บทที่6
หลายสัปดาห์ต่อมา...
หลังจากวันนั้นที่ฉันจูบกับพี่โยธาอีกครั้ง เราก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย...
ใช่แล้ว เราไม่ได้เจอหน้ากัน ฉันไปกินข้าวที่โรงอาหารวิศวะกับเพื่อนและเพื่อนของเขาอย่างพี่ทามไทพี่เธียรเฉกเช่นทุกวันก็ไม่ได้เจอหน้าเขา ฉันส่งข้อความถามอะไรไปเขาก็ไม่ตอบฉันเลย ไม่รู้ว่าบล็อกฉันไปแล้วหรือเปล่า แล้วไม่ต้องถามนะว่าฉันไม่ถามเพื่อนๆ ของเขาเหรอ?
ฉันถามค่ะ ถามทุกวันว่าเขาไปไหน ทำไมไม่มากินข้าวด้วยกัน คำตอบก็คือเงียบ ไม่มีใครตอบฉันได้สักคน แม้กระทั่งกองเชียร์อันดับหนึ่งของฉันอย่างพี่ตฤณกับพี่แปลนก็เงียบ เอาจริงๆ ก็ไม่เชิงว่าไม่รู้หรอก ว่าที่พี่โยธาเขาหลบหน้าฉันเป็นเพราะอะไร มันก็คงจะเป็นเพราะว่าเขารำคาญฉันนั่นแหละ เขาถึงได้หายหน้าไปจากสายตาฉันแบบนี้
เฮ้อ~ เขาไม่ชอบฉันขนาดนั้นเลยเหรอ
“คืนนี้กูว่าจะไปเที่ยวผับ”
“อีกแล้วนะ พี่โยธาเมินมึงทีไรพึ่งเหล้าทุกที เก็บตับจนถึงวันเรียนจบบ้างเถอะ” ยัยสวยต่อว่าฉันสีหน้าเอือมระอาอย่างเห็นได้ชัด
อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากไปเที่ยวผับนักหรอก แต่เข้าใจฉันไหมว่าถ้าฉันอยู่ห้องคนเดียว ฉันก็จะฟุ้งซ่านเอาแต่พิมพ์ข้อความส่งไปหาพี่โยธาไม่หยุด
เพราะฉะนั้น ฉันต้องไปหาอะไรทำแก้เครียดไงล่ะ
เออฉันเครียดค่ะ เครียดจะตายห่าอยู่ละ ผู้ชายไม่ตอบแชทไม่รู้ว่าไปมุดหัวอยู่ที่ไหนของแผนที่โลก
“พูดมาคำเดียวว่าไปหรือไม่ไป”
“กูคงไปไม่ได้อะ พี่เธียรชวนไปสนามแข่ง”
“กูก็ไม่ได้เหมือนกัน พี่ทามสั่งให้อยู่ห้องอะ” โอเคเลย พวกมีผัว แถมผัวรักผัวหลงกันทุกคน ผิดกับฉันที่จีบผู้ชาย รุกผู้ชายแต่ผู้ชายหนีหายเตลิดเปิดโปงไปไหนแล้วไม่รู้
เซ็งชะมัด!
“วันนี้วิศวะมีซ้อมเชียร์เป็นวันสุดท้าย เป็นวันมอบเกียร์ให้ปีหนึ่งอะ ไปแอบซุ่มดูปะ เผื่อมึงจะได้เห็นพี่โยธาไงพริก”
“ไปดูได้เหรอวะ” ฉันหูผึ่งทันทีที่ยัยพิ้งค์มันชวนฉันแอบส่องพี่โยธาที่ห้องเชียร์คณะวิศวะ
“ได้ดิ กูเป็นเมียประธานเชียร์นะเว้ย” เอาสิ ยัยนี้มันขิงนะเนี่ย เป็นเมียประธานเชียร์เท่ากับเส้นใหญ่ว่างั้นเถอะ
“กูจะเกลียดมึงก็เพราะความชอบขิงผัวของมึงนี่แหละน้ำพิ้งค์”
“แฮะๆ กูไม่ได้ขิงนะ แต่บังเอิญผัวตำแหน่งใหญ่อะ” ขอกลอกตาสักทีเถอะ เบื่อมันจริงๆ
.
.
.
ห้องเชียร์คณะวิศวกรรมศาสตร์
“ปีหนึ่ง! วันนี้พวกผมนัดพวกคุณมาทำอะไรกันที่นี่! เห็นห้องเชียร์มันเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไงครับ!”
เสียงเฮดว้ากสักคนหนึ่งดังขึ้นจนทะลุผนังห้องออกมาด้านนอก ทำให้พวกฉันที่กำลังแอบย่องเบาเตรียมจะเปิดประตูเข้าไปถึงกับชะงักตัวแข็งทื่อเลยทีเดียว
แม่เจ้าโว้ย นี่อย่าบอกนะว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้เป็นเสียงของพี่ทามไทอะ คือเท่าที่ฉันทราบมาอย่างตอนคณะของฉันรับน้องในคณะ ประธานจะอยู่ด้านบนสุดคอยสังเกตพวกเด็กปีหนึ่งด้านล่างแต่ถ้าใครทำอะไรเข้าตาประธาน ประมาณว่าไม่ได้ฟังไม่ได้สนใจที่รองเฮ้ดว้ากพูด ประธานจะขัดขึ้นทันที แล้วพี่ว้ากที่ยืนรอบๆ ก็จะกรูเข้าไปหาคนคนนั้นทันทีเพื่อจี้ถามว่าทำอะไรทำไมไม่สนใจที่พี่ว้ากพูดอยู่
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ด้านในก็น่าจะมีคนลองดีแน่ ๆ เสียงทรงพลังนั่นถึงได้ระเบ็งเซ็งแซ่ขนาดนั้น
"น้ำพิ้งค์ มึงแน่ใจนะว่าเราเข้าไปได้อะ นี่มันเรื่องสำคัญของคณะเขาเลยนะเว้ย มันจะดูไร้มารยาทนะถ้าพวกเราเข้าไปอะ"
ฉันหันไปถามยัยพิ้งค์ให้แน่ใจว่าสามารถเข้าไปด้านในได้จริงๆ ใช่ไหม เพราะถ้ามาคิดดูให้ดี เรื่องการมอบเกียร์ให้ปีหนึ่งมันเป็นธรรมเนียมภายในที่คนภายนอกอย่างพวกฉันไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามอยู่ในนั้น อีกอย่างเรื่องมารยาทมันก็สำคัญมากๆ ด้วย พูดง่ายๆ ก็คือมันไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าไปตอนที่พวกเขากำลังซีเรียสแบบนั้นอะ
"กูเห็นด้วยกับพริกไทย กูว่าเรากลับกันเถอะ" ยัยสวยว่าขึ้นบ้าง เห็นด้วยกับความคิดเห็นของฉันสีหน้าเครียด
"อืม...งั้นกลับกันก็ได้ ว่าแต่มึงเถอะ โอเคใช่มั้ยที่ไม่ได้เจอหน้าพี่โยธาอีกแล้วอะ"
เรื่องโอเคอะ ฉันก็ไม่ได้โอเคนักหรอก ว้าวุ่นใจจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาหลายวันแล้วด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือกลัวว่าที่พี่โยธาหลบหน้าฉันเป็นสัปดาห์เพราะเขากำลังโดนยัยเนยครีมบูดนั่นจีบติดไปแล้ว
"ก็ไม่ได้โอเคนักหรอก แต่ไม่เป็นไรหรอกกลับกันเถอะ"
"อืม ถ้ามึงว่างั้น งั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ" น้ำพิ้งค์พูดจบมันก็คล้องแขนฉันกับยัยสวยพากันเดินออกไปจากห้องเชียร์คณะวิศวะทันที ซึ่งแน่นอนว่าฉันต้องเป็นคนไปส่งพวกมันสองคนกลับคอนโด เนื่องจากคนขับรถของพวกมันสองคนยังติดภารกิจว้ากเด็กปีหนึ่งอยู่ไงล่ะ
"ขอบใจที่มาส่งนะพริก ถ้าเบื่อมึงก็โทรมานะ ไปอยู่สนามแข่งรถพี่เธียรกับกูก็ได้" ยัยสวยที่ลงจากรถไปแล้วย่อเข่าลงมาคุยกับฉันผ่านหน้าต่างรถ
คือฉันส่งน้ำพิ้งค์ก่อนเลยได้มาส่งยัยสวยเป็นคนที่สอง พอมาส่งมันก็อย่างที่เห็น ดึงเข้าดราม่าเฉย เห็นชอบพูดเสียงแข็งๆ เหมือนไม่ชอบใจที่ฉันยอมพี่โยธาเท่าไหร่ แต่ถ้าเอาจริงๆ ฉันก็รู้แหละว่ายัยนี้มันกำลังเป็นห่วงความรู้สึกของฉันอยู่
มันพูดอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าพี่โยธายังไม่สนใจฉัน ก็ให้ถอยออกมา เพราะยังมีผู้ชายอีกหลายคนที่รอฉันอยู่...
หึ รู้เลยใช่ไหมล่ะว่าทำไมพี่เธียรถึงได้รักมันหัวปักหัวปำขนาดนั้น เพราะมันเป็นคนแบบนี้ไง
"ไม่ต้องห่วงกูหรอกน่า กูโอเค เดี๋ยวคืนนี้ออกไปหาความสุขที่ผับสักแป๊บก็น่าจะหายหงอยแล้วละ"
"อืม แต่ถ้าอยากไปสนามพี่เธียร ก็โทรมาบอกละกันนะ"
"อื้ม กูไปก่อนนะ บาย..." ร่ำลากับเพื่อนเสร็จ ฉันก็กดปิดกระจกรถแล้วขับรถกลับคอนโดทันที
ใช้เวลาขับไม่นานก็ถึงคอนโด ฉันเลยลงจากรถเดินเข้าไปในลิฟต์ ยืนอยู่ในลิฟต์ไม่ถึงหนึ่งนาทีฉันก็กดโทรศัพท์เข้าไปดูกล่องข้อความที่ฉันได้พิมพ์ส่งไปหาพี่โยธาว่าเขาได้อ่านบ้างหรือยัง แต่พอเห็นว่ายังไม่ได้อ่านเลย จากที่หัวใจห่อเหี่ยวอยู่แล้วก็ยิ่งห่อเหี่ยวทวีคูณเข้าไปอีก
เฮ้อ~ แค่เพราะฉันจูบเขาเหรอ เพราะเขาไม่ชอบที่ฉันจูบเหรอวะ เขาถึงได้หายไปจากวงจรชีวิตของฉันแบบนี้ ถามตัวเองกี่ครั้งฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาถึงได้ไม่สนใจฉันขนาดนี้
ฉันทั้งหน้าตาสวยขนาดนี้ หุ่นนางงามจักรวาลขนาดนี้ การศึกษาดี ฐานะทางบ้านก็ไม่ใช่ไก่กานะถึงแม้ว่าจะรวยน้อยกว่าเขาก็เถอะแต่ก็ไม่ได้ยากจนอะ เนี่ย เพียบพร้อมไปซะทุกอย่างขนาดนี้แล้วเอาอะไรมาไม่สนใจฉันอีกวะ
งงจริงๆ เลย
ฮึ่ย! อย่าให้ฉันเจอตัวอีกครั้งนะ คราวนี้ฉันจะจับทำผัวให้จบๆ ไปเลย
ติ๊ง!
ขณะที่ฉันกำลังทำหน้ามุ่ยเพราะกำลังคิดถึงเรื่องพี่โยธาประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดี ฉันเลยรีบกระแทกเท้าแรงๆ เดินออกจากลิฟต์ด้วยความไม่สบอารมณ์จนถึงหน้าห้องตัวเองก่อนจะรีบกดรหัสห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปในที่สุด
คือสภาพอารมณ์ของฉันตอนนี้ถ้าผีเห็นผียังงงเลยว่าอีนี่เป็นไรของมัน เดินปึงปังหน้าบูดหน้าตึงมาเชียว