แต่เหมือนว่าพระเจ้าจะรู้ว่า ปริญไม่ได้มีจุดประสงค์ที่ดีนัก ก็เลยดลบันดาลให้ไม่สมหวังกับความรักทั้งสองครั้งกับพวกเธอ เพราะเขากำลังทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยการเอาผู้หญิงอีกคนมาแทนผู้หญิงที่อยู่เบื้องลึกในใจตนเอง
ถามว่าเสียใจไหมที่ต้องผิดหวังกับความรักทั้งสองครั้งนี้ คำตอบก็คือมีเสียใจอยู่บ้าง และปริญก็คิดเสมอว่าทั้งเมรีญาและเขมมิกาจะต้องเป็นแฟนที่ดีให้กับตนเองได้ แต่ในเมื่อผู้ชายที่เธอทั้งสองเลือกก็มีดีไม่แพ้เขา จึงไม่ควรที่จะเข้าไปแทรกกลางหรือขัดขวาง ในวันที่พวกเธอมีความสุข เขาเองจึงรู้สึกสุขใจไปด้วย
ปริญจับจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือของตนเองอีกครั้ง ใจหนึ่งอยากจะโทร.หาพีรดา แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่รู้ว่าจะโทร.ไปทำไม ในเมื่อเขาเองก็ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญมาอ้างเพื่อจะคุยกับเธอ...
“จริงสิ! เรื่องไปภูเก็ต!” เมื่อคิดได้แบบนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับชาวเอเชีย ชายหนุ่มจึงรีบกดโทร.ออกหาหญิงสาวอย่างไม่ลังเล
“ฮัลโหล” เสียงงัวเงียของพีรดาตอบกลับมา บ่งบอกให้รู้ว่า เขาคงโทร.มารบกวนเธอดึกจนเกินไป
“เอ่อ...หลับแล้วเหรอ ไปเหนื่อยอะไรมา ถึงหลับเร็ว...”
ปริญหันไปดูเวลา ตอนนี้เกือบสี่ทุ่ม แต่พีรดาเป็นคนบ้างาน กลางวันทำงาน กลางคืนก็ยังหอบงานกลับมาทำ เวลานอนของหญิงสาวมักจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว แต่ที่รีบนอนคงเพราะพรุ่งนี้ต้องบินแต่เช้ากระมัง
“มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า”
พีรดาเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะตื่นขึ้นมาคุยและสะกดมันให้ดูเป็นปกติที่สุด ทั้งที่เมื่อครู่ เธอเพิ่งเจอกับปริญในฝัน แถมเป็นการพบเจอที่ทำให้คนฝันถึงกับหน้าแดง
“จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไรมากหรอก พอดี ฉันแค่มีธุระจะไปภูเก็ตด่วนน่ะ” ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านี้
“อะไรนะ! เธอจะไปภูเก็ต จะไปวันไหนล่ะ แล้วไปทำอะไร”
เสียงของพีรดาเหมือนคนตื่นขึ้นมาเต็มตัวทันที ทำเอาคนฟังแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า เธอเองก็สนใจเรื่องของเขาไม่น้อยเลยเช่นกัน
“มะรืนนี้ คิดว่า ถ้าไปถึงคงได้ติดต่อเธอ มีเรื่องงานจะคุยด้วย”
ปริญพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้ดูตื่นเต้นจนเกินไป แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะจับน้ำเสียงเขาได้หรือไม่ว่ากำลังดีใจอยู่
“อื้ม ก็ติดต่อมาละกัน มีเรื่องจะคุยแค่นี้ใช่ไหม” พีรดาตอบกลับไปเท่านั้น จากที่ตอนแรกคิดเข้าข้างตัวเองว่าปริญคงจะคิดถึงเธอ แต่ที่แท้ก็เรื่องงาน หญิงสาวถึงกับใจแป้วขึ้นมาอีกรอบ
“มีเท่านี้แหละ ธุระน่ะ” พูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ไม่ยี่หระ ทั้งที่ในใจเขาเองก็รู้สึกหมั่นไส้คนพยายามรักษาอาการ
“งั้นก็วางสายสิ” พีรดาสวนกลับทันควันอย่างไม่สนใจเช่นกัน อดคิดไม่ได้ว่า เขาเป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงโทร.มาบอกเท่านี้!
“ยัง ฉันยังไม่ได้บอกว่า...คิดถึงเธอเลยโทร.หาน่ะ เท่านี้แหละ”
ปริญพูดจบประโยคนั้นจบแล้วกดวางสาย ปล่อยให้คนฟังมีสีหน้าเหวอไปเพราะไม่เข้าใจอารมณ์คนโทร.มา แต่เพียงครู่เดียวก็ก้มมองหน้าจอที่ดับไปแล้ว ในขณะที่ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มปรากฏออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ตาบ้า...นี่เพี้ยนไปแล้วใช่ไหม หือ?”
จากนั้นก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมของมัน ก่อนล้มตัวลงนอน หลับตาลง ทำอารมณ์ให้เป็นปกติ แต่รู้สึกว่ารอยยิ้มจะไม่เลือนหายไปจากหน้าตัวเองสักที จึงคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ซุกตัวอยู่ข้างในแล้วได้แต่พร่ำบ่นกับตัวเองถึงคนที่เพิ่งวางสายไปแบบนั้น
“บ้าๆ ๆ ๆ คนเพี้ยน! จะมาคิดถงคิดถึงอะไรฉันล่ะ...”
ทางฝ่ายปริญ หลังจากวางสายลง เขาก็รู้ได้ทันทีว่า คืนนี้คงไม่สามารถนอนหลับตานอนได้อย่างสนิทใจเป็นแน่ และมีบางเรื่องที่เขาอยากจัดการให้แล้วเสร็จ
เจ้าของร่างสูงโปร่งรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสบายๆ ก่อนจะออกจากห้องไป เป้าหมายคือบาร์ลับของ ‘หมอเวทัศ’ หมอหนุ่มที่พรากผู้หญิงที่เขาเคยหมายปอง...
ปริญเดินเข้าไปที่บาร์ลับราวกับสถานที่อันคุ้นเคย เพราะโดยส่วนตัวกับเจ้าของที่นี่ไม่ได้มีเรื่องที่บาดหมางใจกันอีก อนึ่งด้วยเวทัศเป็นผู้ชายที่มีเหตุผลมากพอ บวกกับตัวเขาเองไม่ใช่คนที่แพ้แล้วพาล จึงยอมปล่อย ‘เมรีญา’ ไปโดยไม่ตามตอแยตั้งแต่วันแรกที่หญิงสาวเลือกเวทัศ และโชคชะตาก็เล่นตลกที่ทำให้ต้องตกหลุมรัก ‘เขมมิกา’ ผู้หญิงที่ ‘หมอธามไท’ เพื่อนสนิทของหมอเวทัศหมายปองอยู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมปริญถึงยังวนเวียนอยู่ในชีวิตของหมอทั้งสองคนนี้
“มาดื่มคนเดียวแบบนี้มีเรื่องไม่สบายใจมาเหรอครับ” เวทัสเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าปริญเดินมานั่งที่โซนบาร์ และวันนี้ เขาเองก็รับหน้าที่บาร์เทนเดอร์พอดี
“สวัสดีครับ ไม่คิดเลยว่าคืนนี้จะโชคดีได้ชิมเครื่องดื่มฝีมือหมอเวทัศนะครับนี่” ปริญพูดจากใจจริง เพราะเป็นที่รู้กันว่าเวทัสเป็นเจ้าของบาร์ ไม่จำเป็นต้องมาชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าแบบนี้
“ก็ถือว่าคุณโชคดีอยู่ เพราะนานๆ ทีผมถึงลงมือชงด้วยตัวเอง” เวทัสยิ้มเบาๆ ก่อนจะหันไปชงเครื่องดื่มให้กับปริญ และคาดว่าเรื่องที่อีกฝ่ายยังเศร้าอยู่แบบนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของเขมมิกา
“ขอบคุณครับ” ปริญรับเครื่องดื่มมาดื่มรวดเดียวหมด เพื่อย้อมใจกับเรื่องของพีรดา
“หือ? ใจเย็นหน่อย ผมรู้ว่าคุณกำลังอกหัก แต่ดื่มหนักขนาดนี้ไม่ช่วยอะไรมากหรอก เชื่อเหอะ ผมเคยมาแล้ว” เวทัสกล่าวเตือน เพราะตนเองก็ไม่อยากต้องมารับหน้าที่ดูแลคนเมาเช่นกัน
“หึ กลัวว่าผมจะเมาแล้วอ้วกที่ร้านคุณงั้นหรอ” ปริญพูดอย่างรู้ทัน คนอย่างเวทัสคงไม่ได้ห่วงเขามากมาย แต่คงห่วงร้านตัวเองเสียมากกว่า