หลายวันถัดมา
บรรยากาศในบ้านใหม่ ครอบครัวใหม่ สำหรับทิชาแล้วถือว่าอบอุ่นดีทีเดียว แม้แต่มาวินเองก็ไม่ทำตัวให้เธออึดอัดตะขิดตะขวงใจ เขาทำตัวน่ารักเป็นที่รักกับทุกคน โดยเฉพาะแม่ของเธอที่เอ็นดูเขามากเหลือเกิน
ที่สำคัญมาวินไม่ได้แสดงอาการอะไรเกินเลยกับทิชาอีกเลย มีแต่เธอนั่นแหละที่รู้สึกโหวงเหวงในหัวใจทั้งที่เป็นคนพูดออกไปเองแท้ ๆ ว่าให้เขาลืมเรื่องคืนนั้นระหว่างเขากับเธอ คิดเสียว่าเป็นเพียงความฝัน และเขาก็ปฏิบัติตัวเช่นนั้นจริง ๆ เป็นน้องเล็กตัวใหญ่ที่น่ารักของพี่สาว
จนกระทั่งถึงเวลาที่เธอจะต้องสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้ตามที่เขาเรียกร้องก็มาถึง
ทีแรกเธอก็ตะขิดตะขวงใจว่าต้องไปสอนเขาสองต่อสองในห้องนอนหรือเปล่า แต่ความจริงคือสอนในห้องหนังสือชั้นล่างที่เธอพึ่งรู้ว่ามาวินชอบอ่านหนังสือการ์ตูนมาก ลุงมานิตป๊าของเขาจึงทำห้องสมุดย่อม ๆ ไว้ให้ลูกชายเสียเลย
ในนั้นดูไม่มีสิ่งปกติที่ล่อแหลมใด ๆ ทั้งนั้น ตรงกันข้ามกลับดูอบอุ่นน่านั่งน่านอนพักกายพักใจเหลือเกิน
ห้องนั้นตกแต่งด้วยโทนสีขาว มีชั้นหนังสือตั้งไว้สองฝั่งที่อัดแน่นไปด้วยการ์ตูนและนวนิยายสืบสวนสอบสวนแบบที่เขาชอบ มุมหนึ่งเป็นหน้าต่างแบบเบย์วินโดว์ซีทอันเป็นช่องราวสองเมตร มีเบาะสีขาวกับหมอนนุ่มนิ่มสามารถทั้งนั่งนอนได้ตามสะดวก ผนังกระจกใสที่สามารถมองเห็นสวนเล็ก ๆ ที่มีน้ำตกไหลลงสู่บ่อปลาคราฟเบื้องล่างได้ สามารถเปิดออกไปรับลมเย็น ๆ แทนแอร์คอนดิชันเนอร์ได้เช่นกัน
มีโต๊ะอ่านหนังสือสีขาวและเก้าอี้สองตัวสอดอยู่ใต้โต๊ะเรียบร้อย ไม่ไกลกันเป็นเก้าอี้หนังหนานุ่มปรับเอนได้ กลิ่นหอมดอกไม้ผสมกับเลมอนจาง ๆ จากน้ำมันหอมระเหยที่ตั้งไว้ที่มุมหนึ่งพาให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
“อ้าวพี่สาวมาแล้วเหรอครับ”
เสียงทักทายดังขึ้นจากด้านหลังเล่นเอาทิชาที่กำลังพิจารณาห้องอยู่สะดุ้งเล็ก ๆ พลางหันกลับไปมอง พบร่างสูงใหญ่อยู่ในเสื้อยืดสีขาวสะอาดตา กางเกงขาสั้นเหนือเข่าแบบอยู่บ้านสบาย ๆ กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชายโชยมาจาง ๆ พร้อมรอยยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่แก้มบุ๋มของเขา มันพาให้ในห้องที่ดูอบอุ่นอยู่แล้วยิ่งดูสว่างสดใสมากขึ้น
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” เขาว่าพลางวางสมุดกับปากกาลงบนโต๊ะ เธอยิ้มแล้วตอบกลับไป
“ขอโทษทำไม นี่ยังไม่ถึงเวลานัดสักหน่อย เรานัดกันบ่ายสามแต่พี่เข้ามาก่อน”
“ครับผม เชิญพี่นั่งตรงนี้เลยนะครับ” เขาว่าอย่างสุภาพก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้เธอ ทิชาเดินไปหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ วางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วเงยหน้ามองเขาพร้อมคำขอบคุณ
“ขอบคุณมากจ้ะ” เขายิ้มตอบก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างเธอ
แว้บหนึ่งทิชานึกฉงน เหตุใดทีท่าที่เขามีต่อเธอจึงเปลี่ยนไปเร็วนัก รู้แหละว่าตัวเองเป็นคนพูดไปแบบนั้นว่าให้ลืมเรื่องระหว่างเธอกับเขาคืนนั้น แต่ไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนได้เร็วถึงขนาดนี้
เขาดูสุภาพ วางตัวเป็นน้องชายที่น่ารักของพี่สาว ไม่มีท่าทีล่วงเกินต่อเธอมากไปกว่านั้นจริง ๆ
เธอเองที่พยายามหนีห่าง ไม่เปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้อยู่กันสองต่อสอง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่อยู่ด้วยกันในที่รโหฐานแต่เขาก็ยังสุภาพกับเธอ
ห้องนี้อยู่ชั้นล่างที่ใครจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้นเพราะเขาไม่ได้ล็อกประตู ห้องโปร่งแสงด้วยการกรุกระจกโดยรอบถึงแม้จะมีผ้าม่านสีขาวสะอาดตาปิดไปบางส่วน แต่อีกฝั่งก็ถูกเปิดกว้างนั่นคงเพราะเขาไม่อยากให้เธอลำบากใจกระมัง
ทิชายิ้มออกมาได้ด้วยความโล่งใจโดยลืมไปเสียสนิทว่า เขาเคยเอาเธอครั้งแรกต่อหน้าเพื่อนฝูงและคนทั้งผับ ถึงแม้จะแอบซ่อนแต่มันก็สุ่มเสี่ยงอยู่ดีนั่นแหละ
เธอประเมินเขาต่ำไปเสียแล้ว..
การทบทวนบทเรียนดำเนินไปตามปกติประมาณครึ่งชั่วโมงโดยปราศจากการล่วงเกินใด ๆ จากเขาทั้งสิ้น ทิชาพบว่าอันที่จริงเขามีความรู้พื้นฐานที่แน่นอยู่แล้ว ครั้งหนึ่งเธอแกล้งเฉลยผิด เขายังทักท้วงเป็นข้อที่ถูกต้องอยู่เลย
“พี่ว่าวินก็เก่งอยู่แล้วนะ เผลอ ๆ เก่งกว่าพี่อีก”
“ไม่หรอกครับ พี่เก่งกว่าวินเยอะ วินก็มีลืมมีอะไรบ้าง อยากตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ป๊าจะได้ภูมิใจ” เขาว่าพลางยิ้มตาหยี เธอก็ยิ้มตอบกลับไป
“ป๊าต้องภูมิใจในตัววินอยู่แล้วล่ะจ้ะ”
ก่อนที่ประตูจะถูกเคาะ มาวินส่งเสียงบอกอนุญาตกลับไป ประตูเปิดและเป็นน้ามาลัยที่ยกถาดหนึ่งเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ของว่างมาแล้วค่าคุณครูนักเรียน น้าทำขนมจีบกุ้งกับสาคูไส้หมูมาให้ค่ะ นี่อโวคาโดปั่นมะพราวนมสด”
“หูย หอมฉุยเลยค้าบ น่ากินจังเลย ขอบคุณนะครับ”
มาวินบอกด้วยรอยยิ้มพลางยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ ทิชาเองอดที่จำยิ้มไม่ได้ มาวินน่ารักกับทุกคนเสมอ แบบนี้เองใคร ๆ ก็ตกหลุมรักเขาไปหมด
“ขอบคุณค่ะน้ามาลัย” เธอเองก็ไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นไหว้และกล่าวขอบคุณเช่นกัน
“ทานให้อร่อยนะคะคุณหนู คุณทิชา”
น้ามาลัยว่าก่อนจะเดินจากไป
“พี่ทิชาชิมสิครับ ฝีมือหนมจีบของน้าลัยอร่อยที่สุดในโลกเลยน้า” เขาว่าพลางใช้ส้อมจิ้มขนมจีบที่ราดด้วยกระเทียมเจียวหอม ๆ และน้ำจิ้มสูตรพิเศษของมาลัยแล้วยื่นไปจ่อที่ปากให้เธอ
กลีบปากจิ้มลิ้มเผยอรับอย่างไม่ขืนขัด เขาป้อนขนมจีบใส่ปากให้เธอแล้วจดจ้องรอดูฟีดแบ็ก เธอเคี้ยวหยับ ๆ แล้วกลืนก่อนจะทำตาโต
“อร่อยมาก อร่อยจริง ๆ ไม่เคยกินหนมจีบที่ไหนอร่อยเท่านี้เลยนะวิน”
“เห็นป่ะล่ะ บอกแล้ว หย่อยที่สุดในโยก” เขาว่าแล้วจิ้มเข้าปากตัวเองบ้าง ก่อนจะป้อนสาคูไส้หมูให้เธออีก
“อันนี้ต้องห่อด้วยผัดกาดหอมก่อนแล้วใส่ผักชีสองใบ สูตรวินทำแบบนี้” ว่าพลางจัดแจงตามที่พูด เธอมองเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ
“อะไร จะกินสาคูไส้หมูต้องมีสูตรด้วยเหรอ”
“มีดิ ถ้าของวินต้องใส่พริกอ่อนครึ่งเม็ดด้วย นี่เห็นป่ะ น้าลัยรู้ว่าวินกินแบบนี้ถึงได้หั่นพริกมาให้แล้ว”
“อืม จริงด้วย”
“แต่น้าวรรณบอกว่าพี่กินเผ็ดไม่เก่ง”
“ใช่จ้ะ”
“ถ้างั้นวินไม่ใส่พริกนะครับ เอ้านี้ อ้าม...” เขาส่งเสียงเหมือนกำลังป้อนข้าวเด็ก เธออ้าปากรับแต่โดยดี
ทั้งสองกินไปคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปด้วย โดยที่ทิชาไม่รู้ตัวเลยว่าไม่อาจละสายตาจากอีกฝ่ายได้เลย รู้สึกดีเหลือเกินที่ได้อยู่ใกล้ ได้พูดจา ได้เห็นรอยยิ้มและโดนเขาป้อนอาหารแบบนี้
“วิน พี่อิ่มแล้ว พอแล้วค่ะ” เธอว่าเมื่อเขากำลังจิ้มขนมจีบอีกหนึ่งลูก
“อิ่มแล้วเหรอ ทำไมกินน้อยจัง”
“ไม่น้อยนะเนี่ย กินเยอะมากเลยแหละ”
“วินจะฟ้องน้าลัยว่าพี่ทิชาไม่อร่อย” คำพูดนั้นของเขาทำเอาเธอขำพรวดออกมา
“แน้ มันเรื่องอะไรจะไปพูดแบบนั้นล่ะวิน อร่อยมากแต่พี่ตัวแค่นี้ก็กินได้แค่นี้แหละ ตัวเองตัวเบ้อเริ่มก็กินได้เยอะกว่าเค้าสิ”
“จาฟ้อง” เขายังยืนยันคำเดิมทั้งที่เคี้ยวหยับ ๆ เต็มปาก เธอเงื้อมือทำท่าจะฟาด
“เดี๋ยวเปี๊ยะเลย”
“ไม่กลัว” เธอขำที่เขาเหมือนเด็กโข่งตัวโต ยิ่งได้อยู่ด้วยกันยิ่งรู้สึกว่าเขาน่ารักเหลือเกิน
“งั้นเดี๋ยวกินนี่ก็ได้ อโวคาโดปั่น”
“อันนั้นอร่อยที่สุดในโลก”
“ไหนบอกว่าขนมจีบอร่อยที่สุดในโลกไปแล้วไง”
“คนละสาขาไง” เขาว่าพลางยกแก้วเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นมาดูด อีกมือก็หยิบแล้วป้อนเธอเช่นกัน
เธอก้มลงคาบหลอดแล้วดูด เขาเองก็ดูดแก้วตัวเอง พลันนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ความตกใจทำให้ดึงตัวออกจากหลอดและน้ำอโวคาโดนมสดปั่นก็หยดเปรอะปากและไหลลงที่คาง ก่อนจะหยดลงบนเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวช่วงหน้าอกของเธอพอดี
แต่เจ้าตัวไม่ทันได้ดูเพราะเห็นว่าคนโทรเข้ามาเป็นเอเจนซีหัวหน้างานที่โทรมา เธอหันมาบอกมาวิน
“หัวหน้าที่พี่ไปทำงานน่ะ ขอรับสายแป๊บนึงนะ”
“ครับผม” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มสดใสเช่นเคย เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับ
“ค่ะพี่ซินดี้”
“นี่ยัยทีม ป่านนี้แล้วทำไมยังมาไม่ถึงยะ เหลือหล่อนคนเดียวแล้วนะเนี่ย บอกว่าออกมาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วป่านนี้ยังไม่เห็นแม้แต่วิญญาณ”
“เดี๋ยวๆๆ พี่ซินดี้ นี่ทิชานะคะ ทิชาเอง พี่ซินจะโทรหาใครคะ”
“ว้าย ทิชาเหรอลูก พี่คงกดผิด จะโทรตามน้องมาทำงานน่ะสิ ขอโทษทีนะหนู”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“แล้วเมื่อไหร่ทิชาจะกลับมาเนี่ย เด็กใหม่ ๆ ทำงานไม่ได้เรื่องเลย ไม่มีความรับผิดชอบ อยากหยุดก็หยุด มาทำงานก็เลต พี่ล่ะปวดเฮดกลุ่มเฮิร์ต”
“ช่วงนี้คงยังไม่ได้กลับไปค่ะ พอดีหยุดพักผ่อนอยู่กับครอบครัวก่อน จะได้กลับไปก็ อ๊ะ !”
ท้ายประโยคทิชาต้องอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ ๆ มาวินก็ก้มลงมาแล้วเลียที่ริมฝีปากของเธอ !
“อะไรทิชา เป็นอะไรหรือเปล่า”
ทิชาไม่ได้ตอบคำถามจากปลายสายเพราะมัวตะลึงมองคนที่กำลังเลียกลีบปากให้เธอช้า ๆ แล้วลากลิ้นยาวมาถึงปลายคาง เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอแล้วพูดเบา ๆ
“น้ำปั่นมันไหลเปื้อนปากพี่ไงครับ วินเลยทำความสะอาดให้ นี่มันไหลถึงตรงนี้เลยนะ เดี๋ยววินเคลียร์ให้” เขาชี้บอก และยังไม่ทันที่ทิชาจะก้มลงมอง เขาก็ก้มลงไปก่อนแล้ว
ขนอ่อนของเธอลุกเกรียวไปหมด วาบหวามร้อนผ่าวไปทั่วตัว ท้องน้อยเต้นตุบวูบวาบ เพราะจุดที่เขาก้มลงไป ‘เคลียร์’ ก็คือทั้งดูดทั้งเลียจากซอกคอลงไปยังเนินอกข้างซ้าย และเขาดูดจุดที่เป็นหัวนมของเธอแรง ๆ !
“อึ๊ก !” ทิชารีบยกมือขึ้นปิดปากเอาไว้ก่อนที่เสียงครางจะลอดออกมาให้ปลายสายโทรศัพท์ได้ยิน พี่ซินดี้ส่งเสียงเรียกเธออีกครั้ง
“ทิชา ยังอยู่ป่าววะ งั้นพี่วางละนะ”
“ขอโทษค่ะพี่ พอดีคนที่บ้านเรียก” เธอโกหก มือหนึ่งวางบนไหล่กว้าง ใจหนึ่งจะผลักไสแต่กลับกลายเป็นลูบไล้เบา ๆ
“โอเค งั้นพี่ไม่รบกวนแล้วจ้ะ ไว้เจอกันนะแก บ๊ายบายจ้ะ”
“บายค่ะ” เธอบอกลารีบกดวาง เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาผละปากออกจากทรวงอกของเธอพอดี
“น้ำปั่นมันหยดมาเปื้อนนมพี่น่ะ วินดูดออกให้หมดแล้ว” เขาพูดพลางยิ้มด้วยสีหน้าใสซื่อ เธอยังนิ่ง มึนงงด้วยทำตัวไม่ถูก สถานการณ์ข้างหน้าล่อแหลมมากแต่เขากลับพูดเหมือนมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่น้องชายจะก้มลงดูดนมพี่สาวตัวเองแม้จะมีเสื้อเป็นปราการก็ตามที
“อิ่มแล้วใช่ป่ะ” เขาถาม เธอพยักหน้ารับ
“ดื่มน้ำก่อนแล้วเรียนกันต่อนะครับ เดี๋ยววินยกของไปเก็บที่ครัวก่อน จะได้ไม่ส่งกลิ่นรบกวน”
เขากว่าก่อนจะลุกขึ้นยกถาดอาหารแล้วเดินออกจากห้องไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เธอหายใจหอบกระเส่า ซอกขาเปียกแฉะอย่างห้ามไม่อยู่ไปแล้ว
ไอ้เด็กแสบ !