เป็นห่วงจริง ๆ

1223 Words
ตอนที่ 7 แสงไฟสลัวจากเสาไฟฟ้าข้างถนนส่องกระทบใบหน้าของขวัญรวินทร์ เผยให้เห็นร่องรอยน้ำตาที่ยังคงค้างอยู่ ดวงตาที่เคยสว่างสดใสบัดนี้เต็มไปด้วยเงาของความหวาดกลัวและความเศร้าหมอง ธันวาอยากจะดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่นๆ อีกครั้ง อยากจะบอกเธอว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเธอ จะปกป้องเธอจากทุกสิ่ง แต่สถานะก็เป็นกำแพงขวางกั้น เขามองใบหน้าเรียวงามของขวัญรวินทร์อีกครั้ง ก่อนจะผละออกมาช้าๆ หัวใจของธันวายังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ และในห้วงลึกของจิตใจ เขารู้สึกผูกพันกับเธอมาตั้งแต่สมัยยังเด็ก ในห้วงเวลาแห่งความอ่อนแอและความใกล้ชิด แรงดึงดูดระหว่างทั้งคู่ก็ทวีความรุนแรงขึ้น ธันวาสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุจากร่างกายของขวัญรวินทร์ที่เสียดสีกับเขา ใบหน้าหวานซบอยู่ข้างลำคอ ลมหายใจอุ่นๆ รินรดผิวของเขา ความต้องการบางอย่างเริ่มคุกคามสติของนายแพทย์หนุ่ม ธันวาเอนกายลงเล็กน้อย ริมฝีปากเกือบจะสัมผัสกับเส้นผมหอมกรุ่นของเธอ ดวงตาคมกริบเหลือบมองเรียวขาขาวเนียนที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมา ร่างอวบอิ่มสมส่วนที่ไม่ได้ผอมแห้งจนเกินไป แต่กลับอวบอัดในส่วนที่ควรจะเป็น มันช่างน่าสัมผัส น่าเชยชมเสียจริง เขาเกือบจะปล่อยให้ความปรารถนาเข้าครอบงำ เกือบจะก้มลงจุมพิตหน้าผากเนียนใส เกือบจะเลยเถิดไปมากกว่านี้… แต่แล้วภาพของภูริช ลูกศิษย์หนุ่มก็แวบเข้ามาในห้วงความคิด ธันวาจึงพยายามดึงสติกลับมา ร่างหนาผละออกจากเด็กสาวอย่างเชื่องช้า พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ หัวใจเขายังคงบีบรัดด้วยความสงสารและกังวล “เรื่องนี้...ถ้าหนูไม่สบายใจ...ก็ไม่ต้องบอกภูริชก็ได้” ธันวาเอ่ยเสียงแหบพร่า เขาเข้าใจดีถึงความกลัวของเธอที่จะสูญเสียแฟนหนุ่มไป “แต่ต่อไปนี้ อาหมอขอเตือนเอาไว้...ถ้าหนูจะมีอะไรกับแฟน หรือกับใครก็ตาม...หนูต้องรู้จักป้องกันนะ เข้าใจไหม?” คำพูดนั้นแฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่เพียงในฐานะอาจารย์หรือญาติผู้ใหญ่ แต่เป็นความห่วงใยที่เกินเลยไปไกลกว่านั้น ขวัญรวินทร์พยักหน้ารับ น้ำตายังคงรื้นขอบตา แต่แววตาดูสงบลงกว่าเดิมมาก แสงแห่งความหวังเล็กๆ เริ่มฉายชัดขึ้นในดวงตาคู่นั้น เมื่อรู้ว่าเธอยังมีเขาอยู่เคียงข้าง “ค่ะ...ขอบคุณนะคะ อาหมอ ต่อไปนี้หนูจะเชื่อฟังอาหมอค่ะ” เสียงตอบรับของเธอแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ ธันวาเอื้อมมือไปลูบผมเธอเบาๆ อย่างรักใคร่ ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างของเด็กสาว “หนูขึ้นไปพักผ่อนเถอะ ถ้ามีอะไร...ก็โทรหาอาหมอได้ตลอดเวลาเลยนะ” เขาย้ำ พลางส่งรอยยิ้มบางๆ ให้เธอ เพื่อยืนยันว่าเขาจะยังคงอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ว่าเธอจะต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ ขวัญรวินทร์เปิดประตูรถออกช้าๆ ลมเย็นยามค่ำคืนปะทะเข้ากับใบหน้าของเธอ ความรู้สึกเหงาเข้าจู่โจมหัวใจ เธอหันกลับมามองธันวาอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยสบกับดวงตาคมกริบของเขา ในแววตาของธันวา เธอเห็นถึงความอาลัยอาวรณ์ไม่แพ้กัน และนั่นยิ่งทำให้เด็กสาวไม่อยากที่จะก้าวลงจากรถไป ขวัญรวินทร์ก้าวลงจากรถช้าๆ พร้อมหันกลับมาโบกมือให้เขา ธันวายิ้มตอบพร้อมพยักหน้า ก่อนจะมองตามร่างบอบบางที่ค่อยๆ เดินห่างออกไปจนลับสายตา หัวใจของเขารู้สึกโหวงอย่างประหลาด ราวกับมีบางส่วนของเขาได้ถูกพรากไปด้วย ธันวายังคงจอดรถนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ความเงียบและความรู้สึกอาลัยอาวรณ์เข้าครอบงำ เขายิ้มเล็กน้อย สายตามองตามร่างบอบบางของขวัญรวินทร์ที่กำลังเดินขึ้นหอพักไป เมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากหอพัก ธันวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ภาพเรือนร่างอวบอิ่มสมส่วน ผิวเนียนละเอียดที่เห็นเมื่อครู่ยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดของเขา ช่างน่าเสียดายที่ต้องหักห้ามใจ ทั้งที่ความปรารถนาในตัวเธอช่างรุนแรงถึงเพียงนี้ ธันวารู้ดีว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบททดสอบครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา เพียงไม่นานหลังจากที่ธันวาขับรถจากไป ขวัญรวินทร์ก็ส่งไลน์หาอาจารย์หนุ่ม ขวัญรวินทร์: ขับรถถึงบ้านหรือยังคะ อาหมอ... ธันวาอ่านข้อความนั้น หัวใจเขารู้สึกแปลกๆ หากจะพิมพ์ตอบโต้ คงไม่สามารถสื่อความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีได้ เขาจึงตัดสินใจกดโทรออกไปหาขวัญรวินทร์แทน เป็นการวิดีโอคอล หน้าจอโทรศัพท์ของขวัญรวินทร์ปรากฏภาพใบหน้าหล่อเหลาของธันวา เธอกดรับสายด้วยหัวใจที่เต้นระรัว “อาหมอ...ถึงบ้านแล้วครับ พอถึงปุ๊บฝนก็หยุดพอดีเลย” เสียงทุ้มนุ่มของธันวาเอ่ยทักทายผ่านลำโพงโทรศัพท์ “เหมือนวันนี้เราโดนฝนแกล้งค่ะ...” ขวัญรวินทร์ตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอยังคงมีร่องรอยความอ่อนล้าและหม่นหมอง ธันวามองเห็นดวงตาที่บวมช้ำนั้นแล้วยิ่งรู้สึกปวดหนึบในอก “หนูอาบน้ำหรือยัง อย่านอนดึกนะ” เขาถามด้วยเสียงอ่อนโยน แววตาแสดงถึงความห่วงใย เด็กสาวส่ายหน้า “หนูไม่ต้องคิดมากนะ มันผ่านไป หนูรีบอาบน้ำพักผ่อนเถอะ เอ่อ!!!..แล้วก็อย่าลืมกินยาด้วยนะ” ขวัญรวินทร์พยักหน้าช้าๆ “ค่ะ...อาหมอ” “ดีมากครับ” ธันวาตอบ พลางขยับหน้าเข้ามาใกล้กล้องเล็กน้อย ราวกับต้องการรับรู้ความรู้สึกของเธอให้ได้มากที่สุด “เมื่อกี้หนูเห็นอาหมอ จอดรถอยู่ข้างล่างตั้งนาน หนูว่าถ้าอาหมอยังไม่กลับจะลงไปชวนขึ้นมานัั่งพักที่ห้องสักหน่อย” คำพูดนั้นหลุดออกจากปากเธออย่างไม่ตั้งใจ ทำให้ใบหน้าของขวัญรวินทร์แดงขึ้นเล็กน้อย ธันวายิ้มบางๆ ที่มุมปาก ดวงตาคมกริบอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด “ก็อาหมอเป็นห่วงหนูนี่ครับ อยากเห็นว่าหนูเดินเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว” เขาเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “หนูรีบนอนเถอะ พรุ่งนี้จะตื่นไปเรียนไม่ทันเอา” ขวัญรวินทร์เม้มปาก เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงงอแงเล็กน้อย “แต่หนูยังไม่อยากนอนเลยนี่คะ..” เด็กสาวทำเสียงอ้อน “อะ ๆ ..งั้นคุยต่ออีกนิดก็ได้ อาหมอก็ยังไม่ง่วงเหมือนกัน” ธันวาเสนอด้วยน้ำเสียงติดตลกเล็กน้อย ขวัญรวินทร์ยิ้มออกมาได้ในที่สุด เป็นรอยยิ้มที่ธันวาอยากเห็นมากที่สุด “พรุ่งนี้หนูมีเรียนคาบเช้ามั้ย” ธันวาถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด “มีค่ะ” ขวัญรวินทร์ตอบเสียงแผ่ว “ให้อาหมอไปรับมั้ย” เขาเสนอ “จะดีเหรอคะ เดี๋ยวหมอแพรก็ได้มาฉีกอกหนูพอดีหรอก” ขวัญรวินทร์พูดติดตลกบ้าง แต่แววตาก็ยังคงแฝงความกังวล เธอรู้ดีว่าคำพูดนั้นอาจจะทำให้ธันวาไม่สบายใจแต่ก็เผลอพูดมันออกไปแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD