บทที่6

1437 Words
บทที่6 หลายสัปดาห์ต่อมา... หลังจากวันนั้นที่ฉันจูบกับพี่โยธาอีกครั้ง เราก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย... ใช่แล้ว เราไม่ได้เจอหน้ากัน ฉันไปกินข้าวที่โรงอาหารวิศวะกับเพื่อนและเพื่อนของเขาอย่างพี่ทามไทพี่เธียรเฉกเช่นทุกวันก็ไม่ได้เจอหน้าเขา ฉันส่งข้อความถามอะไรไปเขาก็ไม่ตอบฉันเลย ไม่รู้ว่าบล็อกฉันไปแล้วหรือเปล่า แล้วไม่ต้องถามนะว่าฉันไม่ถามเพื่อนๆ ของเขาเหรอ? ฉันถามค่ะ ถามทุกวันว่าเขาไปไหน ทำไมไม่มากินข้าวด้วยกัน คำตอบก็คือเงียบ ไม่มีใครตอบฉันได้สักคน แม้กระทั่งกองเชียร์อันดับหนึ่งของฉันอย่างพี่ตฤณกับพี่แปลนก็เงียบ เอาจริงๆ ก็ไม่เชิงว่าไม่รู้หรอก ว่าที่พี่โยธาเขาหลบหน้าฉันเป็นเพราะอะไร มันก็คงจะเป็นเพราะว่าเขารำคาญฉันนั่นแหละ เขาถึงได้หายหน้าไปจากสายตาฉันแบบนี้ เฮ้อ~ เขาไม่ชอบฉันขนาดนั้นเลยเหรอ “คืนนี้กูว่าจะไปเที่ยวผับ” “อีกแล้วนะ พี่โยธาเมินมึงทีไรพึ่งเหล้าทุกที เก็บตับจนถึงวันเรียนจบบ้างเถอะ” ยัยสวยต่อว่าฉันสีหน้าเอือมระอาอย่างเห็นได้ชัด อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากไปเที่ยวผับนักหรอก แต่เข้าใจฉันไหมว่าถ้าฉันอยู่ห้องคนเดียว ฉันก็จะฟุ้งซ่านเอาแต่พิมพ์ข้อความส่งไปหาพี่โยธาไม่หยุด เพราะฉะนั้น ฉันต้องไปหาอะไรทำแก้เครียดไงล่ะ เออฉันเครียดค่ะ เครียดจะตายห่าอยู่ละ ผู้ชายไม่ตอบแชทไม่รู้ว่าไปมุดหัวอยู่ที่ไหนของแผนที่โลก “พูดมาคำเดียวว่าไปหรือไม่ไป” “กูคงไปไม่ได้อะ พี่เธียรชวนไปสนามแข่ง” “กูก็ไม่ได้เหมือนกัน พี่ทามสั่งให้อยู่ห้องอะ” โอเคเลย พวกมีผัว แถมผัวรักผัวหลงกันทุกคน ผิดกับฉันที่จีบผู้ชาย รุกผู้ชายแต่ผู้ชายหนีหายเตลิดเปิดโปงไปไหนแล้วไม่รู้ เซ็งชะมัด! “วันนี้วิศวะมีซ้อมเชียร์เป็นวันสุดท้าย เป็นวันมอบเกียร์ให้ปีหนึ่งอะ ไปแอบซุ่มดูปะ เผื่อมึงจะได้เห็นพี่โยธาไงพริก” “ไปดูได้เหรอวะ” ฉันหูผึ่งทันทีที่ยัยพิ้งค์มันชวนฉันแอบส่องพี่โยธาที่ห้องเชียร์คณะวิศวะ “ได้ดิ กูเป็นเมียประธานเชียร์นะเว้ย” เอาสิ ยัยนี้มันขิงนะเนี่ย เป็นเมียประธานเชียร์เท่ากับเส้นใหญ่ว่างั้นเถอะ “กูจะเกลียดมึงก็เพราะความชอบขิงผัวของมึงนี่แหละน้ำพิ้งค์” “แฮะๆ กูไม่ได้ขิงนะ แต่บังเอิญผัวตำแหน่งใหญ่อะ” ขอกลอกตาสักทีเถอะ เบื่อมันจริงๆ . . . ห้องเชียร์คณะวิศวกรรมศาสตร์ “ปีหนึ่ง! วันนี้พวกผมนัดพวกคุณมาทำอะไรกันที่นี่! เห็นห้องเชียร์มันเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไงครับ!” เสียงเฮดว้ากสักคนหนึ่งดังขึ้นจนทะลุผนังห้องออกมาด้านนอก ทำให้พวกฉันที่กำลังแอบย่องเบาเตรียมจะเปิดประตูเข้าไปถึงกับชะงักตัวแข็งทื่อเลยทีเดียว แม่เจ้าโว้ย นี่อย่าบอกนะว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้เป็นเสียงของพี่ทามไทอะ คือเท่าที่ฉันทราบมาอย่างตอนคณะของฉันรับน้องในคณะ ประธานจะอยู่ด้านบนสุดคอยสังเกตพวกเด็กปีหนึ่งด้านล่างแต่ถ้าใครทำอะไรเข้าตาประธาน ประมาณว่าไม่ได้ฟังไม่ได้สนใจที่รองเฮ้ดว้ากพูด ประธานจะขัดขึ้นทันที แล้วพี่ว้ากที่ยืนรอบๆ ก็จะกรูเข้าไปหาคนคนนั้นทันทีเพื่อจี้ถามว่าทำอะไรทำไมไม่สนใจที่พี่ว้ากพูดอยู่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ด้านในก็น่าจะมีคนลองดีแน่ ๆ เสียงทรงพลังนั่นถึงได้ระเบ็งเซ็งแซ่ขนาดนั้น "น้ำพิ้งค์ มึงแน่ใจนะว่าเราเข้าไปได้อะ นี่มันเรื่องสำคัญของคณะเขาเลยนะเว้ย มันจะดูไร้มารยาทนะถ้าพวกเราเข้าไปอะ" ฉันหันไปถามยัยพิ้งค์ให้แน่ใจว่าสามารถเข้าไปด้านในได้จริงๆ ใช่ไหม เพราะถ้ามาคิดดูให้ดี เรื่องการมอบเกียร์ให้ปีหนึ่งมันเป็นธรรมเนียมภายในที่คนภายนอกอย่างพวกฉันไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามอยู่ในนั้น อีกอย่างเรื่องมารยาทมันก็สำคัญมากๆ ด้วย พูดง่ายๆ ก็คือมันไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าไปตอนที่พวกเขากำลังซีเรียสแบบนั้นอะ "กูเห็นด้วยกับพริกไทย กูว่าเรากลับกันเถอะ" ยัยสวยว่าขึ้นบ้าง เห็นด้วยกับความคิดเห็นของฉันสีหน้าเครียด "อืม...งั้นกลับกันก็ได้ ว่าแต่มึงเถอะ โอเคใช่มั้ยที่ไม่ได้เจอหน้าพี่โยธาอีกแล้วอะ" เรื่องโอเคอะ ฉันก็ไม่ได้โอเคนักหรอก ว้าวุ่นใจจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาหลายวันแล้วด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือกลัวว่าที่พี่โยธาหลบหน้าฉันเป็นสัปดาห์เพราะเขากำลังโดนยัยเนยครีมบูดนั่นจีบติดไปแล้ว "ก็ไม่ได้โอเคนักหรอก แต่ไม่เป็นไรหรอกกลับกันเถอะ" "อืม ถ้ามึงว่างั้น งั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ" น้ำพิ้งค์พูดจบมันก็คล้องแขนฉันกับยัยสวยพากันเดินออกไปจากห้องเชียร์คณะวิศวะทันที ซึ่งแน่นอนว่าฉันต้องเป็นคนไปส่งพวกมันสองคนกลับคอนโด เนื่องจากคนขับรถของพวกมันสองคนยังติดภารกิจว้ากเด็กปีหนึ่งอยู่ไงล่ะ "ขอบใจที่มาส่งนะพริก ถ้าเบื่อมึงก็โทรมานะ ไปอยู่สนามแข่งรถพี่เธียรกับกูก็ได้" ยัยสวยที่ลงจากรถไปแล้วย่อเข่าลงมาคุยกับฉันผ่านหน้าต่างรถ คือฉันส่งน้ำพิ้งค์ก่อนเลยได้มาส่งยัยสวยเป็นคนที่สอง พอมาส่งมันก็อย่างที่เห็น ดึงเข้าดราม่าเฉย เห็นชอบพูดเสียงแข็งๆ เหมือนไม่ชอบใจที่ฉันยอมพี่โยธาเท่าไหร่ แต่ถ้าเอาจริงๆ ฉันก็รู้แหละว่ายัยนี้มันกำลังเป็นห่วงความรู้สึกของฉันอยู่ มันพูดอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าพี่โยธายังไม่สนใจฉัน ก็ให้ถอยออกมา เพราะยังมีผู้ชายอีกหลายคนที่รอฉันอยู่... หึ รู้เลยใช่ไหมล่ะว่าทำไมพี่เธียรถึงได้รักมันหัวปักหัวปำขนาดนั้น เพราะมันเป็นคนแบบนี้ไง "ไม่ต้องห่วงกูหรอกน่า กูโอเค เดี๋ยวคืนนี้ออกไปหาความสุขที่ผับสักแป๊บก็น่าจะหายหงอยแล้วละ" "อืม แต่ถ้าอยากไปสนามพี่เธียร ก็โทรมาบอกละกันนะ" "อื้ม กูไปก่อนนะ บาย..." ร่ำลากับเพื่อนเสร็จ ฉันก็กดปิดกระจกรถแล้วขับรถกลับคอนโดทันที ใช้เวลาขับไม่นานก็ถึงคอนโด ฉันเลยลงจากรถเดินเข้าไปในลิฟต์ ยืนอยู่ในลิฟต์ไม่ถึงหนึ่งนาทีฉันก็กดโทรศัพท์เข้าไปดูกล่องข้อความที่ฉันได้พิมพ์ส่งไปหาพี่โยธาว่าเขาได้อ่านบ้างหรือยัง แต่พอเห็นว่ายังไม่ได้อ่านเลย จากที่หัวใจห่อเหี่ยวอยู่แล้วก็ยิ่งห่อเหี่ยวทวีคูณเข้าไปอีก เฮ้อ~ แค่เพราะฉันจูบเขาเหรอ เพราะเขาไม่ชอบที่ฉันจูบเหรอวะ เขาถึงได้หายไปจากวงจรชีวิตของฉันแบบนี้ ถามตัวเองกี่ครั้งฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาถึงได้ไม่สนใจฉันขนาดนี้ ฉันทั้งหน้าตาสวยขนาดนี้ หุ่นนางงามจักรวาลขนาดนี้ การศึกษาดี ฐานะทางบ้านก็ไม่ใช่ไก่กานะถึงแม้ว่าจะรวยน้อยกว่าเขาก็เถอะแต่ก็ไม่ได้ยากจนอะ เนี่ย เพียบพร้อมไปซะทุกอย่างขนาดนี้แล้วเอาอะไรมาไม่สนใจฉันอีกวะ งงจริงๆ เลย ฮึ่ย! อย่าให้ฉันเจอตัวอีกครั้งนะ คราวนี้ฉันจะจับทำผัวให้จบๆ ไปเลย ติ๊ง! ขณะที่ฉันกำลังทำหน้ามุ่ยเพราะกำลังคิดถึงเรื่องพี่โยธาประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดี ฉันเลยรีบกระแทกเท้าแรงๆ เดินออกจากลิฟต์ด้วยความไม่สบอารมณ์จนถึงหน้าห้องตัวเองก่อนจะรีบกดรหัสห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปในที่สุด คือสภาพอารมณ์ของฉันตอนนี้ถ้าผีเห็นผียังงงเลยว่าอีนี่เป็นไรของมัน เดินปึงปังหน้าบูดหน้าตึงมาเชียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD