“งั้นพี่ว่า เราอย่าไปกวนปริญเลย เราออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า” ภาคภูมิโอบไหล่ของพีรดาอย่างถือวิสาสะ เธอมีท่าทีตกใจเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยินยอมให้เขาโอบไหล่ต่อไป
“ก็ดีค่ะ ขอให้นายสมหวังไวๆ นะปริญ อย่าลืมพาผู้หญิงของนายมาให้ฉันรู้จักบ้างล่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมส่งยิ้มให้ปริญอีกครั้ง เขายิ้มตอบราวกับไม่รู้สึกอะไร
“ได้ดิ ฉันไม่ยอมแพ้เธอหรอกน่า” ปริญแสร้งยิ้มส่งกลับไป
“งั้นพี่ไปก่อนนะ”
จบประโยคล่ำลา ภาคภูมิโอบไหล่หญิงสาวพากันเดินจากไป ในขณะที่ปริญก็มองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย รู้ดีว่าตนเองมันโง่ที่ปล่อยให้พีรดาหลุดมือไป อาจเป็นเพราะขี้ขลาดเกินกว่าที่จะกล้าสารภาพรักกับเพื่อนของตัวเอง เพราะเธอเองก็ไม่มีทีท่าที่จะรู้สึกแบบเดียวกับเขา
ในขณะที่ภาคภูมิเองก็เป็นรุ่นพี่ที่ดี และปริญก็เชื่อว่าฝ่ายนั้นจะเป็นคนรักที่ดีให้พีรดาได้เช่นกัน แล้วทำไมเขาจะต้องขัดขวางสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสองคนที่มีความหมายในชีวิตตัวเองด้วย…
วันเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างปริญกับพีรดาก็เริ่มห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อย จากที่เคยเข้าเรียนพร้อมกัน กินข้าวพร้อมกัน ยามเลิกเรียนก็ไปหาอะไรกินด้วยกัน บางวัน ปริญก็ไปส่งพีรดาที่คอนโดฯ ตอนนี้ ทั้งคู่แทบไม่มีกิจกรรมอะไรทำร่วมกันเหมือนที่ผ่านมา และกลายเป็นความรู้สึกอึดอัดยามมาพบหน้าเข้ามาแทน
“วันนี้นายจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า” พีรดาเดินเข้ามาทักทายปริญอีกครั้ง อันที่จริงจะบอกว่า เธอเป็นฝ่ายเปลี่ยนไปก็คงไม่ใช่ เพราะคนที่ตีตัวออกห่างมันคือเขาเอง
ตอนแรก ปริญคิดว่าตัวเองจะทนได้หากเห็นพีรดาอยู่กับภาคภูมิ แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับรู้สึกเจ็บปวดเสียจนต้องพยายามหนีการพบเจอทั้งคู่ให้ได้มากที่สุด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงนี้ สองเพื่อนรักถึงเหินห่างกัน ทั้งที่เธอเองพยายามเข้าหาเขาอยู่ทุกวี่วัน
“กลับเลย เธอมีอะไรหรือเปล่า” ปริญหันไปถามพีรดาด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรสงสัยเหมือนประโยคที่ถามไป
“มี ก็พักนี้ นายเป็นอะไร ทำไมต้องหนีหน้าฉันด้วย ชวนไปไหนก็ไม่ไป” พีรดาเสียงแข็งขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะจ้องหน้าปริญอย่างเอาเรื่อง
“ฉันจะหนีหน้าเธอไปทำไม ฉันก็แค่อยากมีเวลาส่วนตัวบ้างก็แค่เท่านั้น” ปริญตอบเสียงห้วนกระด้างราวกับว่าไม่สนใจใยดีเธออีกต่อไปแล้ว
“ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นต้องการเวลาส่วนตัวเลย ไหนบอกว่า ถ้าฉันมีแฟน นายก็จะอยู่ดูแลฉันในฐานะเพื่อนต่อไปไง” สีหน้าของพีรดามองมาที่ปริญด้วยความไม่เข้าใจ ดวงตากลมโตคลอน้ำฉายแววเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด
“พาย…อย่าลืมสิว่า ฉันกับเธอจะตัวติดกันเหมือนแต่ก่อนไม่ได้นะ เธอเองก็มีแฟนแล้ว คนอื่นจะคิดยังไง ถ้าเห็นเธอมาอยู่กับฉัน”
ปริญพูดเสียงอ่อนลง พยายามอธิบายช้าๆ ด้วยเหตุผล แต่จริงๆ คือเขาไม่อยากเข้าใกล้พีรดาในช่วงนี้ เพราะอยากมีเวลาให้ทำใจและกลับไปคิดกับเธอแบบเพื่อนให้ได้เหมือนเดิม
“ก็ช่างคนอื่นสิ ปริญที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนที่แคร์คนอื่นแบบนี้นะ” พีรดาโต้ขึ้นมาทันที และมันก็จริงของเธอ เพราะปกติแล้ว เขาแทบไม่เอาคำพูดของคนอื่นมาใส่ใจแม้แต่น้อย
“แต่ตอนนี้ มันไม่เหมือนเดิม เอาเป็นว่า ฉันอาจจะไม่ได้ไปไหนมาไหนกับเธอเหมือนแต่ก่อน แต่ฉันกับเธอ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม โอเคไหม” ปริญพยายามเลี่ยงที่จะทะเลาะ เพราะตนเองก็เจ็บปวดที่ต้องปฏิเสธเธอเช่นนี้ ทั้งยังรู้ดีว่าพีรดาต้องเสียใจและผิดหวังในตัวเพื่อนอย่างเขามากแค่ไหน
“นี่นายพูดเหมือนว่าฉันกำลงตื๊อให้นายเป็นเพื่อนอย่างงั้นแหละ โอเค ได้! ถ้านายไม่ได้อยากจะไปไหนมาไหนกับฉันเหมือนก่อนก็ได้ เอาตามที่นายสะดวกแล้วกัน” พีรดาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัดปนสั่นนิดๆ ก่อนที่จะเดินจากไปโดยไม่หันมามองปริญอีกเลย
และวันนั้นก็เหมือนเป็นการพูดคุยกันสองต่อสองครั้งสุดท้าย ทั้งคู่เริ่มห่างกันจนถึงวันเรียนจบและต้องแยกย้าย...
แต่วันเวลาไม่สามารถทำให้ปริญลืมความรู้สึกที่มีต่อพีรดาได้แม้แต่น้อย จากที่ตอนแรก เขาคิดว่าถ้าได้อยู่ห่างๆ อาจจะลืมได้ กลับกลายเป็นว่ายิ่งห่างยิ่งโหยหา และกลายเป็นเก็บ ‘เพื่อนรัก’ ไว้ในห้วงลึกของความทรงจำจนไม่สามารถเอาใครมาแทนที่เธอได้แม้แต่น้อย...
พีรดาเดินเข้ามาในคอนโดฯ อันคุ้นเคย ย้อนไปเมื่อตอนเธอสอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ จากสาวภูเก็ตจึงต้องกลายมาเป็นสาวเมืองกรุงอย่างไม่มีข้อแม้
‘พัชรี’ แม่ของพีรดาตัดสินใจซื้อคอนโดฯ ที่กรุงเทพฯ ให้ลูกสาวอาศัยอยู่ในช่วงที่กำลังเรียนอยู่ และเมื่อเรียนจบ พีรดาก็กลับไปปบริหารธุรกิจโรงแรมที่ภูเก็ต นานๆ ทีจึงจะเข้ามาที่กรุงเทพฯ เพราะเจ้าตัวไม่ได้มีเพื่อนมากมายให้ต้องมาหา เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอก็คือปริญ
แต่ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนนั้น มันจบลงตั้งแต่วันที่เขาตีตัวออกห่าง ทั้งที่หญิงสาวก็ตอบตกลงคบกับพี่สายรหัสของปริญตามที่เขาต้องการ โดยที่เธอเองไม่ได้มีใจให้ภาคภูมิแม้แต่น้อย
เรื่องนี้กลายเป็นความทรงจำที่ฝังใจอย่างไม่รู้ลืม ทุกครั้งที่ขึ้นมากรุงเทพฯ พีรดาจึงรู้สึกเจ็บปวดที่กลับมาพบเจอบรรยากาศเดิมๆ ซึ่งพานให้ระลึกถึงเรื่องที่คราวนั้นขึ้นมาอีก และเพียงแค่คิดถึงมัน ความเศร้าก็คืบคลานเข้ามาในหัวใจพาให้ตื้อตันไปทั่วทรวงอก ลุกลามขึ้นสูงเรื่อยๆ ส่งผลให้ขอบตาร้อนผ่าว จนหญิงสาวต้องสะบัดหน้าแรงๆ เพื่อขับไล่ความอ่อนแอที่กำลังกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตาใสๆ แต่มันก็ยังไม่ช่วยอะไรได้มากอย่างหวัง และทุกครั้งที่รู้สึกเช่นนี้ เธอมักออกไประบายความหดหู่ในใจตามสถานบันเทิง ใช้แอลกอฮอล์กล่อมสติให้เมามัวจะได้ลืมเรื่องเก่าๆ แม้จะแค่ชั่วคราวก็ยังดี