1 | จุดเริ่มต้น

1640 Words
1 จุดเริ่มต้น “หลานสาวฉันผูกคอตายค่ะ มาเห็นก็ช่วยไม่ทันแล้ว” ในบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพ แพรพรรณกับญาติๆกำลังร้องห่มร้องไห้อย่างหนักเนื่องจากสูญเสียหลานสาวเพียงคนเดียวไปด้วยการจบชีวิตตัวเอง วันนี้แพทย์เวรไม่ว่างแพทย์ประจำบ้านอย่างหมอปรินซ์ที่กำลังศึกษาต่อด้านนิติเวชจึงออกตรวจนอกพื้นที่แทน เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ก็นำร่างผู้เสียชีวิตลงนอนราบที่พื้นแล้ว นายแพทย์หนุ่มที่มีหน้าที่ชันสูตรจึงนั่งลงวางชาร์ทไว้บนเข่า เหลียวมองเชือกรองเท้าที่ผูกอยู่กับลูกบิดประตู และมองร่างผู้ตายที่เป็นหญิงสาวสวยอย่างนึกเสียดาย สวยขนาดนี้จะรีบตายไปทำไม เขานึกในใจ และสำรวจรูปลักษณ์ภายนอก มองผ่านตาเปล่าบริเวณลำคอเธอมีร่องรอยเชือกรัดอย่างชัดเจน ปลายปากกาลูกลื่นจดข้อมูลทุกอย่างลงในชาร์ท ดูทีละส่วนอย่างละเอียด จนมาถึงมือและเล็บ มือขวามีรอยช้ำ มีรอยข่วน และซอกเล็บมีเลือดติดอยู่จางๆ ตรงบริเวณนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง รวมแล้วเป็นสาม ทว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะข่วนตัวเอง เพราะรอยข่วนนั้นอยู่ในมือข้างเดียวกัน ปรินซ์จึงลุกขึ้นเดินอ้อมไปดูอีกมือ ใช้ปากกากดมือที่กำอยู่แบออก ในมือนั้นไม่มีอะไรนอกจากเส้นผมสีทองที่ต่างจากสีผมผู้ตาย และในซอกเล็บไม่มีเศษชิ้นเนื้อ “น้องสาวฉันเลิกกับแฟนค่ะ ฮือๆ ก็เลยคิดสั้น น่าสงสารมาก” เขาหันไปมองคนเอ่ยประโยคนั้น สีผมของเธอคือสีเดียวกันกับเส้นผมในมือผู้ตายอย่างชัดเจน จนกระทั่งตำรวจถามขึ้นมา “มีจดหมายลาตายไหมครับ” “มีค่ะ นี่ค่ะๆ” ตำรวจรับกระดาษแผ่นนั้นมาถ่ายรูปไว้ หน้าที่แพทย์ชันสูตรยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่ง... “ญาติติดใจสาเหตุการตายไหมครับ? ต้องการชันสูตรเพิ่มเติมไหม” “ไม่ติดใจค่ะคุณตำรวจ ตั้งแต่พ่อกับแม่หลานฉันตายไปหลานฉันก็ค่อนข้างอ่อนไหวและอ่อนแอ ฉันคิดไว้แล้วว่าต้องมีวันนี้ ฮึกๆแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้” แล้วญาติคนนั้นก็มองมาที่หมออย่างเขาด้วยสายตาเศร้าโศกเว้าวอน “ไม่ต้องผ่าตรวจอะไรนะคะหมอ ฮือๆ ฉันอยากให้หลานสาวฉันไปอย่างสวยๆ และไปสบาย เจ็บปวดมามากแล้ว” เขาไม่ตอบ ไม่พยักหน้า มีแต่สายตาว่างเปล่าที่ส่งกลับไป ทั้งที่ในใจและในหัวมีเรื่องสงสัยเต็มไปหมด ก่อนจะก้มจับปากกาจดทุกอย่างที่เห็นลงในชาร์ทอีกหน และมองหลักฐานอื่นตามตัวที่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาพอจะชันสูตรเพิ่มเติม ในที่นี้มีญาติของผู้ตายที่น่าจะเป็นป้า ลุง พี่สาวผมทองที่เป็นลูกพี่ลูกน้องเพราะเขาได้ยินเธอเรียกป้าคนนั้นว่าแม่ และผู้ชายหน้าตาดีอีกคนที่ไม่ได้ให้ปากคำใดๆ กำลังนั่งร้องไห้หลังพิงกำแพง คนนี้คงจะเป็นแฟนหนุ่มที่เพิ่งเลิกราไป หมอปรินซ์มองไปที่มือของเขาที่ยกขึ้นปิดหน้าร้องไห้ พอเห็นหลังมือมีรอยข่วนจึงลุกขึ้นและเดินไปยืนตรงหน้าท่ามกลางสายตาทุกคน จนตำรวจต้องรีบเดินตามไป “รอยที่หลังมือคุณเกิดจากอะไร” คำถามที่ยิงออกมาทำให้คนร้องไห้อยู่ลดมือลงดูทันที เขาตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจเพราะไม่รู้ว่ารอยนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ “เอ่อ... นะ น่าจะเป็นรอยเล็บแมวครับ ก่อนหน้านี้ผมเล่นกับแมวมา” ขนาดรอยเล็บแมวกับเล็บคนมันต่างกันลิบลับ และรอยที่หลังมือผู้ชายคนนั้นก็ใหญ่เกินกว่าจะเป็นรอยเล็บแมวได้ “ในซอกเล็บผู้ตายมีเศษชิ้นเนื้อ รบกวนตำรวจที่รับผิดชอบคดีสอบปากคำผู้ชายคนนี้เพิ่มเติมด้วย ผมจะตรวจชิ้นเนื้อในซอกเล็บว่าตรงกันรึเปล่า” คนที่แทนตัวเองว่าพี่สาววิ่งโร่มาทันที “ไม่มีทางตรงกันค่ะ! โดมอยู่กับฉันตลอดฉันยืนยันได้ คุณหมอพูดแบบนี้เขาฟ้องหมดตัวได้นะ” คุณหมอหนุ่มสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกง มองความตื่นตระหนกของอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งเรียบ “แล้วคุณเดือดร้อนอะไร?” คนถูกถามหายใจไม่ทั่วท้อง หันไปมองหน้าแม่กับพ่อตัวเองที่หน้าซีดไม่ต่างกัน มือที่จับกันแสดงถึงความประหม่า ดวงตาที่กลอกไปมาประเมินได้ไม่ยาก “ฉัน...” “ผมทำตามขั้นตอนตามกฎหมายและนิติเวช” แล้วสายตาคู่นั้นก็ปรายมองไปที่ชายหนุ่มที่อ้างว่าเป็นแฟน นอกจากน้ำตาที่เปียกแก้มเหงื่อยังซึมชื้นตามขมับสองข้าง ล่กลนราวกับมีปูนร้อนๆปะทุในท้อง “ศพจะถูกเก็บไว้ที่โรงพยาบาลจนกว่าผลการตรวจชิ้นเนื้อจะออก และผลไม่ตรงกัน” ทุกคนในบ้านมองหน้ากัน และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้.... »——————•♛•——————« นายแพทย์ปรัชวิชญ์ ชัยพัฒณวนิช แพทย์ Resident (แพทย์ประจำบ้าน) ที่กำลังศึกษาต่อเฉพาะทางด้านนิติเวช เขาเป็นแพทย์หนุ่มที่ใครๆขนานนามว่าฉลาดเป็นกรด หูตาไวยิ่งกว่าสับปะรด นอกจากหน้าตาจะหล่อเหลาจนสาวๆอยากตายเพื่อเป็นคนไข้ ยังพ่วงตำแหน่งประธานบริษัทเครื่องมือแพทย์ยักษ์ใหญ่ เป็นถึงลูกหลานหม่อมเจ้า และเป็นทายาทห้างดัง เขาสามารถอยู่นิ่งๆกินเงินจากหุ้นได้สบาย แต่กลับสละเวลาส่วนมากเพื่อวิจัยและช่วยเหลือคนไข้โดยอาชีพหมอ ยิ่งเฉพาะกับคนตายที่ไม่มีปากไม่มีเสียง ถูกเอาเปรียบโดยไร้ความยุติธรรม เขาจะช่วยสุดความสามารถ จนแอบซุ่มทำโปรเจกต์ลับ ผลิตตัวยาวิเศษที่กระชากทุกชีพจรให้ตื่นขึ้นมาทำงานใหม่อีกครั้ง ทว่ายานี้เขากำลังทดลองกับหนูเท่านั้น กับคนที่เป็นคนตายยังไม่มีโอกาสทดลองสักที เพราะแต่ละศพที่เขาชันสูตรเกินเรียกกลับ มีอวัยวะเสียหายหนัก เสียชีวิตมาเป็นเวลานานกว่ากำหนด และไม่มีเหตุผลเพียงพอที่เขาจะเสี่ยงทดลอง จนมาถึงศพนี้... เมื่อนำศพผู้หญิงคนนั้นเข้าห้องชันสูตรที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เขาก็พบว่าหลักฐานบางอย่างถูกทำลาย เล็บยาวๆที่ปลายเล็บมีเลือดติดอยู่ถูกตัดสั้นทั้งสามนิ้ว หมอปรินซ์จึงคว้าชาร์ทที่เขาเคยเขียนไว้ที่วางอยู่บนโต๊ะสเตนเลสข้างๆศพขึ้นมาดู เนื่องจากเขาไม่ใช่หมอเวรเป็นเพียง Resident ที่ออกนอกสถานที่แทน เมื่อมาถึงชาร์ทนี้ก็ถูกส่งให้เจ้าหน้าที่และหมอเวรคนอื่นชันสูตรต่อ แต่มันเป็นไปได้ยังไงที่ผลที่เขาเขียนมาถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ศพเสียชีวิตมาแล้วสองชั่วโมงจากการขาดอากาศหายใจ พบร่องรอยกดทับของเชือกบริเวณลำคอ ไม่มีร่องรอยอื่นๆเพิ่มเติม หลักฐานชิ้นเนื้อที่ปลายเล็บไม่มี รายงานจากห้องปฏิบัติการฮิสโตเคมีไม่มี ทั้งที่เขากำชับเรื่องนี้ไป เจอเรื่องเหี้ยเข้าแล้วสินะ... “ติดขัดอะไรไหมครับคุณหมอ” เขาลดชาร์ทในมือลงและหันไปมองตามเสียง มีเจ้าหน้าที่ประจำห้องเก็บศพคนหนึ่งเดินเข้ามา “ทำไมผลชันสูตรเปลี่ยน?” เจ้าหน้าที่คนนั้นมองสิ่งที่อยู่ในมือเขาแล้วทำหน้าครุ่นคิด ก่อนที่จะเดินไปที่ปลายเท้าศพแล้วก้มดูป้ายชื่ออีกที “อ้อ หมอภาสเปลี่ยนครับ เห็นว่าชันสูตรใหม่แล้วที่หมอปรินซ์เขียนมาในซอกเล็บเป็นแค่ร่องรอยลิปสติกครับ” เขาลอบหัวเราะเหอะออกมาทันที ร่องรอยลิปสติกแต่ตัดเล็บศพสั้น? “ตำรวจได้สอบปากคำ และให้ผู้ต้องสงสัยมาเก็บตัวอย่าง DNA รึเปล่า” “ไม่นะครับ ตำรวจปิดคดีและหมอภาสก็เขียนรายงานไปแล้ว สามทุ่มญาติจะมารับศพครับ” นอกจากความขัดใจ สมองนายแพทย์หนุ่มประมวลผลอย่างรวดเร็ว หากเป็นคน... อัตราการตายของเซลล์แต่ละชนิดแตกต่างกัน เซลล์ผิวหนังและกระดูกจะยังเกิดกระบวนการเมตาบอลิซึมต่อไปอีกหลายชั่วโมงหลังการเสียชีวิต ส่วนเม็ดเลือดขาวจะยังสามารถเคลื่อนที่ได้อีกสิบสองชั่วโมงหลังจากหัวใจหยุดเต้น แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเซลล์ในสมองที่ขาดออกซิเจนไป ส่วนนั้นจะตายไปอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่ถูกผ้าขาวคลุมอยู่อีกครั้ง และมองหน้าเจ้าหน้าที่ สิ่งที่เปลี่ยนไปทั้งหมดและสิ่งที่เห็นตอนนี้ ทำให้เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้รับความยุติธรรม เธอต้องถูกฆาตกรรมจากคนใกล้ตัว “สิบนาทีเดี๋ยวผมมา อย่าให้ใครแตะต้องศพ” เวลาเขาเหลือน้อยมาก ยาจะช่วยได้หรือไม่เขาไม่รู้ หากฟื้นจริงๆ เซลล์สมองบางส่วนคงเสียหายไป เธออาจจะพิการด้านใดด้านหนึ่ง อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่ถ้าไม่ลองสักตั้ง... เมื่อไหร่จะรู้ “แต่ผมต้องเตรียมศพส่งให้ญาตินะครับ อีกชั่วโมงเดียวคงไม่ทัน” เขาก้าวไปหาเจ้าหน้าที่คนนั้นเพียงก้าวเดียวเท่านั้น คนตัวเล็กกว่าทั้งส่วนสูง ตำแหน่ง และอำนาจ ก็ตัวหดเล็กเท่ามด “อยากได้เท่าไหร่?” ______________________ นิยายเรื่องนี้จะกึ่งๆแฟนตาซีนะคับ ทางการแพทย์คือเป็นไปได้ยากมาก อ่านสนุกๆม่วนๆจอยๆ จบสวย ฟิน แซ่บ แน่นอนค้าบ ที่สำคัญจะไม่มีใครงี่เง่า ทุกตัวละครมีเหตุผลและได้รับบทเรียนค่ะ🥰
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD