บทที่ 9
ตุบ!
ซึบ!
“อื้อ! เจ็บนะ! พี่ดึงเบาๆ ไม่เป็นหรือไง” มือใหญ่ดึงสกอตช์เทปปิดปากฉันออกทันทีที่วางร่างกายของฉันนั่งลงบนฝ่ากระโปรงรถคันหรูที่จอดไว้ข้างๆ รถของฉัน
ถ้าให้เดาไอ้รถคันหรูที่ว่านี้คงจะเป็นรถของใครอื่นไม่ได้นอกจากรถของคนที่ยืนจ้องตากับฉันตอนนี้นี่แหละ ไม่งั้นเขาคงไม่วางฉันลงสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้หรอก
แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นหลักที่ฉันควรจะสนใจในเวลานี้หรอกนะ สิ่งที่ควรสนใจมากกว่านั่งบนฝ่ากระโปรงรถใครคือ สภาพของฉันที่ถูกมัดแขนมัดขาอย่างกับจำเลยรักตอนนี้เถอะ
นี่เขาเป็นบ้าอะไรถึงต้องทำกันขนาดนี้ ฉันก็แค่ยั่วนิดยั่วหน่อยแค่นั้นเอง ทำไมต้องตบะแตกทำกับฉันขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้
“อื้อ แกะอันนี้ออกด้วย” เห็นยืนจ้องตาฉันอยู่สักพักละ แต่ไม่ยอมแกะเชือกที่ข้อมือของฉันออกสักที ฉันก็เลยต้องยื่นมือไปตรงหน้าเขาให้แกะออก
คนถูกสั่งเลยใช้มือแกะเชือกที่ผูกมัดไว้ด้วยมือข้างเดียวอย่างนิ่งๆ ให้
แหม่ หน้านิ่งจังเลยนะพ่อคุณ เช๊อะ! เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้จัง ทำเป็นนิ่งเฉยชาใส่กันไปเถอะ วันไหนใจอ่อนให้ฉันขึ้นมา จะนิ่งไม่อยู่
พี่โยธาแกะเชือกข้อมือให้ฉันเสร็จ เขาก็ก้มลงไปแกะเชือกข้อเท้าต่อ แกะเสร็จก็ลุกขึ้นมาประจันหน้ากับฉันอีกครั้ง
“คราวหน้าอย่ามาที่นี้อีก”
“ทำไมละคะ” ฉันเล่นหน้าเล่นตาถาม
“ฉันบอกแล้วไง ว่าที่นี่ไม่เหมาะกับเธอ” ว่าจบพี่โยธาก็เดินผ่านหน้าของฉันเตรียมจะเปิดประตูรถ รถคันนี้เป็นของเขาจริงๆ สินะ ไม่เคยเห็นเขาขับรถคันสีดำดุดันแบบนี้มาก่อนเลยแฮะ ปกติจะเห็นขับแต่คันสีขาวไปเรียน
เห็นแบบนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกชอบขึ้นมาอีกเท่าตัวเลย ผู้ชายบ้าอะไรไม่รู้ โคตรเท่โคตรกร้าวใจเป็นบ้าเลย
ฮึ่ย! อยากจับมาทำผัวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยโว้ย!
แต่เดี๋ยวก่อน…เรื่องนั้นยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญนะยัยพริกไทย หันไปสนใจเรื่องเมื่อกี้ก่อนสาว
“แล้วที่ไหนละที่เหมาะกับพริก พี่ช่วยตอบได้ไหม”
“ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่”
“เหรอคะ ยิ่งเห็นพี่ห้ามแบบนี้พริกก็ยิ่งอยากมามากกว่าเดิมแล้วสิ อยากรู้จังว่าทำไมพี่ถึงได้ห้ามพริกแบบนี้”
พี่โยธาไม่ตอบฉัน แต่เขาเลือกที่จะเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งบนรถแทน ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปในที่สุด
เหอะ เจ็บปวดกับการถูกเมินถูกทิ้งไปอย่างไม่ไยดีจากเขาจริงๆ แต่ช่างเถอะ ฉันโดนเมินแบบนี้จนชินไปแล้วละ โดนอีกสักครั้งก็ไม่ตายหรอก
แต่ถ้าไม่ทำให้ความสงสัยในหัวหายเนี่ย ฉันจะตายซะก่อน ใช่ฉันชักจะอยากรู้แล้วสิว่าที่นี่มันมีอะไรมากกว่าผับเฉยๆ หรือเปล่า
คิดได้ดังนั้นฉันก็ซอยเท้าทั้งสองข้างของฉันมุ่งหน้าตรงทางเข้าของผับที่ฉันเพิ่งโดนอุ้มออกมาเมื่อกี้อีกครั้งทันที
ใช่ ฉันกำลังจะกลับเข้าไปข้างในนั้นอีกครั้ง ฉันอยากรู้ว่าข้างในนั้นมันมีอะไรที่อันตรายอย่างที่พี่โยธาห้ามไว้หรือเปล่า
แต่…
หมับ!
“ที่ห้ามไปไม่ได้สนใจจะฟังกันเลยใช่ไหม”
“กรี๊ด!!” สิ้นสุดเสียงพี่โยธาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ จบ เขาก็จัดการอุ้มร่างกายของฉันพาดบ่าของเขาทันที ฉันที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยเผลอกรี๊ดเสียงดังด้วยความตกใจออกไป
คือฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่โยธากลับรถมาตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนโดนคว้าแขนไปจับไว้แล้วพูดเสียงนิ่งๆ น่ากลัวแบบนั้นกับฉันแล้ว
แถมตอนนี้ก็ยังเดินแบกร่างกายของฉันเดินไปทางรถที่เขาเพิ่งขับออกไปเมื่อกี้อีกด้วย
จะพาฉันไปไหนเนี่ย?
ตุบ!
“นั่งนิ่งๆ อย่าขยับ” ฉันนั่งตัวแข็งทื่อทันทีที่โดนขู่ด้วยหน้านิ่งๆ นั่น ให้ตายเถอะนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมต้องห้ามไม่ให้ฉันเข้าไปในผับนั้นด้วย
แล้วประเด็นคือฉันเป็นพวกยิ่งห้ามยิ่งยุด้วยสิ ยิ่งไม่ให้รู้ก็อยากรู้อะ
“ทำไมต้องห้ามพริกด้วย พริกไม่เข้าใจ”
“ที่นั่นไม่เหมาะกับเธอ มันเข้าใจอะไรยากตรงไหน” เอาจริงๆ ตอบมาแบบนี้ ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละว่าทำไมต้องห้ามฉันไม่ให้เข้าไปในนั้น
ทั้งๆ ที่นั่นมันก็เป็นแค่ผับธรรมดาทั่วไปแค่นั้น หรือว่าเพราะเขารู้ว่าที่นี้มีแต่คนหล่อๆ เดินกันให้ควั่ก เขาเลยหวงฉัน? กลัวจะมีคนมาจีบ?
เฮ้ย! มึง…พลังแห่งการตามตื๊อจะสำเร็จแล้วเหรอ บ้าน่า กูเขินรอแล้วนะ
“ที่พี่ไม่อยากให้พริกเข้าไป เพราะกลัวว่าจะมีคนมาจีบพริกใช่ไหม ลึกๆ แล้วพี่ก็เริ่มชอบพริกแล้วแต่แค่ปากแข็ง ใช่หรือเปล่า หวงพริกก็พูดมาเถอะ” ฉันว่าเสียงงุ้งงิ้งพร้อมกับใช้นิ้วมือทัดผมไว้หลังหูขณะที่บิดตัวแก้เขินไปด้วย
แต่…ค่ะเสียงถอนหายใจจากคนที่นั่งหลังพวงมาลัยดังขึ้นทันทีที่ฉันว่าจบ ก่อนจะถามชื่อคอนโดของฉันเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความเอือมระอาอย่างชัดเจน
“ชื่อคอนโด”
เหอะ! ฟู่ว~ เย็นไว้พริกเย็นไว้ ฉันเฝ้าบอกตัวเองในใจให้ใจเย็นหลังจากที่ได้ยินเสียงและท่าทางของพี่โยธาที่แสดงออกมา พยายามสะกดกลั้นความปรี๊ดแตกไว้ให้ลึกที่สุด
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน พริกไทย!
“ไม่บอก” ฉันตอบกลับไปหน้าตาย ตีหน้านิ่งมองข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
“งั้นลงข้างทาง” เหอะ พอฉันไม่บอกแล้วจะทิ้งฉันไว้ข้างทางเหรอ?
“ไม่ลง” ใช่ ฉันไม่ลงหรอก เรื่องอะไรจะลงจากรถของเขา อุตส่าห์ขึ้นมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถได้แล้ว ฉันก็ต้องไปให้สุดสิ
“แล้วจะเอาไง”
“จะไปห้องพี่”
“เธอว่าไงนะ?”
“พริกจะไปห้องพี่ ในเมื่อที่นั่นไม่เหมาะกับพริก ก็คงเหลือที่เดียวที่เหมาะกับพริกนั่นก็คือห้องของพี่ พาพริกไปที่นั่นค่ะ”
“เหอะ! ที่นั่นมันก็ไม่เหมาะกับเธอพอๆ กับผับนั่นเหมือนกัน” ดูพูดเข้า ชอบจริงๆ เลยผู้ชายปฏิเสธเก่งเนี่ย
“ไม่จริง ห้องพี่เหมาะกับพริกที่สุด” เอาสิ ในเมื่อห้ามฉันไม่ให้เข้าผับนั่นก็พาฉันกลับห้องตัวเองสิ พาไปสิ มองหน้าทำไมล่ะ
ถ้าไม่พาฉันกลับที่ห้องของตัวเองฉันก็จะหาทางกลับไปที่ผับนั่นอีกครั้ง ดูสิเขาจะทำยังไงต่อ
“ถ้าไม่พาพริกกลับห้องของพี่…”
“หุบปากแล้วนั่งเงียบๆ ไป” บร๊ะ! มุมนี้ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่ที่รู้จักกันมาสินะ ดุดันได้แบบกร้าวใจมาก ปกติที่เห็นมาคือนิ่งๆ แต่ไม่ดุขนาดนี้ แต่คืนนี้ปล่อยของนะเนี่ย
“ปกติพี่เป็นคนดุแบบนี้บ่อยปะ”
“…”
“โอเค ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แต่พริกอยากบอกว่าเวลาพี่ดุแบบเมื่อกี้แล้วมันโคตรกร้าวใจเลยอะ ^^”
นั่นไงหันมามองตาขวางเชียว แต่ถามว่าอีพริกแคร์ไหม ก็ไม่นะสิ เรื่องยอดไว้ใจฉันเลย ยอดสักนิดยอดสักหน่อยหัวใจจะได้กระชุ่มกระชวย จะได้รีบๆ หวั่นไหวไวๆ ไง
.
.
.
@คอนโดโยธา
หลังจากที่ขับรถมาถึงคอนโดพี่โยธา ฉันก็เดินตามหลังร่างสูงของพี่โยธาเข้าไปในคอนโดของเขา ร่างสูงเดินเลี้ยวเข้าไปในห้อง ส่วนฉันเลือกที่จะเดินตรงไปนั่งบนโซฟาห้องโถงแทน
ความสัมพันธ์ของฉันกับเจ้าของห้องตอนนี้อยู่ในสถานะติดลบนิดหน่อย เพราะเจ้าของห้องเขาไม่พูดคุยกับฉันเลยตั้งแต่เงียบไป กลับมาถึงคอนโดเขาก็เดินเลี้ยวเขาห้องนอนตัวเองโดยไม่สนใจไยดีฉันที่เป็นแขกเลยสักนิด
ไม่รู้ว่าโกรธเกลียดอะไรฉันไปแล้วหรือเปล่าถึงได้เงียบผิดปกติแบบนั้น แต่เอาเถอะเดินย่องเบาเปิดประตูแง้มดูสักหน่อยดีกว่า
แอ๊ด~
“อืม เดี๋ยวผมจัดการเอง” พี่โยธายืนหันหลังถอดเสื้อโชว์แผ่นหลังที่มีรอยสักมังกรเต็มหลังขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนพร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วย
ใช่ ทุกคนอ่านไม่ผิดหรอก พี่โยธาสักและพี่โยธาสูบบุหรี่ด้วย
ฉันที่เห็นแผ่นหลังที่มีรอยสักในแวบแรกก็ไม่เชื่อสายตาตัวเองเหมือนกันว่าเขาจะสักเต็มแผ่นหลังขนาดนั้นแถมยังสูบบุหรี่อีก
เอาจริงๆ ภาพที่ฉันเห็นตอนนี้กับตอนที่อยู่มหาวิทยาลัยคือแตกต่างกันไปเลย ตอนนี้พี่โยธาเขาดูเหมือนเป็นลูกหลานพวกมาฟงมาเฟียไปเลย
เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นจริง?
คิดดูละกันนะ คอนโดหรูหลายสิบล้านขนาดนี้เผลอๆ ความจริงอาจจะแตะร้อยล้านก็ได้ การตกแต่งห้องที่ลัชชูรี่สุดๆ แถมท่าทางนิ่งๆ บวกกับรอยสักนั่นอีกแล้วไหนจะพี่ชายที่มีผับลับแบบนั้นอีก ลืมบอกไปว่าที่ผับนั่นมีการ์ดชุดดำยืนเฝ้าหน้าห้องทำงานและข้างล่างผับหลังจากที่พี่ชายพี่โยธาไปถึงกันให้ควั่กเลยนะ
มึง…หรือว่าพี่เขาจะเป็นลูกหลานคนมีอิทธิพลแบบนั้นจริงๆ วะ ถ้าเกิดว่าใช่ขึ้นมาเรื่องที่เขาไม่ยอมใจอ่อนให้ฉันจีบก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วละ
ระดับนั้นจะยอมลดตัวมาคบกับเด็กต่างจังหวัดรวยไม่ได้เศษเสี้ยวของเขาเหรอวะ จริงไหม?
“จะยืนแอบดูตรงนั้นอีกนานไหม”
เฮือก!
ตายแล้ว ให้ตายเถอะแอบดูยังไงให้จับได้วะเนี่ยฉัน
“เอ่อ…ขอโทษค่ะ พริกไม่ได้ตั้งใจจะมาแอบดูนะ บังเอิญจะเข้ามาหาพี่ แต่ได้ยินเหมือนคุยโทรศัพท์อยู่ เลยยืนรอตรงนี้ก่อน”
“มีไร” งื้อ~ เสียงห้วนฉิบหาย ทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบขึ้นมาเหมือนกันนะมึง
“พะพี่สักด้วยเหรอ”
“อืม” ตอบอืมเสร็จ พี่โยธาก็หันหลังเท้าแขนไว้กับขอบระเบียงห้องเพื่อสูบบุหรี่อีกครั้ง
บ้าจริง ทำไมจู่ๆ ความรู้สึกของฉันตอนนี้มันก็รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปนะ ต้องใช่แน่ๆ
ตอนที่ฉันรู้จักเขาในตอนแรกเริ่มเลย เขาดูเป็นผู้ชายอบอุ่น น่าคบหา ดูใจดี พูดน้อยหน้านิ่งแต่รู้สึกว่าเป็นผู้ชายที่อบอุ่นคนหนึ่งในบรรดาแก๊งของเขา
แต่ตัดภาพมาที่คืนนี้สิ ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกว่าพี่เขาเปลี่ยนไป ตั้งแต่วันนั้นที่ฉันจูบเขาที่ห้องสมุดแล้วเขาบอกว่าฉันกำลังเล่นอยู่กับไฟ
ใช่ เขาหายไปไม่เจอกับฉันตั้งแต่วันนั้น มาเจอกันอีกทีเขาก็เหมือนคนละคนกับที่รู้จักเลย
คนนี้ดูดุดัน ดูร้าย ดูสุขุมกว่า ฉันไม่อยากพูดเลยนะว่าเขาดูเหมือนลูกหลานมาเฟียจริงๆ
“พี่ใช่พี่โยธาที่พริกรู้จักหรือเปล่า” ไวกว่าความคิดก็ปากฉันนี่แหละ ถามอะไรออกไปเนี่ย!
“อะไรทำให้เธอตั้งคำถามแบบนั้นกับฉัน” นั่นไง เอาแล้วไงมึง
“ท่าทางของพี่มันกำลังทำให้พริกสับสน พี่ช่วยตอบคำถามพริกหน่อยได้ไหม” เอ้าอีพริกเอ้ย โอ้ยฉันเหนื่อยกับตัวเอง ชอบคิดอะไรแล้วปากมันพาซวยแบบนี้ตลอดเลย
“หึ คนทีที่เธอรู้จัก…เธอจะได้เจอกับหมอนั่นเฉพาะตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเท่านั้นแหละ” เดี๋ยวนะ…พูดแบบนี้หมายความว่าไงอะ เขามีแฝดเหรอ หรือว่าเป็นพวกสองบุคลิก
“หมายความว่าไง” ฉันถามกลับสีหน้างงงวย
“…” เงียบอีกแล้ว ฉันไม่ชอบเวลาที่เขาหันมาแล้วหันกลับไปพร้อมความเงียบแบบนี้เลย มันอึดอัดเข้าใจปะ!
“พี่เป็นใครกันแน่” เออ เขาเป็นใครกันแน่ ทำไมจู่ๆ ถึงได้พูดจาชวนน่าสงสัยแบบนั้น
“…จะกลับหรือยัง ฉันจะได้ไปส่ง” เบี่ยง! เขากำลังเบี่ยงประเด็นเพื่อไม่ตอบฉัน
“ไม่กลับ บอกมาก่อนว่าพี่เป็นใคร” เอาสิ เขาลืมไปแล้วใช่ไหมว่าฉันตื๊อเก่งอะ ตราบใดที่ยังไม่ตอบคำถามของฉัน ฉันก็จะถามมันอยู่อย่างนี้แหละ
“มึงก็บอกเธอไปสิ ว่ามึงเป็นลูกมาเฟีย”
ขวับ!
ฮะ?