5
เจอกันครั้งแรก
นี่มันปล้นกันรึเปล่า?
แต่นี่แหละเขา... ไม่สนใจหรอกว่าใครจะคิดยังไง สนใจแค่สิ่งที่ตัวเองจะได้เท่านั้น มลเลยสูดหายใจเข้าลึกๆอีกรอบแล้วกดเปิดรูป จากนั้นยื่นมือถือไปตรงหน้าส่งแอร์ดร็อปไป แค่จดหมายลาตายไม่เป็นอะไรหรอก เพื่อนครึ่งค่อนคณะก็เห็นกันหมดแล้ว
“มลไม่รู้ว่าหมอจะทำอะไร มาที่นี่ทำไม แต่ถ้าจะช่วยเพื่อนมล มลขอบคุณล่วงหน้าค่ะ”
มลและชัญญ่ายกมือไหว้อย่างนอบน้อม แต่เงยขึ้นมาอีกทีเขาก็หันหลังให้แล้วขึ้นรถไปแล้ว
ทั้งคู่ยกมือไหว้ค้างและหันมองหน้ากัน ก่อนจะรีบกระโดดหลบโหยงเพราะรถลัมโบร์กินีสีดำสตาร์ท ‘บรื้น!’ และถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
“โห อะไรวะเนี่ย เท่ระเบิด มึงไปปลุกใบชาตื่นมาดูคนหล่อทีมล กูเหลือจะเชื่อเลย” ชัญญ่ายังชะเง้อมองตาม
“มันอาจจะยืนทำตาโตอยู่ข้างๆมึงก็ได้” ชัญญ่าหันไปมองข้างๆแล้วยักไหล่ หลิ่วตามองราวกับเพื่อนอยู่ข้างๆเธอจริงๆ
“ไงล่ะ มึงชิงตายก่อน อดเห็นหน้าคนหล่อเลย แต่กูเชื่อว่าเขาน่าจะช่วยมึงนะใบชา”
พอชัญญ่าพูดจบ มลก็มองตามท้ายรถลัมโบร์กินีสีดำด้านคันนั้นอีกครั้ง เธอฝากความหวังอันน้อยนิดไว้กับนายแพทย์หนุ่มที่ไม่รู้จัก คุยไม่กี่คำ และดูจะไม่เป็นมิตรคนนั้นอย่างที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ
เพราะเขาดูไว้ใจได้และดูไม่มีผลประโยชน์อะไรกับใบชาที่สุดแล้ว
»——————•♛•——————«
นายแพทย์ปรัชวิชญ์เป็นคนเก็บตัว รักสันโดษ เขาจึงแยกบ้านออกมาและสร้างบ้านใหม่ในสไตล์ตัวเอง บ้านสีดำทึบคล้ายกล่องสี่เหลี่ยม ภายนอกมีแค่ประตูหนึ่งบาน ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีช่องลม ทว่ามีช่องรับแสงกลางบ้านที่ให้แสงธรรมชาติส่องลงสวนญี่ปุ่นเท่านั้น
ภายในห้องโถงเพดานเปิดโล่งไม่อึดอััด ชั้นหนึ่งประกอบด้วยห้องทำงาน ห้องแล็บ มีครัวเล็กๆเป็นครัวเปิด ส่วนชั้นบนมีแค่ห้องนอนหนึ่งห้องถ้วน เพราะคนขี้รำคาญอย่างเขาไม่คิดจะรับแขก หรือต้อนรับใครอยู่แล้ว และนอกจากนั้นยังมีห้องสำคัญอีกห้องที่ขาดไม่ได้ ห้องเก็บหนังสือก่อนถึงห้องนอน เขาจะชอบแวะหยิบไปอ่านก่อนเข้านอนเสมอ
นิ้วชี้เรียวกดรหัสผ่านเข้ามาในตัวบ้าน พาดสูทตัวหลวมสีเทาไว้ที่โซฟาแล้วเดินไปหยิบขวดน้ำในตู้เย็น เขายกดื่มขณะที่หัวใช้ความคิด
เรื่องที่เพื่อนของใบชาเล่าตรงกับสิ่งที่ได้ยินชัดเจน...
‘แม่คะ แต่เราทำให้พ่อแม่ใบชามันตายแล้วนะ ยังทำให้มันตายอีกเหรอ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้’
โกดังโดนไฟไหม้ แสดงว่าเป็นไปได้ที่จะโดนวางเพลิง นายแพทย์หนุ่มวางขวดน้ำแร่ไว้บนเคาน์เตอร์ แล้วส่ายหัวกับเรื่องทั้งหมด ก่อนจะหันไปมองห้องแล็บที่อยู่ขวามือแล้วเดินล้วงกระเป๋ากางเกงไปที่นั่น
เขายกนิ้วชี้สแกนลายนิ้วมือจนประตูบานทึบเลื่อนออกจากกัน จากนั้นก้าวเท้าเข้าไปในห้องที่มีโต๊ะทดลอง หนังสือ และกรงหนูที่ตัวเองได้ทดลองกับตัวยาชนิดเดียวกันกับใบชา
ทุกตัวยังแข็งแรงดี กินอาหารเก่ง วิ่งอยู่ในวงล้อ พอปรินซ์หยุดมองหยิบเมล็ดทานตะวันแห้งส่งให้ผ่านช่องกรง เจ้าหนูทดลองตัวสีขาวก็วิ่งมาหาเขาและใช้สองมือรับเมล็ดทานตะวันไปแทะอย่างเอร็ดอร่อย
เขาเผยยิ้มที่มุมปากอย่างโล่งใจ จากนั้นเดินต่อไปยังห้องด้านในสุด พอถึงประตูก็ส่งนิ้วสแกนเช่นเดิม จนกระทั่งประตูบานนั้นเลื่อนเปิดเจอกับเตียงคนไข้ที่มีเครื่องมือแพทย์ครบครัน และร่างเล็กที่นอนใช้เครื่องช่วยหายใจมีสายระโยงระยางบนเตียง
สายตานิ่งเรียบปรายมองที่มอนิเตอร์แสดงสัญญาณชีพที่ยังคงที่และมองใบหน้าสวย เธอไม่เหมือนคนที่เคยตายไปแล้ว หรือเป็นคนป่วยติดเตียง ผิวพรรณหายซีดเผือดผิวขาวอมชมพูสุขภาพดี ขนตางอนสวยราวกับคนปกติที่แค่ผล็อยหลับไป
อาจเป็นเพราะเขาอัดทุกวิตามินให้ และให้อาหารทางการแพทย์ที่มีโภชนาการสูง แต่กว่าจะปกติดังเดิมใบชาอาจจะนอนติดเตียงเป็นเดือนๆ เพื่อที่ร่างกายได้ซ่อมตัวเอง
และแล้วร่างสูงก็เลื่อนเก้าอี้มานั่งลงข้างๆเตียง หยิบมือถือขึ้นมาอ่านจดหมายที่เพื่อนของเธอส่งมาให้ท่ามกลางเสียงสัญญาณชีพ
ถึงป้าพรรณ
ใบชาอยู่ในโลกที่เลวร้ายนี้ไม่ไหวแล้วค่ะ ใบชากับพี่โดมเลิกกันแล้ว ใบชาทำตามพินัยกรรมของพ่อกับแม่ไม่ได้ ใบชาผิดเองที่ไม่รักดี ดื้อ และหัวรั้นจนพี่โดมทนไม่ไหว เกิดอะไรขึ้นกับใบชาอย่าโทษพี่โดม อย่าโทษใคร ทุกๆอย่างมันเกิดจากความอ่อนแอของใบชาเอง
ใบชาเป็นโรคซึมเศร้า แต่ละวันที่อยู่ในโลกที่ไม่มีพ่อแม่และไม่มีพี่โดมมันยากลำบากมาก ฝากบริษัทของพ่อด้วยนะคะป้าพรรณ ใบชาเชื่อว่าป้าพรรณกับลุงสุเทพต้องดูแลมันได้ดี ทรัพย์สินต่างๆที่เหลือป้าพรรณกับครอบครัวเอาไปได้เลย กระเป๋าแบรนด์เนมทุกใบยกให้พี่แพรวเอาไปใช้ เพราะพี่แพรวดีกับใบชามาก และป้าพรรณก็เลี้ยงใบชามาอย่างดี ใบชารักป้าพรรณเหมือนแม่แท้ๆนะคะ
ขอโทษที่ทำแบบนี้ ลาก่อนค่ะ
ใบชา
อ่านจบเขาก็ลอบหัวเราะออกมาหึ ก่อนจะอัปโหลดรูปลงไดรฟ์ไว้กับไฟล์เสียงเพื่อเป็นหลักฐาน ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้มาก ต้องรอใบชาฟื้นขึ้นมา ซึ่งหมออย่างเขาก็ประเมินไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้แน่นอน
ระหว่างที่เธอหลับใหลเขาทำได้แค่คอยบันทึกอาการ ช่วงไหนสัญญาณชีพอ่อน อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยน ค่าเลือด ค่าปัสสาวะ และวันนี้ก็เป็นวันว่างของเขา หมอปรินซ์ใช้เวลาทั้งวันในห้องแล็บ เขาเปิดประตูห้องที่ใบชานอนอยู่ไว้ ออกไปนั่งเขียนผลการทดลองด้านนอก
โดยสมมุติฐานที่ตั้งขึ้นมีดังนี้…
หนึ่งเธอพิการในส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่นสมอง ช่วงล่าง นอนติดเตียงตลอดไป อาจจะเป็น Kleine-Levin syndrome (KLS) หรือเจ้าหญิงนิทรา
สองเธอฟื้นขึ้นมา มีการฟื้นตัวทุกอวัยวะ แต่มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หนึ่งเดือน สองเดือน หรืออาจจะสามเดือนเป็นต้น
สามเธอใช้ชีวิตได้ปกติ รับรู้สัมผัส กลิ่น เสียง สามารถคิดวิเคราะห์ได้อย่างคนทั่วไป และ… มีเพศสัมพันธ์ ตั้งครรภ์ ให้กำเนิดบุตร มีชีวิตยาวนานจนกว่าจะสิ้นอายุขัย
‘เคล้ง!’
อยู่ๆก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมา
นายแพทย์หนุ่มเงยขึ้นมองไปที่ต้นเสียงทันที พร้อมกับเจ้าหนูทดลองที่ยืนสองขามองไปด้วย ก่อนที่เขาจะวางมือจากปากกาพับหนังสือเล่มหนาลง ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนั้น
และสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาถึงกับยืนนิ่ง หยุดสองเท้าที่ประตู ใบชาพยายามลืมตาและยกมือขึ้น เสียงที่ดังเรียกเขามาคือเสียงเสาน้ำเกลือล้มลงพื้น
เป็นไปได้ยังไง...
เธอฟื้นเพียงวันเดียว...
ม่านตาของใบชามัวหมองคล้ายกับอยู่ในห้องที่มีแต่หมอกควัน เธอพยายามรวบรวมแรงไปที่มือเพื่อจะคว้าดึงตัวเองลุกขึ้นนั่ง แต่ตัวหนักคล้ายกับโดนหินก้อนใหญ่ทับไว้ ริมฝีปากสวยจึงค่อยๆขยับ กลอกตามองรอบๆช้าๆจนไปเห็นเงาคนตัวสูงยืนกอดอกอยู่ที่ประตู
และเธอก็พยายามเปล่งเสียงแหบๆออกมา
“จะ เจ้าชาย”
เขาเดินมาหาและยืนข้างๆเตียง เธอพยายามมองหน้าแต่มองยังไงก็ไม่ชัด เมื่อเสาน้ำเกลือถูกยกขึ้นตั้ง หมอปรินซ์ก็คว้าไฟฉายจับเธอเปิดตาส่องดูม่านตา จากนั้นดีดนิ้วเปาะ ข้างหูซ้ายขวา
“ได้ยินไหม”
คอเธอแห้งมาก พยายามพยักหน้าก็หนักไปทั้งศรีษะ
“อย่าเพิ่งขยับ”
“จะ เจ้าชาย จะ เจ้าชายรึเปล่า”
เธอจำได้แค่นี้ จำได้แค่ภาพหลังความตายที่มีพ่อกับแม่ไปส่งให้เจ้าชายคนหนึ่ง พ่อบอกว่าคนคนนี้สามารถดูแลเธอได้ดีกว่าพ่อ…
แต่ทว่าเจ้าชายของเธอนั้นกลับบอกด้วยเสียงนิ่งๆว่า...
“เพ้อเจ้ออะไร”
ใบชากะพริบตาช้าๆพยายามมองหน้าเขาอีกครั้ง ‘เพ้อเจ้องั้นเหรอ?’ เขาบ่น เขาด่า หรือเขาชมเธอ?
“คุณ...”
“นอนนิ่งๆ ตอนนี้เธออยู่ในการทดลองของฉัน”
เธอต้องนอนนิ่งๆอยู่แล้ว ว่าแต่การทดลองแปลว่าอะไร?
ระหว่างที่นายแพทย์หนุ่มตรวจร่างกายเบื้องต้น ใบชาพยายามกะพริบตาช้าๆปรับม่านตาตัวเอง ม่านตาเธอค่อยๆเปิดมองเห็นทีละส่วนในห้อง
แต่ละอย่างในนี้ไม่รู้ว่าคืออะไร จำอะไรไม่ได้ ความรู้ ความสามารถ ความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ผ่านโลกมายี่สิบปีหายสิ้น ถูกรีเซ็ตราวกับคนใหม่
จนหมอปรินซ์มายืนข้างๆอีกครั้ง จดอะไรบางอย่างลงชาร์ทของเขา เธอมองเป้ากางเกง มองเข็มขัด มองขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเขาทำอะไร แต่เขาคือคนแรกที่รู้จักหลังจากตื่นขึ้นมาในโลกใบใหม่นี้
จนกระทั่งชาร์ทในมือคุณหมอหนุ่ม ถูกเลื่อนออกเผยใบหน้า….
เขาก็จับราวเตียงและก้มลงมาหาเธอ
“ฉันควรเล่นอะไรกับร่างกายเธอก่อนดี…”
ตาที่มัวๆใสปิ๊ง
เพราะเขา… หล่อ… มาก…