บทที่ 7

1457 Words
บทที่ 7 21.00น. ผับK หลังจากที่ฉันตัดสินใจได้ว่าคืนนี้ยังไงก็ต้องมาปลดปล่อยความทุกข์ที่ผับให้ได้ ฉันก็ไม่รอช้าที่จะอาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวแซ่บๆ พร้อมฉีดน้ำหอมให้หอมฟุ้งไปทั้งตัวชนิดที่ว่าผู้ชายเดินผ่านต้องมีการเลี้ยวหลังหันมามองแน่นอนก่อนจะหยิบกุญแจรถขับมาสถานบันเทิงที่ตั้งอยู่ในย่านดังแห่งหนึ่งของประเทศ ผับK เป็นผับใต้ดินลึกลับที่จะรู้จักกันเฉพาะวงในเท่านั้น และก่อนจะได้เข้าไปในผับนี้ก็ต้องมีโค้ดแลกก่อนเข้าไปด้านในด้วย แล้วถ้าถามว่าฉันรู้จักผับนี้ได้ยังไง ก็ต้องตอบว่าก่อนหน้านี้สักหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ฉันได้ทักไปหาเพื่อนต่างคณะที่ช่ำชองเรื่องเที่ยวผับอย่างยัยบุ๋มมาว่ามีผับไหนน่าไปเที่ยวบ้างขอแบบผับที่ดูอันตรายน่าตื่นเต้นที่สำคัญขอเป็นผับที่มีแต่ผู้ชายหล่อๆ เท่านั้นด้วย เพราะความรู้สึกของฉันตอนนี้คืออยากลองอะไรที่มันเสี่ยงมากๆ อยากกระตุ้นหัวใจที่ห่อเหี่ยวของตัวเองให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ยัยบุ๋มมันเลยแนะนำผับKให้ฉัน มันบอกว่าถ้าอยากเห็นเทพบุตรถือแก้วเหล้าแบบฮอตๆ ก็ต้องผับแห่งนี้แหละ ตัดภาพมาที่ตอนนี้ ก่อนจะได้เห็นผู้ชายหล่อฉันจะถูกฉุดไปข่มขืนซะก่อนไหมนะ? แม่เจ้าโว้ย สภาพตรงหน้าฉันทำไมมันโคตรเปลี่ยวขนาดนี้ สภาพตึกสูงตรงหน้ามันไม่ได้เก่าทรุดโทรมหรอกแต่มันไม่มีใครสักคนให้ส่วนทางอะสิ แล้วไหนจะทางเข้าผับที่วังเวงแบบนี้อีก อารมณ์แบบเดินเข้าบ้านผีสิงสุดๆ เอาจริงๆ ตอนนี้ก็เริ่มจะทะเลาะกับตัวเองแล้วเหมือนกัน ว่าจะไปต่อหรือหมุนตัวขึ้นรถกลับห้องดี แต่ใจหนึ่งมันก็ค้านหัวชนฝาเลยอะดิว่าให้เดินต่อไป ฉันเลยตัดสินใจเดินต่อไปในที่สุด ก็ไม่รู้ว่าไอ้บันไดใต้ดินเนี่ยมันจะลงลึกไปถึงนรกชั้นอเวจีเลยหรือไง ลึกชะมัด! แต่ถึงบ่นไปฉันก็ลงไปอยู่ดี เดินลงไปจนกระทั่งเห็นประตูทางเข้า ซึ่งมีบอดิการ์ดตัวสูงร่างกำยำสองคนกำลังยืนเฝ้าประตูอยู่พอดี “ขอโค้ดลับด้วยครับ” “BB609ค่ะ” หนึ่งในบอดี้การ์ดพิมพ์รหัสที่ฉันบอกไปลงในเครื่องตรวจโค้ดในมือ พอเห็นว่ามันผ่าน อีกคนจึงเปิดทางผายมือเชิญเข้าไปด้านในทันที “เชิญครับ” “ค่ะ” และทันทีที่ฉันได้ย่างกรายเข้ามาในผับที่ยัยบุ๋มมันแนะนำมา ฉันก็ต้องร้องว้าวพร้อมเบิกตาโตขึ้นมาทันที เพราะที่นี้มันเยี่ยมมาก ไฮโซลัชชูรี่แตกต่างจากสภาพด้านนอกสุดๆ เหมือนจะคล้ายๆ ผับสำหรับคนมีตังค์มาเที่ยวหรือแบบพวกดาราเซเลบที่อยากมาปลดปล่อยแต่ไม่อยากโดนนักข่าวเอาข่าวไปพาดหัวหน้าหนึ่งให้เสียชื่อเสียงเล่นๆ อะ อีกอย่างผับแห่งนี้มันก็ดีมากสวยมากจริงๆ นะ คนไม่เยอะจนแน่นเอี๊ยดอะ คือมันโอเคเลย แถมผู้ชายที่เดินผ่านหน้าฉันแต่ละคนก็คือหล่อๆ ทั้งนั้น เอาละยืนอึ้งมาสักพักละ ฉันขอทำตัวสวยๆ เชิดๆ เดินนวยนาดโปรยเสน่ห์ที่ตัวเองมีเบาๆ ระหว่างเดินไปหาพ่อหนุ่มบาเทนเดอร์ละกัน "รับอะไรดีครับคนสวย" หลังจากที่ฉันเดินมาถึงเคาน์เตอร์บาร์ พ่อหนุ่มหน้าตาดีก็ถามยัยคนสวยอย่างฉันที่นั่งไขว้หางอยู่บนเก้าอี้ยกสูงตรงหน้าทันที ฉันเลยยิ้มเบาๆ แบบสวยๆ จริตตัวแม่ไปหนึ่งกรุบ ก่อนจะตอบว่า..."รับหนูเป็นแฟนไหมคะ" ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้นบาร์เทนเดอร์หนุ่มก็ยกยิ้มทันที รู้แหละว่าเขินอยู่ "ถ้าพี่ยังไม่มีเมียก็พอได้อยู่นะครับ แต่เผอิญพี่มีเมียแล้วอะดิ" หึ โอเค หยุด หยุดอยู่แค่นี้แหละ เบื่อจริงๆ พวกคนรักเมียหลงเมียเนี่ย "จัดon the rockมาแก้วหนึ่งค่ะ" ฉันสะบัดผมสั่งเหล้าเพียว ๆ หน้าตายมาหนึ่งแก้ว เอาเถอะคืนนี้ขอเมาหน่อยละกัน ขอใช้ช่วงเวลานี้ให้สุดแล้วไปหยุดที่เตียงใครสักคนละกัน ไหนๆ ผู้ชายที่ชอบก็หายหัวไปแล้ว ขอประชดชีวิตสักหน่อยเถอะวะ "เพิ่งมาถึงเอง on the rock เลยเหรอครับ พี่ว่าสั่งvirginก่อนมั้ย เศร้าอะไรเล่ามาได้นะ พี่รับฟังได้" ไอ้พี่บาเทนเดอร์ว่าขณะที่มือกำลังง่วนอยู่กับแก้วน้ำและของเหลวที่เตรียมจะเสิร์ฟให้ฉัน สุดท้ายฉันก็ได้ดื่มvirginหน้าตาน่ารักแทนน้ำสีอำพันโหดๆ นั่นจริงๆ สินะ แถมยังรู้ดีอีกว่าฉันเศร้าอยู่ นี่เป็นบาเทนเดอร์หรือนักจับผิดวะ "อยู่ตรงนี้นานจนจับสังเกตลูกค้าถูกขนาดนี้เลยเหรอพี่" "หึ ส่วนใหญ่ที่สั่ง on the rockถ้าไม่เครียดเรื่องงานก็อกหักมาทั้งนั้นแหละ" เออว่ะ มันก็จริงของพี่เขา คนเดี๋ยวนี้ถ้าเจอเรื่องเครียดๆ มาหรืออกหักก็มักจะพึ่งเหล้ากันทั้งนั้น แต่ก็ว่าไม่ได้อะ เพราะเหล้ามันก็มีข้อดีของมันตรงที่มันสะใจที่ได้ลืมใครสักคนไปชั่วขณะ ใครสักคนที่ถ้าฉันได้เจออีกครั้ง โคตรอยากกระโดดถีบหน้าฉิบหาย "พี่เคยจีบใครสักคนแล้วเขาโคตรเล่นตัวบ้างปะ" ฉันตั้งคำถามที่อยากรู้กับพี่บาเทนเดอร์ที่กำลังเช็ดแก้วอยู่ตรงหน้า ที่ฉันถามไปแบบนั้นไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลยนะนอกจากอยากรู้ความคิดของพี่เขาเฉยๆ อยากรู้ว่าผู้ชายแบบเขาคิดยังไงกับคำถามของฉัน "เคยดิ พี่เคยจีบผู้หญิงคนหนึ่งเขาสวยมากเลยนะ แต่เขาไม่เล่นด้วยอะ" เอาแล้วไง แค่เปิดเรื่องก็คล้ายชีวิตของฉันตอนนี้ละ เพราะพี่โยธาเองเขาก็หล่อมากเลยนะ แทบจะเป็นเทพบุตรแล้วมั้ง ฉันตามจีบเขามาสักพักแล้วแต่เขาไม่เล่นด้วยเลย "แล้วพี่จัดการความรู้สึกตัวเองยังไง" ฉันถามต่อ "ก็ถอยมาตั้งหลักก่อนอะ แล้วค่อยพุ่งเข้าไปใหม่"ตอบจบพี่เขาก็ช้อนตาขึ้นมายกยิ้มมุมปากให้ฉันแบบเท่ๆ หนึ่งที เออพี่เท่จริง "อะไรทำให้พี่พุ่งเข้าไปใหม่ ก็ไหนว่าเขาไม่เล่นด้วยไง" "ความรักไง" "ยังไงอะ?" "ก็พี่ชอบเขา แล้วมันมีอะไรให้ต้องยอมด้วยอะ อีกอย่างพี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ยังไม่ได้แสดงออกถึงความรักที่พี่มีให้ตั้งแต่แรกพบเลย พี่เลยถอยแล้วพุ่งเข้าไปใหม่ไง เข้าไปให้เขาเห็นว่าพี่จริงใจกับเขา" โห่ หวานเจี๊ยบเลย เอาจริงๆ ฉันก็แอบเบะปากแหละ ก็หมั่นไส้นิดนึง "เหรอ แล้วตอนนี้ยังรักกันอยู่ปะ" "แต่งงานมาสามปีแล้ว" "โห่ มิชชั่นคอมพลีทนี่หน่า" พอโดนฉันแซวไปแบบนั้นพี่บาเทนเดอร์ก็อมยิ้มเขินทันที เอาจริงๆ สิ่งที่พี่เขาพูดมันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ ชอบเขาก็ต้องแสดงออกให้เขาเห็นว่าเราจริงใจ หึ ตัดภาพมาที่ฉันตอนนี้สิ พี่โยธาเห็นว่าฉันไม่จริงใจหรือไง เห็นว่าฉันจีบเขาเล่นๆ หรือไง ถึงยังไม่ยอมเปิดใจให้ฉันสักที บางครั้งจีบนานๆ มันก็เหนื่อยนะเว้ยแถมตอนนี้ก็ยังไม่รู้หายไปไหนอีก ทิ้งช่วงการเต๊าะไปหลายวันแบบนี้ ฉันใจคอไม่ค่อยดีเลยกลัวยัยเนยครีมบูดนั่นจะคาบไปกินเสียก่อน เฮ้อ~ หลังจากที่พี่บาเทนเดอร์เป็นไลฟ์โค้ชให้ฉันเสร็จ พี่เขาก็ขยับไปต้อนรับลูกค้าอีกคนที่เพิ่งเดินเข้ามาแทน ส่วนฉันก็นั่งเหม่อเลยทำหน้าเศร้าเป็นนางเอกเอ็มวีไป แต่ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งหน้าเศร้าอยู่นั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังแทรกขึ้นมาให้ใจสั่นเล่น “เฮียวาโยเข้ามายัง” จนต้องรีบหันขวับไปดูว่าใช่อย่างที่คิดไว้ไหม เท่านั้นแหละ...เพลงดังขึ้นมาในหัวเลย และเราก็หากันจนเจอ~ “พี่โยธา…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD