" คุณว่า หนูขวัญจะรู้มั้ยคะว่าฉันเคยเป็นเมียน้อยคุณมาก่อน แถมแพรมุกก็เป็นลูกสาวแท้ๆของคุณ ไม่ใช่ลูกติดอย่างที่เธอเข้าใจ "
ขวัญพิชชาช๊อคกับสิ่งที่ได้ยิน !!!!!!
' น้าอรเคยเป็นเมียน้อยพ่องั้นเหรอ แพรมุกก็เป็นลูกแท้ๆของพ่องั้นเหรอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ขวัญพิชชาแปลกใจมาตลอดว่าทำไมพ่อถึงเอาอกเอาใจลูกติดมาตลอด เพราะแพรมุกคือลูกแท้ๆ ไม่ใช่ลูกเลี้ยง '
เธอตัดสินใจหันหลังกลับ ไม่อยากให้พ่อเห็น
ขวัญพิชชาเดินออกจากบ้านเหมือนคนไร้วิญญาณ เธอเจ็บจนชา หากมีสิ่งใดที่บ่งบอกความรู้สึกของหญิงสาวในตอนนี้ น้ำตาที่กำลังรินไหลอย่างไม่ขาดสาย คือคำตอบที่ดีที่สุด
ขวัญพิชาชาเดินกลับมาขึ้นรถ ปิดประตู เธอปล่อยโฮออกมาทันทีเหมือนอัดอั้น
" ฮืออออ.... !!!!"
" แม่ ขวัญคิดถึงแม่ ขวัญอยากกอดแม่ "
ขวัญพิชชาซบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ เธอรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง อยากกอดใครซักคน แต่ขวัญพิชชาทำได้แค่ ' กอดตัวเอง '
ขวัญพิชชาขับรถออกมาจากบ้านแม่ ก่อนจะรู้สึกว่าไปต่อไม่ไหว จึงจอดพัก เธอเหนื่อยจนล้าไปหมด เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว ธามธาราคงกลับถึงบ้านแล้ว เขาคงไม่สนใจหรอกที่เธอหายไป ถ้าเขาสนใจเขาคงโทรถามบ้าง แต่นี่ ... เงียบสนิท
เธอนั่งครุ่นคิดอยู่แบบนั้น ชีวิตเธอมีค่ากับใครบ้าง นอกจากแม่ แต่แม่ก็ไม่อยู่แล้ว เธอควรทำยังไง ?
เธอยังไม่อยากกลับบ้านของธามธารา เธอยังไม่อยากเจอใคร ขวัญพิชชาจึงขับรถไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมาย ..
นานเท่าไหร่ไม่รู้ ...
ไกลเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ....
ขวัญพิชชายังคงขับรถไปเรื่อยๆอย่างไร้ทิศทางและไม่มีจุดหมายในชีวิต
ทบทวนชีวิตตัวเองที่ผ่านมา ........
' แม่ถูกรถชนตายตอนเธออายุได้ 15 ปี หลังจากแม่ตาย พ่อก็ไม่กลับบ้าน พ่อหายไปหลายวัน ทิ้งให้ขวัญพิชชาอยู่กับแม่บ้าน เธอเข้าใจว่าพ่อคงคิดถึงแม่มากจนไม่อยากกลับมาเจอความเจ็บปวดเมื่อไม่มีแม่ แต่หลังจากแม่ตายได้เพียงสองสัปดาห์ พ่อก็กลับมาพร้อมผู้หญิงคนใหม่ พ่อแนะนำว่าเป็นเมียใหม่พ่อ และแพรมุกคือลูกติด
" นี่อรจิรา นั่นลูกสาวน้าอร ชื่อแพรมุก ต่อไปทั้งสองคนจะมาอยู่กับเรา เป็นครอบครัวเดียวกัน "
คำว่าครอบครัวเดียวกันของพ่อ น่าจะหมายถึงเค้าสามคนมากกว่า ไม่ใช่ฉัน !!!
เพราะพ่อสนใจครอบครัวใหม่ ส่วนฉันเหมือนเป็นเพียงส่วนเกินมากกว่า ทุกครั้งเวลาไปทานข้าวนอกบ้าน ช๊อปปิ้ง ซื้อของ เธอไม่เคยได้ไป ไม่เคยได้อะไรดีดี
บางครั้งถูกกลั่นแกล้งจากสองแม่ลูก ขวัญพิชชาก็ไม่เคยได้รับความยุติธรรม ต่อหน้าพ่อ อรจิราจะทำเป็นรัก เอาอกเอาใจขวัญพิชชา แต่พอลับหลัง ก็แสดงธาตุแท้ออกมา จิกหัวเธอ ใช้เธอทำงานบ้านทุกอย่าง อะไรดีดีจะถูกประเคนให้อรจิราทั้งหมด ส่วนเธอจะได้แต่ของเหลือเดน
" ไปล้างจาน เสร็จแล้วก็กวาดบ้านถูบ้าน แล้วก็ไปซักผ้า ซักมือนะ ซักเครื่องเดี๋ยวเสื้อผ้าลูกฉันเสียทรงหมด " อรจิราจะสั่งงานเธอหลังจากที่พ่อออกไปทำงานแล้ว
พ่อไม่เคยเชื่อคำพูดเธอ ถึงแม้พ่อจะเห็นว่าสองแม่ลูกรังแกเธอ พ่อก็ทำเป็นไม่เห็นได้
แต่พอแพรมุกไปฟ้องพ่อ ใส่ร้ายว่าขวัญพิชชาแกล้ง ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำ อีกทั้งป้าแม่บ้านก็เป็นพยานได้ พ่อกลับไม่เชื่อ
แม้แต่เวลาไปโรงเรียน ถ้าแพรมุกมาบอกว่าโดนเพื่อนแกล้ง พ่อก็จะโทษเธอว่าทำไมไม่ดูแลน้อง
สุดท้ายขวัญพิชชาก็โดนทำโทษอีกตามเคย
อะไรที่แพรมุกชอบหรืออยากได้ พ่อจะหามาประเคนให้ แม้ว่าของสิ่งนั้นมันจะเป็นของขวัญพิชชา พ่อก็จะบังคับให้ขวัญพิชชาเสียสละให้น้อง
เหตุผลทั้งหมด เพราะแพรมุกเป็นลูกแท้ๆของพ่อ เธอเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว แต่เธอล่ะ เธอไม่ใช่ลูกของพ่อเหรอ ทำไมพ่อถึงไม่รักเธอ
นานเท่าไหร่ไม่รู้ ความคิดเริ่มตกตระกอน และเลือนหายไปพร้อมๆกับน้ำตาที่เหือดแห้ง ไม่ใช่มันไม่เสียใจ แต่น้ำตามันไม่มีจะไหลแล้ว เธอนั่งอยู่แบบนั้นโดยไม่ขยับไปไหน ละลายความคิดทั้งหมดที่มี วางมันลง ' เธอไม่เหลือใคร แต่เธอลืมไปรึป่าวว่าเธอยังเหลือตัวเธอเอง อย่างน้อยก็ควรกลับมารักตัวเอง '
ขวัญพิชชาเช็ดน้ำตา ตัดสินใจขับรถกลับคฤหาสถ์อนันตโชติ ' ใช่ ... มันจะไม่เจ็บเลย ถ้าเธอรักตัวเองมากพอ '
ขวัญพิชชาปล่อยวางความคิดทั้งหมด สัญญากับตัวเองว่าเธอจะเปลี่ยนความคิดใหม่ทั้งหมด และต่อไปนี้เธอจะทำเพื่อตัวเอง จะไม่สนใจใครหน้าไหนอีกแล้ว
เธอขับรถกลับบ้านอนันตโชติด้วยความมุ่งมั่นว่าจะเป็นคนใหม่
ขณะที่ขวัญพิชชากำลังขับรถ โทรศัพท์ที่วางหมิ่นๆอยู่บนเบาะข้างคนขับก็ดังขึ้น แต่มันสั่นแรงจนเคลื่อนตกลงไปใต้เบาะ ความรีบร้อน ทำให้หญิงสาวไม่อยากเสียเวลาจอดรถ และคิดว่าไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่าน ขวัญพิชชาจึงก้มลงไปหยิบ พอเงยหน้าขึ้นมา มีรถสิบล้อสาดส่ายมาที่เลนของเธอ ขวัญพิชชาตกใจไม่ทันตั้งตัว รถของเธอประสานงากับรถสิบล้ออย่างแรง เสียงเบรค ตามด้วยเสียงชนกันดังสนั่นไปทั้งบริเวณโดยรอบ
" เอี๊ยดดดดด โครมมมมมมม !!!"
ในสติที่เลือนลาง เธอมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น และความรู้สึกต่อมาคือ เจ็บปวดไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนมีน้ำไหลออกมาจากศีรษะ มันร้าวไปทั้งตัว เธอขยับไม่ได้เลย นานเท่าไหร่ไม่รู้ จนสติดับวูบไป
ขวัญพิชชารู้สึกตัวอีกครั้งได้ยินเสียงคนคุยกันเสียงดัง มีสายอ๊อกซิเจนครอบอยู่ที่ปากและจมูกของเธอ เธอเจ็บจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ดวงตาที่ลืมขึ้นมาริบหรี่ ทำให้เธอมองเห็นว่าเธออยู่ในรถพยาบาล ได้ยินเสียงผู้หญิงนั่งอยู่ข้างๆขวัญพิชชาคิดว่าเธอน่าจะเป็นพยาบาลวิชาชีพกำลังคุยโทรศัพท์ กับใครซักคน
" ฮัลโหล ใช่สามีคุณขวัญพิชชามั้ยคะ "
" มีอะไร "
" คือตอนนี้คุณขวัญพิชชาประสบอุบัติเหตุ .. "/" ตายรึยัง " ธามธาราถามแทรกขึ้นมาก่อนที่พยาบาลจะพูดจบ ทำให้พยาบาลที่นั่งอยู่ในรถอึ้ง ไปชั่วขณะ
" เอ่อ .... ยังคะ แต่ก็สาหัสอยู่ "
" ถ้าตายเมื่อไหร่ค่อยโทรตามผมไปเก็บศพนะ ตอนนี้ผมยังไม่ว่าง " จากนั้นธามธาราก็วางสายไปแบบไม่ใยดี
พยาบาลที่นั่งมากับขวัญพิชชารู้สึกมึนงงกับปฏิกิริยาของคนที่ชื่อว่าเป็นสามีของเธอ หันไปคุยกับเพื่อนพยาบาลที่มาด้วยกัน
" เธอน่าสงสารจริงๆเลย ตอนแรกโทรไปหาพ่อของเธอ พ่อของเธอก็ไม่สนใจ ไม่ถามไถ่ โทรหาสามี สามีก็เหมือนอยากให้ไปตาย โอ้ยยย !! อะไรจะโชคร้ายขนาดนี้นะ ทำไมเธอช่างน่าสงสารอย่างนี้ละ คนพวกนี้ใจร้ายจริงๆเลย "
" อืม .. น่าสงสารมากเลยเนอะ " เพื่อนพยาบาลอีกคนเห็นด้วย
ขวัญพิชชาไม่สามารถขยับหรือพูดอะไรได้เลย มีเพียงหยดน้ำตาที่รินไหลออกมาช้าๆนี่แหละ แทนคำตอบของความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่ประดังเข้ามาตอนนี้