ตอนที่ 4 คุณหนูเจ้าอารมณ์

1661 Words
ตอนที่ 4 คุณหนูเจ้าอารมณ์ +++โฬม+++ สองทุ่มผมเดินเข้าไปเปิดประตูห้องเพื่อดูว่าไอ้เด็กเปรตนั่นทำความสะอาดห้องเสร็จเรียบร้อยตามที่ผมบอกหรือยัง แต่ดูจากท่าทางสภาพห้องขยะนี่ก็รู้ว่ามันไม่ได้ทำอะไรเลย และดูมันจะยังไม่รู้สินะว่ามันได้ท้าทายอำนาจมืดอย่างผมเข้าให้แล้ว ท่าทางหยิ่งผยอง จองหองอวดดีของเด็กร้ายกาจนี่ทำให้ผมเอือมระอาอย่างที่สุด ผมใช้กำลังบังคับให้มันทำตามคำสั่งและรู้ดีว่าถ้าขืนมันดื้อดึงต่อไป กระดูกมันคงแหลกคามือผมในสักวัน ผมยืนเอาหลังพิงประตูมองดูแผ่นหลังของเด็กหนุ่มเอาแต่ใจเบื้องหน้า ร่างบางนั้นสมส่วน เรือนผมสีดำขลับตัดแบบรองทรงสุภาพเรียบร้อยมองแค่ด้านหลังก็รู้ว่าคนๆ นี้เกิดมาจากตระกูลสูง เรียวแขนเล็กไม่มีมัดกล้ามอย่างไอ้พวกเจ็ดลูกกรอกของผม ไอ้พวกนั้นทั้งขี่ม้า ต้อนวัว ต้อนควาย ออกกำลังกันทุกวี่วัน มัดกล้ามแน่นบึกทุกคน แต่ไอ้เด็กนี่จับทีนึงนี่กลัวกระดูกมันจะหักเอาเสียเหลือเกิน ท่าทางหยิบจับเสื้อผ้าเก้ๆ กังๆ หันซ้าย หันขวาเหมือนไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปไว้ตรงไหน จะทำอะไรกับเสื้อผ้าตัวเองดี ผมเผลออมยิ้มให้กับความเซ่อๆ ซ่าๆ ของไอ้เด็กนี่ เมื่อมันหยิบเอากางเกงขึ้นมาจากพื้นแล้วยืนหันซ้ายหันขวา ก่อนจะพยายามพับแล้วก็คลี่ออก เอาไปใส่ไม้แขวนแล้วก็ดึงออกมาใหม่แล้วก็เอาไปใส่ไม้แขวน เดี๋ยวก็ใส่แบบเต็มตัว ประเดี๋ยวก็เปลี่ยนไปพับก่อนแล้วเอาไปแขวน ไอ้น้องแทนถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ แล้วหันหลังมาจ้องผมตาเขียวปั้ด คงจะนึกโมโหโกรธผมอยู่สินะที่ให้ทำอะไรแบบนี้ โธ่ไอ้คุณหนูแทนเอ๊ย กับอีแค่เก็บเสื้อผ้าแขวนใส่ตู้ยังทำเองไม่เป็นเลย เห็นทีงานนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้วละมั้ง ไม่นานนักเสื้อผ้าทั้งหมดก็อัดเข้าไปสุมๆ กองๆ อยู่ในตู้เสื้อผ้าจนหมด ผมเดาว่าเวลาที่ไอ้น้องแทนมันจะหยิบอะไรมาใส่คงจะหาจนปวดหัว เพราะมันใส่มั่วไปหมดแต่ก็ช่างมันเถอะเสื้อผ้าของมันนี่นะ แค่เก็บๆไปให้พ้นหูพ้นตาผมเป็นพอ เห็นอะไรไม่เป็นระเบียบแล้วผมก็หงุดหงิดรำคาญใจ สักพักเพื่อนผมทั้งสองคน ซึ่งทั้งไอ้ธีร์และไอ้ใบชามันก็อาศัยนอนอยู่ภายในบ้านหลังนี้เช่นเดียวกันห้องของมันอยู่ถัดไปอีกฟากหนึ่งมันสองคนคงเดินแวะเข้ามาดู และทักทายน้องชายที่ไม่มีส่วนเกี่ยวพันอะไรกับผมเลย เพียงแค่ผมบอกพวกมันว่าจะมีคนเอาเด็กมาฝากเลี้ยง ตอนแรกพวกมันก็ต่างพากันกังวล คิดว่าเป็นเด็กเล็กๆ สักสิบขวบ เพราะกลัวจะเลี้ยงเด็กกันไม่ได้ แต่พอรู้ว่าอายุยี่สิบเอ็ดขวบมันก็บอกว่าไม่น่าห่วงเพราะโตแล้วพูดรู้เรื่อง จนพวกมันได้มาเจอกับตัวเอง กับประโยคชวนโดนเตะปาก และความก้าวร้าวของไอ้เด็กเปรตนี่ ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าไอ้เด็กนี่ต้องได้รับการสั่งสอน “แล้วไง...ไม่ได้อยากรู้จักสักหน่อย เสือกเสนอตัวมาทำไมล่ะ” เสียงเยาะหยันกับท่าทางที่ไม่เคารพผู้ใหญ่แบบนั้น ทำให้ผมสติหลุด เหมือนเส้นอารมณ์ของผมขาดผึงไป ผมกระชากคอเสื้อไอ้น้องแทนจนปลิวติดมือ คนตัวเล็กพยายามดิ้นรนขัดขืน “ไอ้โฬมใจเย็นๆ” เสียงไอ้ชาร้องเตือนสติ ผมจึงคลายมือลงเพราะเห็นๆ อยู่ว่าหน้ามันเริ่มซีดเผือด แต่ช่วงหน้าอกที่ผมใช้มือกดทับลงไปนั้นแดงเป็นปื้น ผมไม่ทันตั้งตัว เรียวแขนบางๆ นั้นก็โน้มรวบคอผมไว้แน่น ก่อนจะซุกใบหน้าหวานเข้ามาหา ริมฝีปากบางๆเม้มและออกแรงใช้ฟันกัดเข้ามาที่คอผม จนผมเจ็บแปลบขึ้นมา ท่อนเอวของผมยังโดนไอ้เด็กร้ายกาจนี่เกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยขาเรียวยาว ให้ตายเถอะนี่คนหรือตุ๊กแกวะ รัดแน่นชิบหาย ไอ้น้องแทนกอดรัดผมแน่นจนผมหายใจแทบไม่ออก มือของผมพยายามแกะเอามือและผลักไสร่างเด็กหนุ่มออกไปให้พ้นตัว แต่ดูจะไม่เป็นผล จนความรู้สึกเจ็บแปลบที่คอมันจี๊ดขึ้นมา หากไม่ทำอะไรสักอย่า งรับรองมันกัดผมคอขาดแน่ ผมจึงใช้มือข้างหนึ่งผลักใบหน้านั้นออก มือผมข้างเดียวจับหน้ามันได้ทั้งหน้าเลยล่ะ ก่อนจะรวบคอมันแล้วเหวี่ยงกระชากสุดแรงเพื่อต้องการให้ร่างนั้นพ้นออกไปจากตัว แต่ไม่คิดว่าตัวมันจะบางขนาดนั้น เพราะเมื่อผมเหวี่ยงออกไป ร่างบางก็ปลิวกระเด็นไปฟาดเข้ากับโต๊ะเครื่องแป้งอีกฟากหนึ่งของห้อง แล้วไอ้น้องแทนก็แน่นิ่งไปเลย “เหี้ยโฬม ตายมั้ยวะ” ไอ้ใบชาวิ่งเข้าไปเขย่าร่างของไอ้น้องแทนแรงๆ “น้องแทน น้องแทนครับ” ไอ้ธีร์วิ่งลงไปนั่งข้างๆมันสองคนหน้าซีดผมเองก็อึ้งไปหลายวินาที เสียงเอะอะโวยวายและเสียงโครมคราม จากชั้นสองของบ้าน ทำให้เวลานี้คงเรียกความสนใจจากไอ้เจ็ดลูกกรอกของบ้าน ซึ่งเมื่อครู่มันนั่งกินข้าวกันอยู่ เพราะตอนนี้ผมเดาได้เลยว่าพวกมันคงมายื่นหน้าสลอน ชะโงกดูความเคลื่อนไหวกันเต็มหน้าประตูบ้านชั้นล่างแน่นอน “ไอ้เหี้ยขุน” ไอ้ใบชาตะโกนลั่นบ้านเรียกคนสนิทของตน “ครับพี่” เสียงห้าวๆ ร้องขานรับมาจากชั้นล่าง พร้อมเสียงวิ่งตึงๆขึ้นบันไดมาแต่ยังวิ่งมาไม่ถึงหน้าห้อง มันก็ต้องหันหลังกลับเพราะไอ้ใบชาตะโกนสั่งความต้องการออกไปก่อน “ไอ้เหี้ยขุน มึงขับรถไปรับหมอธนูมาที่บ้านที เร็วๆ” เสียงตะโกนของใบชาสั่งลงไป “ไอ้เหี้ยขุน รีบไปสิมึง ไอ้โดมมึงไปกับมันเร็วๆ” เสียงไอ้เต้ยเอ่ยเร่งเพื่อนทั้งสองคน “มึงเป็นไรมากมั้ยไอ้โฬม” ธีร์เดินเข้ามาสำรวจร่างกายผมซึ่งเวลานี้เอามือกดไว้บริเวณต้นคอด้านขวาเอาไว้ รอยกัดมีรอยเลือดไหลซึมออกมาแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก “กูไม่เป็นไร ไอ้เด็กเวรนี่สักวันมันคงตายคามือกูแน่ๆ” ผมเดินตรงไปจับร่างบางพลิกขึ้นมาสำรวจดู แล้วอุ้มขึ้นวางไว้บนเตียง สำรวจหน้าตา พลิกดูหัว ดูให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรแตกหักเสียหายไม่อย่างนั้นคุณย่าคงเล่นงานผมแย่แน่ๆ ที่ทำหลานชายสุดที่รักเจ็บขนาดนี้ “คงไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ยวะ ตัวนิดเดียวแม่งร้ายชิบหาย” ไอ้ใบชาใช้มือพลิกใบหน้าหวานนั้นสำรวจ และพบว่ามีรอยเลือดไหลซึมออกมาบริเวณศีรษะเล็กน้อย “ไอ้เต้ย ไอ้โอ๊ต พวกมึงด้วยไอ้เสก ไอ้ไผ่ พวกมึงขึ้นมาช่วยกันเก็บไอ้ห้องห่านี่ที รกหู รกตา กูชิบหาย เดี๋ยวหมอธนูมาเขาจะคิดว่าพวกกูจะรุมฆ่าไอ้เด็กนี่ตายพอดี” ผมหันไปตะโกนสั่งคนของผม ผมรู้ว่าพวกมันยังไม่ได้ไปไหนหรอก ต่อมขี้เสือกพวกมันเยอะ คงกำลังเงี่ยหูรอฟังอะไรกันอยู่ข้างล่างนั่นแหละ ไม่นานนักเมื่อสี่คนนี่ช่วยกัน ห้องก็เรียบร้อยทุกอย่าง นอกจากเศษข้าวของที่แตกหัก จะถูกเก็บกวาดจนสะอาดเอี่ยมแล้ว เฟอร์นิเจอร์ของทุกอย่างก็ถูกขนออกไปจนเกลี้ยงเช่นเดียวกัน เหลือไว้แค่โต๊ะเครื่องแป้งกับเตียงและตู้เสื้อผ้า ซึ่งมันไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้เท่านั้นเอง ระหว่างเก็บข้าวของ พวกมันก็หันไปมองดูเด็กหนุ่มร่างบางเป็นระยะๆ สายตาเหมือนไม่อยากเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะสามารถพังห้องนี้ให้ย่อยยับได้ขนาดนี้ และไม่คาดคิดว่าเด็กคนเดียวกันนี่เอง จะปั่นประสาทลูกพี่ใหญ่อย่างผมได้ถึงเพียงนี้แถม โอ้โห เล่นซะเลือดไหลเป็นทางเลย เท่ากับว่าภายในวันเดียวนอกจะฟาดจนไอ้เต้ยหัวแตกเลือดอาบเย็บตั้งสิบสองเข็มแล้ว ยังกระโดดกัดคอผมเสียคอแทบขาด นี่ถ้าเป็นคนอื่นทำขนาดนี้กับผมคงได้โดนกระทืบตายห่าไปแล้ว "หัวกระแทกน่ะ ผมเย็บให้แล้วอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแค่อ่อนเพลีย ที่เหลือก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” คุณหมอวัยใกล้เกษียณเอ่ยขึ้น หันมาบอกผมพร้อมทั้งส่งสายตาเป็นเครื่องหมายคำถาม “หลานชายของคุณย่าน่ะครับ ท่านเอามาฝากเลี้ยงไว้ชั่วคราว” ผมตอบกลับเรียบๆ “อ่อ...” คุณหมอเอ่ยพร้อมพยักหน้ารับทราบ “แล้วรอยพวกนี่มันยังไงกับครับ” หมอธนูเอ่ยถามเกรงๆ จับข้อมือของไอ้น้องแทนยกขึ้นเล็กน้อย รอยนิ้วมือห้านิ้วชัดเจนเห็นร่องรอยเส้นเลือดฝอยแตกยับเป็นจ้ำแดงๆไปทั่ว อะไรมันจะบอบบางขนาดนั้นวะ นี่เป็นผู้ชายจริงๆหรือเปล่าวะเนี่ย จับนิดจับหน่อยแม่งทิ้งหลักฐานมัดตัวกูจนดิ้นแทบไม่หลุด “ไม่มีอะไรครับหมอ”ผมตอบกลับไปเสียงเรียบก่อนจะยิ้มจางๆ ไปให้ “ครับ ถ้าเป็นคนอื่นที่ผมไม่รู้จัก ผมคงคิดว่าที่นี่เกิดเรื่องไม่ดีแน่ๆ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD