ตอนที่ 6 นี่ข้า…..เป็นอะไรไป

1435 Words
นางรู้สึกวาบหวิวทั้งที่ใบหูและใบหน้าที่เริ่มร้อนผ่าวขึ้นในทุก ๆ ช่วงเวลาที่เขาพูด “เคล้ง!!” ดาบในมือนางร่วงลงกับพื้นเมื่อเขาพูดจนจบ นางตกใจและรีบลืมตาขึ้นแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า เว่ยเฟิงหรงเดินกลับไปแล้วเมื่อเขาแอบหอมแก้มนาง นางค่อย ๆ ใช้มือยกขึ้นมาลูบที่พวงแก้มของตนเองที่ถูกเขาฝังจมูกลงไปเมื่อครู่นี้ สัมผัสนี้แตกต่างกับตอนที่ถูกเสวียนอวี่จับเมื่อชาติที่แล้วมันทั้งวาบหวามและ….อบอุ่นอย่างน่าประหลาด “นี่ข้า…..เป็นอะไรไป” นางกำลังหวั่นไหวให้บุรุษอีกครั้งหนึ่งซึ่งนางได้เคยปฏิญาณตนเอาไว้แล้วว่าเกิดในชาตินี้นางจะไม่มีทางหวั่นไหวให้กับบุรุษอีก แต่ว่า…..เว่ยเฟิงหรงผู้นี้ช่างแตกต่างกับองค์ชายเสวียนอวี่ที่ทั้งบ้าคลั่งและก้าวร้าวผู้นั้น ชาติก่อนของอิ่นหลง “ร้องดังกว่านี้สิอิ่นหลง เจ้าไม่มีความสุขงั้นหรือ” “อ๊าา องค์ชาย อย่ากัดเพคะ” “อ๊าา เสียวมากหรือไม่เหตุใดเจ้า…อาา อิ่นหลง” “องค์ชายเพคะ อ่อนโยนหน่อย” เสวียนอวี่ที่ดูดดึงยอดปทุมของนางจนช้ำคาปากและอีกข้างกำลังมีเลือดไหลออกมาจากการกัดของเขา ไหล่ของนางเต็มไปด้วยรอยฟันที่ถูกเขากัดเม้ม แรงกระแทกที่ราวกับโกรธผู้ใดมายังคงไม่ลดลง แม้ว่านางจะรู้สึกดีแต่ก็ปวดร้าวจนถึงด้านใน “องค์ชาย…อ๊ะ…” “อาา….อิ่นหลง…..หันหลังหน่อย อึ๊ย!!!” นางถูกจับคุกเข่าราวกับสุนัขและถูกยัดเยียดแก่นกายที่ทั้งใหญ่และยาวนั่นเข้าไปอีกครั้ง เรือนผมถูกกระชากจากมือหนาขององค์ชายที่ไม่แม้แต่จะลดละความรุนแรง “อาา ยอดเยี่ยม….อาา เด้งรับสิอิ่นหลง ทำไม่เป็นแล้วงั้นหรือ เด้งขึ้นมา!!” “อ๊าา!!” “เพี๊ยะ!!” มือที่ตีไปยังบั้นท้ายจนเกิดรอยแดงซ้ำ ๆ หากอารมณ์ดีหน่อยเขาก็จะใช้มือ แต่หากว่าวันใดที่เขาทะเลาะกับว่าที่คู่หมั้นมาเขาก็จะใช้แส้กับนาง ร่างกายของนางทั้งบอบช้ำ หัวใจก็เริ่มปวดร้าวเมื่อพวกเขาเกี่ยวพันกันเพียงแค่เรือนร่างเท่านั้น จนเมื่อเรื่องที่เขามักจะมานอนค้างกับองครักษ์สาวข้างกายไปถึงหูของว่าที่คู่หมั้นและฮองเฮา เขาก็ไม่รอช้าที่จะจัดการฆ่านางเป็นคนแรก “จ้าวเสวียนอวี่ ชาตินี้ข้าไม่มีทางปล่อยท่านไป!!” น้ำตาที่ไหลรดลงไปและมือที่กำดาบเอาไว้แน่นหลังจากที่หยิบขึ้นมาแล้วทำให้นางตัดสินใจได้ หลังจากที่ส่งซื่อจื่อลงเขาไปแล้ว นางก็จะไปจากหยางโจวในทันที สองวันถัดมา “นี่คือ….” เว่ยเฟิงหรงยื่นดาบสีเงินที่ประดับทับทิมส่งให้นาง “เจ้าลองดูสิว่าชอบหรือไม่” ไป๋ซูเม่ยมองดาบที่เขาส่งมาให้ด้วยความพอใจ รอยยิ้มนั้นผุดขึ้นมาอีกครั้ง เว่ยเฟิงหรงนึกอยากจะเห็นนางยิ้มเช่นนี้บ่อย ๆ เมื่อนางรับดาบไปจากมือของเขาและดึงออกมาจากฝัก “ว้าว ดาบนี่งดงามมากเลยเจ้าค่ะคุณชายเว่ย” “คุณหนูไป๋ขอรับ ดาบนี้คุณชายให้ข้าไปสั่งช่างฝีมือของสกุลเว่ยทำขึ้นมาสำหรับท่านโดยเฉพาะ ทั้งน้ำหนักของมันและรูปทรงเหมาะกับท่านยิ่งนักขอรับ” “ท่านไม่น่าลำบาก…” “ถือเป็นการตอบแทนที่เจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ วันนี้พวกข้าจะต้องลงจากเขาแล้วก็เลยหาสิ่งตอบแทนให้เจ้าเล็กน้อย เจ้าอยากลองดาบใหม่ของเจ้าหน่อยหรือไม่” “ลองงั้นหรือ…หรือว่า…อื้ม ข้าอยากลองเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ” เขาดึงแขนนางและวิ่งขึ้นไปยังเชิงเขาที่นางเอาไว้ฝึกวิชาและหลายวันที่มีเขาฝึกให้ เมื่อเดินมาถึงลานฝึก นางก็ดึงดาบออกมาจากฝัก คมดาบมีน้ำหนักเบาและคมกริบ นางลองทดลองกับกิ่งไม้รอบ ๆ และหินที่อยู่ด้านหลังของเว่ยเฟิงหรงพบว่ามันใช้ง่ายและเข้ากับนางอย่างมาก “เอาล่ะ มาลองกันเลยครั้งนี้ข้าเองก็จะใช้ดาบจริงแล้วนะ จะไม่เอาเปรียบจ้าเหมือนครั้งก่อนอีกแล้ว” “ได้เลยคุณชายเว่ย ล่วงเกินแล้ว” “แม่นางไป๋ ออมมือด้วย” พวกเขาประลองกัน นึกไม่ถึงว่าดาบที่เขาทำให้จะรับกับสัมผัสมือของนาง น้ำหนักที่ไม่หนักเหมือนดาบของเขาและขนาดที่พอดีมือทำให้นางรู้สึกคุ้นชินกับดาบได้อย่างรวดเร็วจน…. “ครั้งนี้ข้าชนะแล้ว ขอบคุณคุณชายเว่ยที่ออมมือ” “เฮ้อ….ช่วยไม่ได้ ครั้งนี้ดาบข้าคงต้องเปลี่ยนแล้วจริง ๆ มันคงหนักเกินไปแล้ว” “ไม่หรอก ท่านก็แค่แกล้งแพ้เท่านั้นเอง ใช่ว่าข้าจะโง่ขนาดว่าจะมองไม่ออกเสียหน่อย” “เหตุใดเจ้าถึงได้ไม่มั่นใจในตัวเองเช่นนั้น” “กระบวนท่าเมื่อครู่ท่านสามารถป้องกันข้าได้ถึงสามครั้งแต่ท่านเอาแต่หนีสุดท้ายก็แค่อยากจะจบการประลองเพราะท่านเริ่มเจ็บแผลอีกแล้วใช่หรือไม่” “เจ้ารู้งั้นหรือ” “แผลนั่นแม้จะแห้งสนิทแล้วแต่ท่านที่ต้องถือดาบในน้ำหนักที่เท่าเดิมย่อมไม่มีทางออกกระบวนท่าได้เต็มที่เป็นแน่ อีกทั้งข้าที่โจมตีท่านเร็วเกินไปทำให้ท่านเริ่มรับน้ำหนักของดาบตัวเองไม่ไหวการเคลื่อนไหวจึงช้าลง ท่านเป็นคนสอนข้าเอง และท่านอย่าลืมสิว่า…ข้าเป็นผู้รักษาแผลให้ท่านนะ” “หลอกเจ้าไม่ได้จริง ๆ สินะ เช่นนั้นครั้งนี้เจ้าอยากขอสิ่งใดล่ะซูเม่ย” “ของั้นหรือ?” “ใช่ ครั้งก่อนข้าชนะข้าก็…..” ราวกับนัดกันไว้ ทั้งคู่ได้เพียงแค่มองตากัน…ไร้คำพูดใด ๆ ออกมา และเป็นเว่ยเฟิงหรงที่ทำท่ากระแอมและหลบสายตานางไปที่อื่นแทน “เจ้า…ไม่ได้อยากจะขอหรอกหรือ” “ท่านจะลงเขาแล้วใช่หรือไม่” “ก็…ใช่แล้ว รบกวนพวกเจ้ามาเกือบเดือนตอนนี้ก็หายดีแล้วคงต้อง….ไปเสียที” “อืม เช่นนั้นก็ดี ข้าขอให้ท่านอย่าได้ถูกผู้ใดลอบฆ่าอีกเพราะที่นี่จะไม่มีคนที่อยู่รอทำแผลให้ท่านอีกต่อไปแล้ว” “เจ้าจะกลับสกุลไป๋หรือ” “เปล่า ข้าไม่ได้จะกลับไปที่นั่น” “เจ้า…จะไปเมืองหลวง…จริง ๆ งั้นหรือ” “อืม ใช่เจ้าค่ะ ข้าต้องไป” “แต่ว่าหมอหลวงไป๋จะยินยอมงั้นหรือ” “เรื่องนี้ข้าส่งข่าวบอกเขาไปแล้ว เมืองหลวงกับหยางโจวมิได้ไกลกันมากขนาดนั้นเสียหน่อย ข้ามเขาลูกนี้ไปก็ถึงแล้ว ท่านพ่อจึงมิได้ขัดข้อง ท่านอย่าลืมสิว่าข้าใช้ชีวิตอยู่บนเขานี้เพียงลำพังมาได้เกือบสามเดือนเชียวนะ” “แต่ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็เป็นสตรี เอาเช่นนี้สิ ข้าเองก็จะไปเมืองหลวงเช่นกันเช่นนั้นมิสู้…” “คุณชายเว่ย ข้าคิดว่าท่าน…อย่าเสียเวลาเลย พวกเราหลังจากนี้ต่างคนต่างไปจะดีกว่าข้าไม่อยากสร้างความวุ่นวายใจให้กับท่าน” “อะไรนะ นี่เจ้าคิดว่า…แต่ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นกับเจ้าเลยนะซูเม่ย หากไม่ได้เจ้าชีวิตของข้าก็คงไม่รอดมาได้จนถึงตอนนี้” “เชื่อข้าเถอะท่านชายเว่ย ท่านเป็นซื่อจื่อแห่งหยางโจว อย่าได้…เกี่ยวข้องกับข้าเลยมันไม่คุ้มหรอก” “ไป๋ซูเม่ย บางทีข้าก็ไม่เข้าใจเจ้าเลยเหตุใดเจ้าจึงเหมือนกับว่าไม่ไว้ใจผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว” “ท่านอย่าได้เข้าใจเลยจะดีกว่า เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน” เขามองนางอีกครั้ง ยิ่งมองก็ยิ่งไม่เข้าใจ เดิมทีวันนี้เขาต้องลงเขาเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปเมืองหลวงด้วยเช่นกันเพราะในอีกครึ่งเดือนข้างหน้ามีงานสมโภชของวังหลวงและงานฉลองครบรอบของแคว้นฉิน เดิมทีคิดว่าหากมีนางร่วมเดินทางไปพร้อมกันคงจะดีไม่น้อยแต่นึกไม่ถึงว่านางกลับปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้ “เหตุใดเจ้าจึง….ช่างเถอะข้าคิดว่าเจ้าคงมีเหตุผลของเจ้า” “ขอบคุณท่านชายที่เข้าใจ” “ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้น…ข้าขออวยพรให้เจ้า…โชคดี” “ขอบคุณคุณชายเว่ย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD