแก้วตาดวงใจของเธอ
“ไม่ได้ซื้ออะไรเป็นของตัวเองเลยว่างั้น?” ก็เขาได้ยินอะไรก็ลูก ๆ นี่ ยังไม่ได้ยินว่าเธอซื้ออะไรให้ตัวเองบ้างเลย
“ก็ไม่มีหรอกจ้ะ แต่พวกของกินก็กินกับลูกนะจ๊ะ”
เธอไม่เคยซื้ออะไรให้ตัวเองอยู่แล้ว ของใช้เสื้อผ้าก็ใช้ของยายบ้าง ของที่มีคนให้มาบ้าง ครั้งนี้ได้ซื้ออาหารกับนมเยอะแยะก็ต้องขอบคุณเขาที่ให้เงินเธอมา เหลือจากนี้เธอก็จะเก็บไว้ซื้อเสื้อนักเรียนให้ลูกตอนเปิดเทอมด้วย
“แล้วแค่ไปซื้อของหรอกเหรอ?” เขาถามเธอต่อ พลันเหลือบตามองเธอแวบหนึ่ง
“ก็ไปสมัครงานด้วยจ้ะ แต่ยังไม่ได้” คนตัวเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงฟังดูสุภาพและอ่อนหวาน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็มักจะใจเย็นและพูดจาดีเสมอ ทั้งอ่อนหวานและอ่อนโยน ใครได้เป็นเมียนี่คงเป็นบุญหรรม
แต่หรรมเขามันไม่มีบุญไง เลยถูกคนอื่นฉวยโอกาสนั้นไป?
“เธอไม่เหนื่อยหรือไง?” เขาล่ะยอมเธอจริง ๆ อยู่บ้านก็ไม่เคยเห็นหยุดพักผ่อน นี่ยังไปตระเวนหางานอีก ขยันจริง ๆ นะเเม่คุณ
“ก็มีบ้างนะจ๊ะ แต่เพื่อลูกแล้ว จะเหนื่อยจะลำบากแค่ไหนหนูก็ไหวจ้ะ”
พอพูดถึงลูกขึ้นมาตาเธอก็เป็นประกายในทันที เธอดูภูมิใจและรักลูกเธอมากจริง ๆ น้ำค้างก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อนมากนัก แต่ที่เพิ่มขึ้นมาคงจะเป็นความอึดความทน เขาเห็นเธอทำนั่นทำนี่ไม่หยุด ทำงานเก่งกว่าผู้ชายบางคนซะอีก ถามว่าเขารู้ได้อย่างไรน่ะหรือ ก็เหมือนเดิมแหละ…ไปแอบดูที่ป่าใบเตย บริจาคเลือดให้ยุงไปเป็นลิตรแล้วล่ะมั้ง
ไม่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตเธอนักหรอก แต่อยากเห็นความลำบากไง อยากเห็นเธอตอนลำบาก มันสะใจดี…
“ลำบากก็ไปเรียกพ่อของลูกเธอมาดูแลบ้างสิ ปล่อยให้มันสุขสบายตัวเองจะตายห่าอยู่แล้ว” เขาเอ่ยประโยคนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงติดจะโมโห เขาโกรธแทนเธองั้นเหรอ?
“ไม่หรอกจ้ะ เขาสุขสบายหนูก็ดีใจแล้ว ไม่ต้องมาดูแลหนูกับลูกก็อยู่ได้”
เธอบังคับเสียงไม่ให้สั่นสุดชีวิต ดวงตากลมสั่นไหวแต่ทว่ากลับเก็บอาการเก่งยิ่งกว่าอะไรดี เธอจะกล้าเสนอหน้าไปหาพ่อของลูกได้อย่างไรกัน เขาทั้งโกรธทั้งเกลียดเธอขนาดนั้น ตัดขาดการติดต่อเธอทุกทาง เขาไม่เอาเธอ แม้กระทั่งครอบครัวของเขาเองก็ยังไม่ยอมรับเธอ
วันที่หอบท้องโย้ใกล้คลอดไปขอความช่วยเหลือ วันที่ขอข้าวเพียงหนึ่งถ้วยเพื่อต้มให้ลูกกิน เธอผ่านมันมาหมดแล้ว ได้แต่ภาวนาให้มันผ่านไป และแล้วก็ผ่านไปจริง ๆ …
“งั้นก็อยู่อย่างนี้ไปแล้วกัน”
“…”
คนพูดไม่คิดอะไรก็จริง แต่คนฟังกลับจุกจนพูดไม่ออก เธอไม่ควรคาดหวังอะไรจากเขา และยิ่งไม่ควรคิดเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ จบกันไปแล้วก็จบ
“จ้ะ ขอบคุณพี่มากนะที่มาส่ง ที่ช่วยขนของขนรถมาให้ แถมยังเงินที่พี่ให้หนูมา แต่หวังว่าจากนี้หนูจะเจอพี่น้อยลงนะจ๊ะ”
“…”