ตอนที่ 8
คำพูดทีเล่นทีจริงของขวัญรวินทร์ทำให้ธันวาต้องชะงักไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้า แม้จะพยายามตอบกลับด้วยท่าทีปกติ แต่ในใจเขากลับหวั่นไหว ก่อนจะพยายามบอกตัวเองว่านั่นเป็นเพียงคำพูดติดตลกของเด็กสาว แต่ภาพของ พญ. กานต์ชนก เลิศไพศาล หรือ หมอแพร ผู้หญิงที่เขาคบหามานานก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด
หมอแพร...หญิงสาวผู้เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ ทั้งสวย ทั้งเก่ง ครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โต เปิดคลินิกความงามใหญ่ระดับต้น ๆ ของประเทศ ทั้งสองคบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนแพทย์ ความสัมพันธ์ที่ยาวนานและมั่นคง ดูเหมือนจะถึงเวลาที่ควรจะลงเอยด้วยการแต่งงานแล้ว แต่ปัญหาติดอยู่ที่คุณแม่ของหมอแพร ที่ยังคงไม่ค่อยปลื้มลูกเขยอย่างธันวาสักเท่าไร
ธันวาเองก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากคุณแม่ของหมอแพร ที่อยากให้ลูกสาวได้คู่ครองที่เพียบพร้อมกว่านี้ อย่างคุณคณินทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่เข้ามาจีบหมอแพร ไม่ใช่แค่แพทย์ธรรมดาอย่างเขา แม้หมอแพรจะยืนยันว่ารักเขา และไม่สนใจเรื่องฐานะ แต่กำแพงที่แม่ของเธอสร้างขึ้นก็ยากที่จะก้าวข้ามไปได้ ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้หมอธันวาจะมีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด..หรือรถ รวมไปถึงเงินเก็บสะสมหลายล้านบาท แต่มันก็ยังคงไม่เทียบเท่ากับคุณคณินทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าสัวคเชนทร์ซึ่งเป็นถึงเจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ระดับประเทศ
ความสัมพันธ์ของเขากับหมอแพรนั้นมั่นคงและราบรื่นมาตลอด ทั้งสองมีความเข้าใจกันในหลายๆ เรื่อง มีเป้าหมายในชีวิตที่คล้ายคลึงกัน แต่ทำไมลึกๆ ในใจเขาถึงได้รู้สึก...ว่างเปล่ามาโดยตลอด ความผูกพันที่สร้างมานานหลายปี กลับไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกบางอย่างของเขาได้เลย
“อาหมอคะ” เด็กสาวเห็นเขาเงียบไปนานจึงรีบเอ่ยทัก เกรงว่าเขาจะโกรธที่เผลอแซวไปเมื่อสักครู่
“หนูขอโทษ” เธอรีบแก้ตัว ธันวาถอนหายใจ
“ทำไมต้องขอโทษด้วยล่ะ หนูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” เขากล่าวเบาๆ
“เอาเป็นว่า..พรุ่งนี้ อาหมอจะไปรับหนูนะ”
ขวัญรวินทร์พยักหน้าช้าๆ
“ค่ะ...ขอบคุณนะคะ อาหมอ”
หลังจากวางสายแล้ว ธันวานั่งเงียบงันอยู่ภายในห้องนอน ภาพใบหน้าสวยหวานของขวัญรวินทร์ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดไม่จางหาย ความห่วงใยที่เขามีต่อเธอไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกของอาจารย์ที่มีต่อลูกศิษย์อีกต่อไปแล้ว มันลึกซึ้งและซับซ้อนเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ จนไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่ และมันจะนำพาเขาไปสู่จุดไหนในอนาคต แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้หัวใจของธันวากำลังสับสนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สามวันต่อมา
เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานสั่นครืดเบาๆ แสดงชื่อสายเรียกเข้าของกานต์ชนก นายแพทย์หนุ่มในชุดกาวน์สีขาวสะอาดตา วางปากกาลงข้างแฟ้มประวัติคนไข้ เขาเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง คลินิกสูตินรีเวชชื่อดังของเขากำลังจะปิดทำการในอีกไม่กี่นาที
“ธัน!!!...เย็นนี้คุณว่างมั้ยคะ” เสียงหวานใสดังมาตามสาย
“ว่างครับ...แพรมีอะไรเหรอ” ธันวากรอกเสียงทุ้มนุ่ม พยายามซ่อนความเหนื่อยล้าจากการตรวจคนไข้ติดๆ กันหลายเคส
“วันนี้แพรอยากชวนคุณมาทานข้าวที่บ้านน่ะค่ะ” รอยยิ้มอบอุ่นผุดขึ้นบนใบหน้าของธันวา ปกติแล้วหมอแพรไม่ค่อยชวนเขาไปทานข้าวที่บ้านบ่อยนัก เพราะรู้ว่าเขาอึดอัดที่ต้องคุยกับคุณอรุณรัศมีมารดาของเธอ และส่วนใหญ่จะเป็นการนัดเจอข้างนอกมากกว่า หรือไม่ก็หมอแพรมาหาเขาที่คอนโดฯ การถูกเชิญไปที่บ้าน ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความพิเศษบางอย่าง ความหวังเล็กๆ ในใจที่ว่าคุณแม่ของหมอแพรอาจจะใจอ่อนลงบ้าง
“อ๋อ...ได้สิครับ” เขารับคำอย่างยินดี
“ค่ะ..งั้นเดี๋ยวแพรจะบอกให้ป้านวลเค้าเตรียมทำของโปรดเอาให้คุณนะคะ” เสียงปลายสายบ่งบอกถึงความดีใจ
“แพรจะให้ผมไปรับ หรือว่าเจอกันที่บ้านดีครับ” ธันวาถาม
“เจอกันที่บ้านสิคะ...ตอนนี้แพรขับรถใกล้ถึงบ้านแล้ว” หมอแพรตอบ
“ครับ” ธันวากดวางสายด้วยรอยยิ้มที่ยังคงประดับบนใบหน้า ความรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังเริ่มเข้ามาแทนที่ความสับสนบางอย่างที่เคยมี เขารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขที่ได้ใช้เวลากับหมอแพรและหวังว่านี่อาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการปรับความสัมพันธ์กับครอบครัวของเธอ ถึงแม้ว่าภาพของขวัญรวินทร์จะยังคงอยู่ในห้วงความคิดลึกๆ แต่ในตอนนี้ โฟกัสของธันวาก็ยังคงอยู่ที่หมอแพรและมื้อค่ำที่กำลังจะมาถึง