สนามแข่งรถ SURVEY CIRCUIT
รถหรูเลี้ยวขับมาจอดบริเวณอาคารไม่ไกลจากสนามแข่งรถ โดยเจ้าของก็รีบดันขาตั้งถอดหมวกกันน็อกครอบหัวอย่างไม่รีรอ
"มาแต่เช้าเลยนะมึง" คนทักทายคือเจ้าของกิจการที่อยู่ในชุดช่าง เป็นชุดหมีแขนยาวขายาวสีกรมท่าถกแขนขึ้นระบายความร้อน เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำมันเครื่องเป็นเรื่องธรรมดาของช่างใหญ่ของสนามที่นอกจากมีความหล่อและความชอบของรถแล้ว เขายังใช้ความรู้ในด้านวิศวะเครื่องยนต์ที่ร่ำเรียนมาใช้งาน
เช่นเดียวกับไคเลอร์ เขามีความสามารถในการซ่อมและแต่งรถอย่างช้ำชองมาแต่ไหนแต่ไร เลือกเรียนสายงานนี้เพราะอยากต่อยอดในสิ่งที่ชอบ ปล่อยให้ธุรกิจครอบครัวเป็นเรื่องของพี่ชายจัดการเอา และใช่...ไอ้เสือเทาที่ขี่อยู่ตอนนี้ก็ถูกเนรมิตด้วยตัวของเขาเอง ตั้งแต่การเลือกอะไหล่ ประกอบเครื่อง ลงมือซ่อมแซมเปลี่ยนนู้นใส่นี่ล้วนผ่านมือเขาทุกขั้นตอน
เสือเทาคันนี้จึงเป็นสิ่งที่หวงแหนที่สุด ไม่ใช่ใครที่จะสามารถซ้อนได้ง่าย ๆ ตั้งแต่มีเขาเป็นเจ้าของเบาะหลังของเสือเทาก็ไม่เคยมีใครได้นั่งสักคน
"กูไปเปลี่ยนชุดละ" ไคเลอร์ไม่สนใจจะตอบคำถาม ใบหน้าของเขาดูไม่สบอารมณ์แต่เช้าจนเซอร์เวย์เลือกที่จะไม่เซ้าซี้
เขากลับมาอีกครั้งด้วยชุดหมีช่างไม่ต่างจากเพื่อน วันนี้ได้เวลาแต่งหล่อให้ลูกชายคันโปรดเพราะครบรอบการเช็คระยะ รถจักรยานยนต์คันใหญ่จึงถูกลากขึ้นแท่นจากนั้นเจ้าของก็ขะมักเขม้นโดยไม่สนใจใคร
ตลอดเวลาแม้ในมือจะถือประแจเปื้อนคราบน้ำมันเครื่อง แต่สมองของเขากลับไม่ได้คิดถึงตรงนั้น เรื่องที่ได้ยินจากปากคนในโรงพยาบาลกำลังรบกวนสมาธิของเขาจนไม่เหลือ วนเวียนอยู่แต่ในหัวจนเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าจะคิดมากไปทำไม ในเมื่อไม่ใช่เรื่องของเขา และยังรู้อีกว่าอย่างไรพี่ชายก็จัดการได้
ไคเลอร์ใช้เวลาซ่อมนู้นเพิ่มนี่จนสุดท้ายมันก็เสร็จสมบูรณ์ ถึงเวลาที่เขาพอใจกับผลงานทว่าความขุ่นข้องในใจก็ยังไม่หายไป
"ไอ้เวย์" เรียวปากหนาเอ่ยเรียกเพื่อนที่เพิ่งนั่งพักจากการซ่อมรถให้ลูกค้าหลายชั่วโมง
"ว่า?"
"ทดสอบเสือเทากับกูสักรอบ" ไคเลอร์มองไปที่สนามให้เซอร์เวย์เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการมากขึ้น หวังว่าการได้ระบายความเร็วพอจะทำให้ใจที่ว้าวุ่นทุเลาลง
"เออ ๆ กูไปเอาเซฟตี้ก่อน" เซอร์เวย์ไม่ได้ขัดเพราะเขาก็ต้องการเหมือนกัน
เพื่อนสนิทเดินผ่านหน้าหยิบอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยในสนาม โยนมาให้เขาหนึ่งชุดโดยใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็พร้อมกันที่จุดออกตัว
ปั๊ง!
สัญญาณการแข่งขันเริ่มขึ้นด้วยรถสองคันที่ออกตัวตามกันติด ๆ เสียงเครื่องยนต์ของรถทั้งสองคันคำรามลั่นไปทั่วสนามแข่งที่ไม่ค่อยมีคน
ไคเลอร์ขยับมือเปลี่ยนเกียร์อย่างเฉียบขาด สายตาจดจ้องไปข้างหน้าเต็มไปด้วยความแน่วแน่ เซอร์เวย์ตามมาติด ๆ และไม่มีท่าทีจะออมมือให้เพราะแค่เป็นเพื่อนกัน
ทั้งสองคันเข้าโค้งแรกมาเร็ว เบรกกระชั้นหมุนพวงมาลัยหักขวาอย่างแม่นยำ เสือเทาสะบัดหางนิดหน่อยก่อนจะคืนตัวเข้าสู่ลู่ด้วยความมั่นคง เสียงหัวใจเขาเต้นถี่ตามจังหวะความเร็วที่เพิ่มขึ้น เหมือนว่าสิ่งที่คิดจะได้ผล ไคเลอร์ใช้สมาธิไปกับการแข่งขันจนลืมบางเรื่องไป
กระทั่งเข้าโค้งสุดท้าย...
จู่ ๆ เสียงเครื่องยนต์ก็ดังสนั่นพร้อมกลิ่นยางไหม้ใต้ฝ่าเท้าของไคเลอร์ที่เบรกกะทันหัน
การแข่งขันเล่น ๆ ระหว่างเพื่อนจบลง โดยเขาตวัดเท้าลงจากรถแล้วรีบถอดหมวกกันน็อกรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดีออกมา จากนั้นก็ขยี้ผมยุ่ง ๆ ขณะเดินกลับมานั่งบนเก้าอี้ข้างสนามซ้อมตัวเดิม
"เป็นอะไรของมึงวะ จังหวะแบบนั้นใครให้มึงเบรกอันตรายฉิบหาย" เสียงจากเพื่อนคู่แข่งลองสนามดังขึ้นมาตามหลัง ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ แล้วขมวดคิ้วถามคนไม่สบอารมณ์
"..."
จะบอกว่าเขาแพ้การแข่งขันลองสนามครั้งนี้ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว จังหวะสุดท้ายของโค้งเข้าเส้นชนะ ชายหนุ่มกลับชะลอรถดื้อ ๆ ทำให้ฝ่ายคู่แข่งขับแซงในวินาทีสุดท้าย
คนไม่สบอารมณ์ไม่ได้คิดตอบ มันกำลังจะชนะหากในหัวมีสมาธิคิดถึงการแข่งขันมากกว่านี้ แต่ไม่...เขากลับนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างที่นึกถึงทีไรก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจทุกครั้ง
ชุดกาวน์สีขาวสะอาด รองเท้าคัชชูเรียบ ๆ กับใบหน้าเรียบเฉยของผู้หญิงคนนั้น แบบที่เขารู้สึกหมั่นไส้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า ความเย่อหยิ่ง วางมาดนิ่ง ไม่ยอมพูดยอมจา คนที่เขาเคยคิดว่าเธอเป็นเพื่อนของพี่ชายที่ไม่มีอะไรน่าจดจำ
กระทั่งเมื่อวาน...สิ่งที่เขาบังเอิญได้ยินพยาบาลคุยกันหน้าห้องพักแพทย์วิ่งวนในหัวของเขาตลอดเวลา
'ใคร ๆ ก็ดูออกว่าหมอเค้กน่ะ...ชอบอาจารย์ไคเรนมากเลยนะ'
ประโยคนั้นสร้างความหงุดหงิดแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่รู้ว่าพี่ชายเขามีคนในใจอยู่แล้ว กำลังจะมีลูกและสร้างครอบครัวที่น่ารัก ทั้งที่ผู้ชายมองเธอเป็นเพื่อนที่ดี ผู้หญิงแบบเธอกลับมีความดันทุรัง กลับหักหลังไปรักเขามากกว่าเพื่อนอย่างหน้าไม่อาย
ครืด ๆ
การแจ้งเตือนจากโทรศัพท์เครื่องหรูของเซอร์เวย์ดังขึ้น เขาก้มลงไปอ่านจับใจความคือชลธีกำลังหาเพื่อนไปโรงพยาบาลอีกครั้ง
"ไอ้ชลให้พาแม่งไปหาหมอว่ะ" เซอร์เวย์เงยหน้าบอก กำลังจะอ้าปากพูดต่อ แต่ก็โดนไคเลอร์แทรกขึ้นมา
"กูพาไปเอง" เท่านั้นเขาก็เดินออกไปล้างไม้ล้างมือและเปลี่ยนเป็นชุดตัวเดิม มุ่งตรงไปยังคอนโดของชลธีที่อยู่ห่างกับสนามไม่กี่กิโล โดยเพื่อนสนิทที่นั่งรอล็อบบี้อยู่แล้วก็รีบโยนกุญแจรถยนต์ให้เพื่อนรับหน้าที่ขับรถแทน
รถคันหรูกำลังตรงไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่มีพี่ชายเขาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วน โดยชลธีก็ยังมองเพื่อนไม่ละสายตาแปลกใจไม่น้อยทำไมถึงเป็นไคเลอร์ที่มารับเขาได้
"มึงอยู่กับไอ้เวย์เหรอว่ะ"
"เออ เช็คระยะไอ้เสือเทาเพิ่งเสร็จ"
"เป็นห่วงกูอะดิถึงได้มารับกูไปเปลี่ยนเฝือก"
"ต้องใช้คำว่าเวทนา"
"สัส ถ้าไม่คิดว่ากลัวโดนพ่อแม่ด่า กูไม่ขอให้พวกมึงช่วยหรอก" ชลธีก็ไม่ได้ต่างจากไคเลอร์ที่ต้องปิดบังเรื่องพวกนี้กับพ่อแม่ ขืนรู้ว่าเกิดอุบัติเหตุเจ็บหนักขนาดนี้แน่นอนว่ารถคันโปรดถูกขายทิ้งทอดตลาดทันที
"ขับไม่แข่งก็ยังจะซ่า กูบอกแล้วไงว่ามือใหม่ให้ใจเย็น" ชลธีเพิ่งเข้าสู่วงการประลองความเร็วไม่นาน เพราะตามติดทั้งไคเลอร์และเซอร์เวย์ที่อยู่วงในมาตั้งแต่อายุสิบห้า จึงพลอยอยากจะลองไปกับเขาด้วย
และความมั่นอกมั่นใจในฝีมือของตัวเอง ผ่านการฝึกลองสนามแค่สองเดือน จึงทำให้เขามีจุดจบอย่างเช่นตอนนี้
"กูก็อยากเก่งไปอวดหมอเค้กเปล่าวะ"
ผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว...
"สมน้ำหน้าไอ้ควาย" ไคเลอร์ตอกคำพูดใส่เพื่อนแรง ๆ ความโมโหโทสะกำลังก่ออยู่ในตัวเขาจนเป็นชลธีที่เป็นคนโชคร้ายตกเป็นที่รองรับอย่างไม่รู้ตัว
เขาและเพื่อนมาถึงโรงพยาบาลในเวลาต่อมา โดยชลธีก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของหมอให้จัดการทำหัตถการตามนัด ส่วนเขาก็ตรงไปยังแผนกแผนกหนึ่งที่คุ้นเคยดี แวะเวียนอยู่บ่อยครั้งจนเริ่มจะชินเส้นทาง
ชายหนุ่มมาหยุดอยู่หน้าแผนกศัลยกรรมที่มีห้องทำงานของพี่ชาย กำลังจะเข้าไปทักทายให้หายคิดถึงตามประสาพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน แต่เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งออกมาจากห้องของพี่ชาย ขายาว ๆ ของเขาก็หยุดเดิน
"หมอเค้ก" เธออีกแล้วเหรอ...
เขาถอนหายใจยาวเหยียด ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงวนเวียนรอบตัวเขา คนที่ทำลายสมาธิของเขามาทั้งวัน แล้วตอนนี้ยังจะมาทำลายครอบครัวของพี่ชายเขาอีก
ไคเลอร์ตัดสินใจเดินตามเธอไปเงียบ ๆ ทิ้งระยะไม่ให้ใครสงสัยจนมาหยุดอยู่ดาดฟ้าของโรงพยาบาล
ที่ตรงนี้เงียบสงบ แต่มีลมสบาย ไม่มีใครขึ้นมาเว้นแต่เจ้าของร่างบางที่ยืนเท้าแขนบนกำแพงที่ถูกก่อเท่าเอวบางของเธอ
เขายืนมองอยู่อย่างนั้น ล้วงมือในกระเป๋ากางเกงจ้องมองร่างบางตรงหน้า ยังคงไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขาเดินมาถึงที่นี่
จนกระทั่ง...